ฝ่ายค้านขย่ม 6 เดือนรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ทำลายหลักนิติธรรม สร้างภาพขายฝันแต่ไม่มีปัญญาทำได้จริง “ชัยธวัช” เฉ่งนายกฯไร้วุฒิภาวะ คิดไปทำไปนโยบายอ้างประชาชนบังหน้า แต่เนื้อหาฉ้อฉลเอื้อทุนใหญ่ “จุรินทร์” แขวะนายกฯอีเวนต์บินแบบแมลงวัน สร้างภาพแต่ไม่ได้ผลงาน อุ้มนักโทษเทวดาก่อวิกฤตินิติธรรม ฝากเขี่ยทิ้ง รมว.คลังโลกเซ็ง “เศรษฐา” โต้ครึ่งปีงานคืบหน้า ออนทัวร์ดึงเงินลงทุน 558,000 ล้านบาท ฟุ้ง 2 ปีรอดูสึนามิการลงทุน ตอก “อู๊ดด้า” ฝ่ายค้านโลกงง วันนึงเป็นฝ่ายค้านอีกวันมีข่าวขอร่วมรัฐบาล “ไหม” จวกดิจิทัลวอลเล็ต ออกทะเลดิ้นกู้มาแจก คาดออก พ.ร.บ.กู้ชดเชยขาดดุลอีกแสนล้านบวกโอนเปลี่ยนงบกลางปี 67 อีก 4 หมื่นล้าน เบ่งงบฯปี 68 เพิ่ม 1.5 แสนล้าน หรือกู้ ธ.ก.ส. 2.1 แสนล้าน ศาลรัฐธรรมนูญรับตีความคดียุบก้าวไกล สั่งแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน

พรรคฝ่ายค้านใช้เวทีอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. โดยไม่มี การลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล 6 เดือน สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพ ทำลายหลักนิติธรรม โดยเฉพาะข้อกล่าวหาการให้อภิสิทธิ์แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

...

“เศรษฐา” ยิ้มแย้มไม่กังวลใจ

เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางถึงอาคารรัฐสภา เข้าร่วมการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.และผู้นำฝ่ายค้านพร้อมคณะ 98 คน เสนอญัตติ การประชุมสภาฯเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แบบไม่ลงมติ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ระบุว่า พร้อม ไม่มีอะไรกังวล จะกังวลแต่ปัญหาพี่น้องประชาชน เรื่องนี้อยู่ในใจตลอดพยายามทำให้ดีที่สุด การอภิปรายเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร ต้องมาตอบฝ่ายนิติบัญญัติ ตามกลไกรัฐธรรมนูญที่เราต้องพร้อมและปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องตั้งวอร์รูม

ป่วนแต่เริ่มฝ่ายค้านไม่ยอมลดเวลา

ขณะที่เวลา 08.00 น. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 2 ได้เป็นประธานหารือวิป 3 ฝ่าย หารือกรณีวิปรัฐบาลเสนอปรับลดเวลาฝ่ายค้านเหลือ 18 ชั่วโมง จาก 22 ชั่วโมง เพิ่มให้รัฐบาลจาก 6 เป็น 10 ชั่วโมง โดยนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุ ถ้าสภาไม่มีหลักการ เลื่อนอยู่ตลอด ต่อไปก็เลื่อนได้ สภาไม่มีหลักการ ถ้ารัฐบาลจะขอเวลาชี้แจงเพิ่มขยายเป็น 3 วันเลยไม่ต้อง 2 วัน ขอให้ยึดหลักตามเดิม ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวเสริมว่า ยืนยันการตกลง ระหว่างวิป 2 ฝ่ายไม่ได้ประชุมกันคร่าวๆ แต่ลงรายละเอียด เป็นบันทึกการประชุม ได้ย้อนดูในอดีตใช้เวลาเท่าไหร่ อยากให้แก้ไขให้ตรงจุด ถ้ารัฐบาลติดใจเรื่องเวลาไม่พอชี้แจงว่ากันไป ไม่ใช่มาลดเวลาฝ่ายค้าน เราไม่มีปัญหาถ้าต้องอภิปรายเพิ่มอีกวัน จนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาลแย้งว่า ถ้าไม่ลดราวาศอก ไม่ปรับเข้ามาหาความสมดุล ตั้งป้อมจะเอา 22 ชั่วโมง ตนก็จะเอา 14 ชั่วโมง เดี๋ยวเข้าไปประชุมในห้องใหญ่แล้วโหวตกัน

