รังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล จี้ นายกฯ ต้องตรวจสอบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวก scammer ที่เมียวดี แฉ พล.ต.ต. ชื่อย่อ "อ" เป็นเจ้าของ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด พรรครัฐบาล อย่าให้ไทยเป็นปากประตูนรก เรียกร้องเป็นวาระแห่งชาติ
วันที่ 3 เม.ย. เมื่อเวลา 20.47 น. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายฯ กรณี การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ ว่า รัฐบาลนี้แถลงนโยบาย รัฐบาลนี้ได้เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยคุกคามข้ามชาติและการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้นโยบายโดยพรรคเพื่อไทย ยังได้ระบุต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยจะปกป้องประชาชน วางระบบป้องกันภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีที่เท่าทัน ไม่ปล่อยอาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล และขยายตัวออกไปสร้างความเสียหายต่อประชาชนซ้ำซากรายวัน สูญเสียทั้งทรัพย์สิน และชีวิตอีกต่อไป
...
มาดูกันครับว่า ผ่านมา 7 เดือนกว่า ของรัฐบาลชุดนี้ มีความคืบหน้ากันอย่างไรบ้าง จากข้อมูลของตำรวจ ตั้งแต่มีนาคม 2565 ถึง มิถุนายน 2566 คาดว่าขบวนการพวกนี้ได้สร้างความเสียหายเป็นคดีกว่า 285,000 คดี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า สี่หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่างบรายจ่ายที่บางกระทรวงเพิ่งได้รับไปเสียอีก มีพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบมากมาย เป็นปัญหาเรื้อรังข้ามชาติที่ยังแก้ไม่หาย นอกจากนี้จากปี 2563 มีสายหลอกลวง 1.7 ล้านสาย แต่ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านสาย เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า ภายใน 2 ปี เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา การตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกเอาเงินเหล่านี้ ยังเกิดขึ้นเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสำนักพุทธ จังหวัดขอนแก่น ก็ถูกมิจฉาชีพพวกนี้หลอกเงิน หรือจะเป็นชาวบุรีรัมย์ท่านนี้ ก็โดนมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นตำรวจ หลอกให้โอนเงินที่เก็บเอาไว้ดูแลครอบครัว สุดท้าย ชายคนนี้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองครับ นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพวก scammer หรือ แก๊ง call center
เมื่อพิจารณากระบวนการตามกฎหมายในการติดตามเงิน และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะธุรกิจนี้ใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงิน ทำให้ธนาคารอายัดได้แต่บัญชีเปล่าที่ไม่มีเงินเหยื่ออยู่อีกแล้ว และในส่วนของการจับคนร้าย ส่วนมากคนที่ถูกจับได้ก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า เมื่อเราติดตามเส้นทางการเงินต่อไปเรื่อยๆ จะพบว่าเงินพวกนี้จะถูกโอนต่อไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการจะจับตัวการสำคัญ ก็ต้องอาศัยการประสานงานกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ดังนั้นถ้าประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ความร่วมมือ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับตัวการเหล่านี้ได้เลย ตลอดระยะเวลากว่า 7 เดือนของท่านเศรษฐานั้น ไม่ทราบว่า ผลงานอันเป็นรูปธรรมในการทลายมิจฉาชีพระดับหัวขบวนมีหรือไม่ รวมทั้งข้อมูลที่ผมได้รับจากหน่วยความมั่นคง ยืนยันตรงกันว่า จากเส้นทางการเงินของบัญชีม้า หนึ่งในปลายทางถูกโอนไปสู่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของพวก scammer และ call center หลายขบวนการ
พี่น้องประชาชนครับ เราจะพบว่าบ่อนกาสิโนในฝั่งเมียนมา ที่ได้รับแจ้งว่ามีการทำ scammer หรือ แก๊ง call center กระจายตัวอยู่ในเมืองสำคัญๆ เช่น เมืองเล่าก์ก่าย เมืองล่าเสี้ยว รวมถึงเมืองเมียวดีที่ติดกับแม่สอด จังหวัดตาก
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับชายคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อของการหลอกลวงที่เมืองเล่าก์ก่าย เขาเล่าให้ผมฟังว่าตัวเขาเองตกงานไม่มีรายได้ในช่วงโควิด-19 เขาไปเจอประกาศใน Facebook รับสมัครงานขายของออนไลน์ที่ประเทศเมียนมา เขาและแฟนตัดสินใจว่า จะลองไปเสี่ยงโชคดู สุดท้ายเมื่อเดินทางไปถึงบริเวณชายแดนตามที่นัดหมาย ปรากฏว่า เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มารับ และพาตัวเขาใส่ใต้ท้องรถเดินทางไปยังเมืองเล่าก์ก่าย หลังจากไปถึงก็ทำการยึดพาสปอร์ตและโทรศัพท์ โดยนายจ้างชาวจีนพาทั้งคู่ไปตรวจร่างกาย พี่น้องประชาชนครับทราบมั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แฟนของผู้ชายคนนี้กำลังตั้งท้องอ่อนๆ โดยที่แฟนผู้ชายของเขาไม่ทราบมาก่อน นายจ้างชาวจีนได้ยื่นคำขาด ว่าหากต้องการทำงานด้วยกัน จะต้องทำแท้ง ถ้าไม่ทำแท้ง ก็ต้องแยกกันทำงานคนละตึก ให้เวลา 1 คืนในการตัดสินใจ แต่ยังไม่ทันพ้นคืน นายจ้างจีนก็จับผู้หญิงคนนั้นไปทำแท้งทันที
นอกจากคนไทย ก็ยังมี หญิงชาวเคนยา จำนวน 3 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นครูฝึกหัดในโรงเรียนมัธยมในประเทศเคนยา ที่ได้ถูกขบวนการพวกนี้หลอกเช่นกัน พวกเธอถูกเอเย่นต์หลอกว่าให้มาทำงานเป็นครูสอนภาษาที่ประเทศไทย จะได้ค่าตอบแทนสูง ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ก็มีขบวนการพาไปที่เมียนมา เพื่อเป็น romance scam พวกเธอต้องปลอมเป็นคนอื่น และใช้แอปฯ หาคู่ทั้งหลายจีบให้รัก แล้วหลอกมาลงทุนในแพลตฟอร์มเงินดิจิทัลของพวกนายจ้างจีน
โดยวิธีในการหลอกเหยื่อมีดังนี้ครับ เริ่มตั้งแต่ ทีมเอ scammer หน้าใหม่ จะมีหน้าที่ในการหาเหยื่อ มาส่งให้ทีมบี ซึ่งทีมนี้ ภายใน 3 วันจะต้องลวงเหยื่อให้ติดกับ หากเหยื่อเริ่มมีข้อความบอกรักส่งกลับมา ก็จะส่งต่อให้ ทีมซี เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนให้เหยื่อโอนเงิน เข้าสู่วอลเล็ตคริปโตเคอร์เรนซีที่ขบวนการพวกนี้ได้เตรียมไว้ จนกระทั่ง “เงินเหยื่อหมด บล็อกเหยื่อ แล้วหาเหยื่อใหม่” ซึ่งหญิงชาวเคนยารายนี้ ต้องทำงานแบบนี้วนไปกว่าหนึ่งเดือน จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจาก NGO และสถานทูตเคนยาในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีเหยื่ออีกหลายชาติที่ถูกหลอกในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน เวียดนาม ไต้หวัน เนื่องจากขบวนการพวกนี้จำเป็นต้องใช้คนที่พูดภาษาเดียวกันหลอกคนที่พูดภาษาเดียวกัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือถ้าอยากหลอกคนไทยให้แนบเนียนที่สุด ก็ต้องใช้คนไทยมาหลอกคนไทย หากต้องการหลอกคนจีนก็ต้องใช้คนจีนมาหลอกคนจีน ทำให้ผู้เสียหายจากขบวนการเหล่านี้ ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ชัดเจนว่าทั่วโลกเสียหายจากขบวนการเหล่านี้ ท่านนายกฯ เคยทราบหรือไม่ ว่าประเทศไทยได้กลายเป็นประตูสู่ขุมนรกของเครือข่ายสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว
ท่านนายกฯ อาจจะหยิบยกกรณีของเล่าก์ก่าย ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจสามารถช่วยคนไทยกว่า 500 คนออกจากเล่าก์ก่ายได้ แต่ในความเป็นจริงเราต้องยอมรับว่าการช่วยเหลือในครั้งนั้นเป็นผลโดยตรงมาจากความขัดแย้งของสงครามกลางเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์ และจากการริเริ่มของทางการจีน หากไม่มีการโจมตีเมืองเล่าก์ก่าย ผมไม่แน่ใจจริงๆ ว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือคนไทยมากน้อยแค่ไหน และต้องพูดให้ชัดเจนมากกว่านั้นว่า การช่วยเหลือคนไทยที่เป็นเหยื่อของขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์นั้นก็เรื่องนึง หากแต่การทลายเครือข่ายพวกนี้เพื่อไม่ให้หลอกลวงคนไทยก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราแทบไม่เห็นการเอาใจใส่ของรัฐบาลต่อกรณีนี้เลยแม้แต่น้อย