“พิเชษฐ์” ให้ ครม.แจงไม่จำกัดเวลา

นายพิเชษฐ์เปิดเผยหลังการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายว่า การอภิปรายวันแรกจะจบเวลาตี 2 ส่วนวันที่ 2 จะจบภายในเที่ยงคืน ถือว่าได้เวลาเพิ่ม 2 ชั่วโมง ฝ่ายค้านจะได้ 22 ชั่วโมงเท่าเดิม ส่วนรัฐมนตรีขอให้ตอบเต็มที่สิ้นกระแสความ ประธานสภาฯทั้ง 3 คนจะพยายามบริหารเวลา ส่วนเวลาที่เกินเลยไปประธานฯจะพยายามบริหารให้การประชุมเรียบร้อย รัฐมนตรีอาจมีเวลาชี้แจงถึง 10 ชั่วโมงก็ได้ แต่ต้องจบภายใน 2 วัน แม้อาจเลยเวลานิดหน่อย เมื่อถามย้ำว่า วิปทั้ง 3 ฝ่ายตกลงกันได้แล้วใช่หรือไม่ นายพิเชษฐ์กล่าวว่า “ครับ”

“ต๋อม” ฉะขายฝันแต่ไร้ปัญญาทำ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มี สส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน นายกฯ และ ครม.เข้าร่วมพร้อมเพรียง โดยนายชัยธวัชกล่าวเปิดญัตติว่า ครม.บริหารราชการแผ่นดินมา 6 เดือน แต่ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา เพิกเฉยคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลักนิติธรรมถูกทำลาย ด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ไร้จริยธรรมนโยบายเร่งด่วนสวนทางความจริง เช่น ดิจิทัลวอลเล็ตอวดอ้างจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ผิดพลาดไม่สามารถดำเนินการได้ นโยบายลดรายจ่าย แต่ค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้น วาทกรรมชูลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับสร้างความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน ขายฝันสร้างคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ยังไม่มีปัญญาทำได้ ปัญหาหนี้สินภาคเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชนยังไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม เกษตรกรทนทุกข์หนี้สิน การพักหนี้เกษตรกรไม่ครอบคลุม หนี้สินภาคประชาชนกับหนี้นอกระบบไม่จบสิ้น

ถล่มไร้ประสิทธิภาพ ไร้นิติธรรม

นายชัยธวัชกล่าวว่า ขณะที่นโยบายเร่งด่วน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไม่มีความยั่งยืน เสมือนขายฝัน ไม่เริ่มปฏิบัติให้เกิดผล รัฐบาลดึงเวลาไม่ให้ค่าแก้รัฐธรรมนูญ แถลงจะสร้างความชอบธรรมฟื้นฟูหลักนิติธรรม แต่กลับเหยียบย่ำหลักการบ้านเมือง เลือกปฏิบัติแบบไร้มาตรฐาน ยอมแลกกับหลักการบ้านเมืองที่มีค่ามากที่สุด ไม่สนใจไยดีต่อการกระจายอำนาจ นโยบายสร้างพลังสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์ยังหาไม่เจอผลงานที่จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน นโยบายปราบยาเสพติดที่ยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” กลับเป็น “เปลี่ยนผู้ค้าเป็นผู้ป่วย” นโยบายเกษตรให้ความสำคัญกลุ่มทุนมากกว่าแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร ไร้ความสามารถบังคับใช้กฎหมายกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์มากมายแต่ไร้ประสิทธิภาพแก้ปัญหา ไร้ความสามารถบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน นโยบายต่างประเทศล้มเหลว น่าอับอายในเวทีโลก อวดอ้างโครงการเมกะโปรเจกต์ขายฝันไปวันๆ ไม่สนใจความคิดเห็นประชาชน รับฟังได้เป็นข้อยุติว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ไร้หลักนิติธรรม ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม เลือกปฏิบัติไร้มาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำ เหยียบย่ำประชาชน เศรษฐกิจย่ำแย่ สังคมเสื่อมถอย ประชาชนยากไร้ รับใช้พวกพ้อง สนองกลุ่มทุน