ภายหลังที่เล่าก์ก่ายถูกทลาย ขบวนการ scammer พวกนี้ก็ได้มาสมทบอยู่ที่เมียวดีและส่งเสริมให้เมียวดีกลายเป็นแหล่งที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น ผมต้องย้ำนะครับ ว่าเมียวดีจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญต่อศักยภาพของรัฐบาลนี้ เพราะอาชญากรรมที่นี่กำลังเฟื่องฟูอย่างมาก
ชเวก๊กโก ซึ่งเป็นของบริษัท หย่าไท้ ตามรายงาน Special Report United States Institute of Peace รายงานว่า ชเวก๊กโกเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่กว่า 75,000 ไร่ มีเจ้าของชื่อ เสอ จื้อ เจียง ถูกจับไปแล้วตามหมายจับจากทางการจีน ซึ่งวันนี้ยังอยู่ในคุกที่ประเทศไทย ซึ่งบริษัทของนายเสอ ได้เข้าไปมีความสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองท้องถิ่นในแม่สอด มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับชาติตั้งแต่ก่อนถูกจับ เคยเข้ามาพรีเซนต์งานในกรรมาธิการสถานบันเทิงครบวงจรของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว พยายามแทรกแซงเข้ามาในประเทศไทย ด้วยการสร้างเมืองแฝดชเวก๊กโก ในอำเภอแม่สอด และยังมีความฝันทำสถานบันเทิงครบวงจร ใจกลางกรุงเทพฯ ที่สำคัญได้ซื้ออาคาร bangkok smile square ที่เพชรบุรีตัดใหม่ไปแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ยังไม่ได้เดินหน้าต่อ นอกจากนี้หากย้อนกลับไปที่กัมพูชา บริษัทนี้เป็นหุ้นส่วนสำคัญในโครงการ ลองเบย์ดาราซากอร์ เกาะกง ซึ่งพบว่าเป็นฐาน scammer และ call center แหล่งใหญ่เหมือนใน ชเวก๊กโก ไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งกว่านั้นยังพบการบังคับค้าประเวณีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คาดว่ามีเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ค้าประเวณีด้วย ปัจจุบันมีรายงานข่าวว่าโรคเอดส์กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในโครงการนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าในเมืองชเวก๊กโกเป็นแดนสวรรค์แห่งใหม่ที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เพื่อทำอาชญากรรมหลายรูปแบบ
ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เมียวดีกลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดธุรกิจที่ผิดกฎหมายขนาดนี้ก็เพราะว่า เมืองเมียวดีอยู่ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีไฟฟ้า น้ำมัน และอินเทอร์เน็ต ส่งจากประเทศไทย มีช่องทางธรรมชาติมากมายให้เลือกใช้ ส่วนการเดินทางก็แสนง่าย สะดวกลงแพตรงไหนก็ทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาจะหลอกคนต่างชาติ ก็แค่หลอกว่ามาทำงานประเทศไทย ก็จะหลอกได้ง่ายมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของประเทศไทยยังถือว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยอยู่
KK Park มีถึง 4 โครงการ ขนาดกว่า 12,500 ไร่ ลงทุนโดย บริษัท ตงเหมย กรุ๊ป ซึ่ง KK Park นี้เอง เป็นกลุ่มธุรกิจสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ โครงการ KK Park ผมได้รับข้อมูลจากภาคประชาสังคมที่มาชี้แจงในกรรมาธิการความมั่นคงว่า เคยมีแรงงานเข้าไปทำงานในโครงการนี้มากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นคน ซึ่งยอดปัจจุบันจะอยู่ราวๆ หนึ่งแสนคน มากไปกว่านั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ KK Park เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ที่สำคัญของภูมิภาคอีกด้วย ความเสียหายของประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะมากแค่ไหน ผมไม่อยากคิด ซึ่งเจ้าของกลุ่มธุรกิจนี้ เป็นหนึ่งในหัวหน้ามาเฟียชาวมาเก๊า ถูกคว่ำบาตรจากทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
ทุกท่านครับ ถ้าดูการเดินทางไปเคเคพาร์คนั้นสะดวกมากครับ เป็นแค่เพียงแม่น้ำที่สามารถเดินข้ามได้ไม่ยาก วิดีโอที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้ ถูกถ่ายโดยนาตาชาโรมานอฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การเดินข้ามไม่มีการตรวจเช็กโดยหน่วยความมั่นคง ตม. หรือหน่วยงานอะไรทั้งสิ้น จะเห็นว่าเส้นทางการค้ามนุษย์จากประเทศไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้านมันช่างง่ายแสนง่ายจริงๆ
ชนกลุ่มน้อยพวกนี้ ปิดตาข้างหนึ่ง เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการให้เช่าพื้นที่ เมืองเมียวดี มีธุรกิจกาสิโน 17 แห่งมีเจ้าของเป็นคนไทย แฉ ตำรวจยศ พล.ต.ต. ชื่อย่อ "อ" เป็นเจ้าของ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดพรรครัฐบาล รับราชการที่แม่สอด จากวันนั้น สู่วันนี้ เขายังเคยขับรถโกโรโกโส ขอให้ท่านนายกฯ ไปดูหน่อย ตรวจสอบสักหน่อยไหมครับ
นอกจากนี้ ยังมีสตาร์คอมเพล็กซ์ เจ้าของชื่อ "เสี่ยตือ" เป็นผู้กว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ และยังมีอีกหลายบ่อนกาสิโนที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ บางคนเป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม บางคนก็อยู่ในรุ่น ตท.17 เราจะเห็นว่า คนไทยบิ๊กคอนเน็กชันได้ไปลงทุนในละแวกนั้นอยู่มาก นี่หรือเปล่าที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการจัดการปัญหาที่มีต้นตอมาจากเมียวดี รัฐบาลกลัวมีใครได้รับผลกระทบใช่หรือไม่
"สกาย คอมเพล็กซ์" เป็นอีกหนึ่งบ่อนกาสิโนที่มีอดีตนายตำรวจ ยศร้อยตำรวจตรีเป็นเจ้าของ ปัจจุบันออกจากราชการไปแล้ว เป็นคนที่เคยเปิดบ่อนในประเทศไทยเช่นเดียวกัน มีข่าวฉาวมาแล้ว เรื่องคอนเน็กชัน รับรองว่าปึ้กจริงๆ สกายคอมเพล็กซ์แห่งนี้ อยู่ติดกับอีสเทิร์นคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นของอาขิงกับอากล้วย ข้อมูลล่าสุด มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นสถานที่ใช้สำหรับแก๊งสแกมเมอร์ด้วย
ที่พูดมาทั้งหมดต้องการชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการปราบปรามในเมียวดี ต้องยอมรับว่า กลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ถูกปราบ เพราะรัฐบาลนี้เกรงใจ ถ้าไม่เกรงใจจัดการเลยครับ จัดการเมียวดีที่ไม่ได้อยู่ใต้อิทธิพลเมียนมาด้วย
ผมก็ไม่ทราบว่า สิ่งที่ผมเสนอในสภาแห่งนี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน หรือไม่ แต่ผมขอใช้โอกาสนี้ในการเสนอ เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลเอาจริงเอาจังต่อการแก้ไขปัญหาตามที่ผมได้อภิปรายทั้งหมด ผมเชื่อว่า จะนำไปสู่การลดลงของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจ Scaming ได้อย่างแน่นอน
ประการที่ 1 เรามีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับในการจัดการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการทูต และการทหาร รัฐบาลสามารถศึกษาจากโมเดลของประเทศจีน ว่าเขาไปทลายเครือข่ายเหล่านี้ได้อย่างไร เขาเจรจากับรัฐบาลทหารพม่าอย่างไร เพื่อจัดการปัญหาสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ผมยืนยันกับรัฐบาลว่า การรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยด้วย ความเสียหายของคนไทยจากการถูกสแกมและคอลเซ็นเตอร์นั้นมากมายมหาศาล เราต้องใช้เครื่องทุกเครื่องมือที่มีเพื่อสร้างความเป็นไปได้ในการทำลายล้างเครือข่ายพวกนี้ได้แล้ว นี่คือวาระแห่งชาติที่รัฐบาลต้องดำเนินการ
ประการที่ 2 เราจำเป็นต้องกลับมาทำให้พื้นที่ชายแดนของเรามีความมั่นคงปลอดภัย จุดผ่านแดนหลายจุดมีแค่เพียงศุลกากรเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง จุดดังกล่าวถูกใช้ในการเดินทางเข้าออกเพื่อไปเล่นการพนัน หรือใช้เพื่อไปค้ามนุษย์ หรือทำงานสีเทาอื่นๆ ทั้งหลาย รัฐบาลต้องสั่งการให้มีการกวดขันและเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยหรือเมียนมา เช่น จีน หรือกลุ่มประเทศในแอฟริกาที่มักใช้จุดผ่านแดนเหล่านี้ในการเข้าออก จากการทำหน้าที่ในกรรมาธิการความมั่นคง พบว่าปัจจุบันทาง ตม. ไม่อนุญาตให้คนสัญชาติที่มิใช่ไทยหรือเมียนมาผ่านด่านชายแดนอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบข้ามกันอยู่ ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่าจุดผ่านแดนที่ลักลอบผ่านกันนั้น เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่แม่สอดรู้อย่างแน่นอนว่าคือจุดไหน ดังนั้นช่วยบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วยครับ