เฉ่งนายกฯไร้วุฒิภาวะ เอื้อทุนใหญ่

นายชัยธวัชกล่าวว่า หลังเลือกตั้งประชาชนคาดหวังจะได้ผู้นำคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร แต่กลับได้นายกฯไร้วุฒิภาวะ มีวิธีคิดตั้ง ครม.แบบเดิมๆ จัดสรรตามโควตา สมบัติผลัดกันชม บริหารประเทศมาครึ่งปีแต่ดำเนินนโยบายสับสน คิดไปทำไป แทนที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปากอย่างเสมอภาคเท่าเทียม แต่กลับส่งเสริมระบบเศรษฐกิจผูกขาด เอื้อประโยชน์ทุนใหญ่ หลายนโยบายอ้างประชาชนบังหน้า แต่เนื้อในเต็มไปด้วยการฉ้อฉลเชิงนโยบายให้พวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างน่าละอาย การปฏิรูปการเมือง รัฐบาลแถลงจะผลักดันทำประชามติ ทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็ว ผ่านไป 7 เดือนยังวกไปวนมา กระบวนการนิติสงครามยังดำเนินการต่อ ปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง สิทธิเสรีภาพสื่อเริ่มมีสัญญาณถูกคุกคามแทรกแซงเกิดวิกฤติศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ระบบราชการเต็มไปด้วยระบบตั๋ว ระบบส่วย

ทำลายความเท่าเทียมผูกขาดอำนาจ

“ความเสมอภาคเท่าเทียมในกฎหมายถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ไม่ต้องพูดไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะประชาชนต้องการอยู่ในระบบและประเทศเดียวกันที่ทุกคนได้รับสิทธิเสรีภาพ การปฏิบัติเท่าเทียมเสมอภาคกัน ประชาชนคาดหวังเห็นระบบการเมืองเดินไปสู่อนาคตดีกว่า แต่กลับเจอประชาธิปไตยไหลย้อนกลับที่ผู้นำการเมือง ผู้มีอิทธิพลการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก ผูกขาดอำนาจการเมือง เศรษฐกิจอยู่ในมือชนชั้นนำไม่กี่กลุ่ม เจอการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า ตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองความคิดและความต้องการใหม่ๆของประชาชน นี่คือสถานการณ์ที่ต้องตั้งคำถามต่อ ครม.” นายชัยธวัชกล่าว

“เศรษฐา” โต้ 6 เดือนทำงานคืบหน้า

จากนั้นนายเศรษฐาชี้แจงว่า แม้จะระบุว่ารัฐบาลทำทุกอย่างถอยหลัง แต่รัฐบาลคืบหน้า โปร่งใสหลายเรื่อง สิ่งที่ทำอยู่เป็นบวกเป็นแสงสว่าง สิ่งที่รัฐบาลทำมา 6 เดือน มั่นใจซื่อสัตย์ โปร่งใส ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง หนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกร ได้แก้ปัญหาพักหนี้ให้ ปัญหาพลังงานดูแลราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล ค่าไฟฟ้า ไม่เพิกเฉยนิ่งนอนใจ ยาเสพติดตัั้งคณะทำงาน ตร. สาธารณสุขและกระบวนการยุติธรรมแก้ปัญหา ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว จับยาบ้า ได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี ขณะที่ราคายางพุ่งเกือบ 100 บาทต่อกิโลกรัม ราคาข้าวพุ่งสูง พืชผลอื่นๆ ก็ไม่มีการมาประท้วง มีการเปิดตลาดในต่างประเทศ ทำงานอย่างบูรณาการให้ราคาพืชผลดีขึ้น ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศบ่อย เพราะต้องไปให้ประเทศไทยมีตัวตนในเวทีโลก สส.314 คน ทุกคนยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมรับฟังความเห็น สส. ประชาชน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา รัฐบาลเพิ่งบริหารประเทศมาแค่ 7 เดือน ถ้ามีข้อเสนอแนะดีๆเรายินดีรับฟัง แต่ถ้าเป็นข้อกล่าวหา กล่าวโทษก็ขอหลักฐานมา หลังเลือกตั้งเราจะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น