ประการ 3 ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของบรรดากาสิโน และธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ตั้งแต่ไฟฟ้าที่ไปถึงคิงส์โรมัน ไฟฟ้าที่ถูกนำไปใช้งานโดยกลุ่มว้าแดง จนถึงธุรกิจที่ผิดกฎหมายในเมียวดี หรือถ้าหากเป็นสัญญาณเน็ต ที่เพิ่งเป็นข่าวไปว่าลากไปยังฝั่งกัมพูชา หากมาตรวจสอบที่ฝั่งเมียวดีด้วย รับรองว่าเจออีกเพียบแน่นอนครับ ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องระงับเอาไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากพวกสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ เราจำเป็นต้องทำให้บรรดาไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ตกไปอยู่ในมือของเจ้าของบ่อนทั้งหลายให้น้อยที่สุด เครือข่ายพวกนี้อันตรายและเป็นภัยต่อประเทศไทย เราจะปล่อยให้ทรัพยากรที่ล้ำค่า ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่นำทรัพยากรมาหลอกคนไทยไม่ได้
ประการที่ 4 ผมคิดว่าท่านนายกรัฐมนตรี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าคนเหล่านี้ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ มีเส้นทางการเงินอย่างไร เพื่อที่จะนำไปสู่การตรวจสอบและเอาผิดกับข้าราชการที่ทุจริต เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาธุรกิจที่ผิดกฎหมาย สามารถดำเนินการได้สะดวก ผ่านการใช้เส้นสายทางราชการของประเทศไทยได้ต่อไป
สุดท้ายนี้ ตามนโยบายที่ท่านนายกฯ เคยมาแถลงกับสภาแห่งนี้ ว่า จะให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ อะไรคือความคืบหน้า วันนี้ 7 เดือนชัดเจนแล้วครับ ว่า สิ่งที่ท่านเคยสัญญาเอาไว้ ท่านไม่ได้ทำในสิ่งที่พูดไว้แต่อย่างใด คำมั่นสัญญาซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า จะวางระบบป้องกันไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ผ่าน! โอเค ท่านอาจจะบอกว่า ยังไม่ได้ใช้งบเลย ขอทราบแผนเลยได้มั้ยครับ มีหรือเปล่าแผนที่จะป้องกันประชาชนจากการสแกมและคอลเซ็นเตอร์ ท่านจะใช้เทคโนโลยีเท่าทันเข้าสู้ ไม่ผ่าน! ไม่ปล่อยให้อาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล ไม่ผ่าน! ปกป้องประชาชนจากภัยไซเบอร์ ไม่ผ่าน! นี่หรือครับ คือ การทำงานของพรรคการเมืองที่คุยโม้โอ้อวดว่าประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ ตลอด 7 เดือนของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทั้งดิจิทัล การค้ามนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ผ่านอย่างสิ้นเชิง
call center พนันออนไลน์ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่ท่านนายกฯ 7 เดือน เศรษฐาได้เห็นเท่านั้น ยังมีการทารุณกรรม การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด การค้ามนุษย์ สิ่งผิดกฎหมายอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งท่านนายกฯ ยังไม่ได้พูดถึงแต่อย่างใด รวมทั้งมาตรการที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้เราก็ยังไม่เห็นจากท่านนายกฯ แต่อย่างใด
การจัดการธุรกิจพวกนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจัดการเมียวดี ที่เป็นศูนย์กลางของปัญหา ที่สร้างความเสียหายให้แก่คนไทยและทั่วโลก ดังนั้น การจัดการเมียวดีหรือไม่ เป็นโอกาสสำคัญของท่านนายกฯ ที่จะต้องไขว่คว้าไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงเอาจังกับการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติ ช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ จากปากประตูนรกเมียวดี สู่ประเทศที่มีบทบาทนำในภูมิภาค ในการจัดการกับปัญหาในเมียนมา แต่ถ้าไม่ ประเทศไทยก็ต้องเป็นปากนรกเมียวดี ที่ยังคงเกื้อหนุนเมียวดีต่อไป ภาพลักษณ์ประเทศไทย การท่องเที่ยวไทย และโอกาสดีๆ ของประเทศไทย ก็จะถูกทำลายลง นี่คือวาระแห่งชาติที่ท่านนายกฯ มองข้ามไม่ได้อีกแล้ว ขอบคุณครับ