เย้ยนายกฯอีเวนต์บินแบบแมลงวัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชป. อภิปรายว่า รัฐบาลสร้างกระแสตีหน้าซื่อกลางแดด ยังไม่ได้ใช้งบสักบาท แต่ 1 ต.ค.66-31 เม.ย.67 ใช้งบประจำและงบลงทุนไปถึง 43.79% ของงบปี 67 แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัดๆ ใช้เงินไปมากขนาดนี้แต่ยังสอบตก มัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร วันๆมีแต่อีเวนต์ เช้า สาย เที่ยง เย็น ดึกๆยังอีเวนต์ จนคนไทยสำลักอีเวนต์ 6 เดือนนายกฯอยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก อยู่เมืองไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤติ แต่ไปเชิญต่างประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะมาลงทุน อาสาเป็นเซลส์แมนประเทศ ปิดการขายได้บ้างหรือยังหรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขาย ดอกไม้กับสายลม คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อยากให้นายกฯบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมงลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร นอกจากสร้างภาพบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ฝากปรับ ครม.เขี่ย รมว.คลังโลกเซ็ง

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ยังมีปัญหานายกฯหลายคน ปัญหาใหญ่ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญ สะท้อนความไม่เชื่อมั่น ทำให้คนเข้าใจว่านายกฯไม่ได้มีแค่นายกฯนิด ยังมีนายกฯใหญ่ นายกฯเล็ก ทำให้เกิดปัญหาการบริหาร และปัญหารัฐบาลเต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งโลกลืม ผิดฝาผิดตัว ต่างตอบแทน ทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ไม่ลืมแต่เซ็น คนหนึ่งคือ รมว.คลัง จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำได้ไม่เข้าเป้า รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ฝากนายกฯปรับ ครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแล รมต.ที่โลกเซ็งด้วย

เอื้อนักโทษเทวดาก่อวิกฤตินิติธรรม

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ตราบใดที่รัฐบาลก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี จะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป คนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ วันแรกถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลว์ซบถึงบ้าน ปัญหาใหญ่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อม เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุดคือ การสร้างความยุติธรรมสองมาตรฐานเป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร คือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ แม้แต่เทวดาต้องยอมให้ใช้ชื่อ คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา นายกฯมีนโยบายนำคุกทิพย์โมเดลทำลายหลักนิติธรรมยับเยินมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมจะออกกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิคุมขังนอกเรือนจำ รวมคดีทุจริต คดีมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ ถ้าให้นักโทษ 157 ติดคุกที่บ้านได้ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมทุจริตมุมกลับ ระบบนิติธรรมจะเกิดวิกฤติอีกครั้ง เกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ รัฐบาลนี้มีนโยบายจะนิรโทษฯคดีทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ มีคนร้ององค์กรต่างๆเรื่องนักโทษเทวดาทั้งหมด 24 เรื่อง พูดเพื่อเตือนนายกฯและรัฐบาลว่าสิ่งที่นายกฯและพวกทำกับหลักนิติธรรมประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต

“หนิม” โต้ไทยมีนายกฯคนเดียว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงปกป้องนายกฯถูกท้วงติงเรื่องบินต่างประเทศว่า เป็นห่วงการอภิปรายใช้คำพูดค่อนข้างแรง เช่น เศรษฐีไหนจะโง่เข้ามาลงทุน สิ่งที่นายกฯดำเนินไปได้รับสัญญาณบวก จากผู้ลงทุน เอกชน แต่การลงทุน เงินแสนล้านบาท ไม่มีใครตัดสินใจได้ในวันเดียว ต้องเจรจาต่อเนื่อง เชื่อว่าเราจะได้เห็นสึนามิการลงทุนเกิดในไทยช่วงปี 2 ปีข้างหน้าแน่นอน ข้อห่วงใยสรุปประเทศไทยมีนายกฯแล้ว ยังมีการสั่งการผ่านท่านใดอีกหรือไม่ พูดแทน ครม.ทุกคนได้สิ่งนี้เป็นจินตนาการท่านเอง ไม่ได้มีข้อเท็จจริง ประเทศไทยมีนายกฯ 1 ท่าน คือนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของครม. การทำงานพวกเราขึ้นตรงต่อนายกฯ ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลไปตามกลไก ครม.และกฎหมายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตยืนยัน 10 เม.ย.มีข่าวดีให้คนไทยทุกคนแน่นอน

ตอกเลวร้ายกล่าวหาติดคุกทิพย์

จากนั้น พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ตอบโต้นายจุรินทร์ว่า อยากให้สมาชิกรับทราบว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 รัฐบาล นายกฯเศรษฐาหรือสภาฯ ชุดนี้ไม่ได้เป็นผู้ออก แต่ออกในยุค สนช. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนรัฐบาลนี้มาบริหารประเทศ รัฐบาลนายจุรินทร์เป็นผู้บริหารประเทศ ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รัฐบาลขณะนั้น ในวันเดียวก็อนุญาตให้นายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถ้าเป็นยุคของท่าน ใช้คำพูดอีกแบบหนึ่ง แต่พอเหตุการณ์ต่อเนื่องมายุคปัจจุบัน ท่านกล่าวว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมที่ว่าติดคุกทิพย์ถือว่าเลวร้ายมากด้านนายจุรินทร์ลุกขึ้นโต้กลับว่าถ้ากฎหมายเกิดสมัยรัฐบาลประยุทธ์ มาถึงรัฐบาลนี้จะทำถูกทำผิดอย่างไรก็ได้เหรอ ถ้าตรรกะแบบนี้มันตรรกะวิบัติ

“ฐากร” อัด 6 เดือนร่อแร่ได้แค่เกรดดี

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า ขออนุญาตตัดเกรดการทำงานเทอมแรก 6 เดือน 23 วัน ให้เกรดดี 38 ด้าน อาทิ นโยบายที่หาเสียงไว้เป็นไปได้ยากให้เกรดดี เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายและนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต เติมเงิน 10,000 บาท แก้หนี้ภาคธุรกิจ การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ให้เกรดซี ทำๆหยุดๆ ยังไม่สำเร็จ การแก้ปัญหาทุจริตให้ติด ร. การแก้รัฐธรรมนูญพอไปได้ให้ซีลบ ซอฟต์พาวเวอร์ให้เอลบ มีความพยายามสร้างพลังสร้างสรรค์ไทยให้ดังทั่วโลก การลดความเหลื่อมล้ำ รักษาเสถียรภาพการเงินการคลังให้เอฟ

“ไหม” ปูด 3 ที่มาเงินดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการมา 5 รอบแล้ว โดยเฉพาะแหล่งที่มางบฯ น่าจะมาจาก 3 แหล่งคือ 1.งบกลาง ปี 67 ใช้วิธีออก พ.ร.บ.งบฯเพิ่มเติมหรืองบกลางปี โดยกู้ชดเชยขาดดุลจนเต็มเพดานอีก 100,000 ล้านบาท และอาจโอนเปลี่ยนแปลงงบกลางอีก 40,000 ล้านบาท 2.แบ่งงบรายจ่ายปี 68 เพิ่มอีก 150,000 ล้านบาท นำมาใช้โครงการนี้ 3.กู้งบฯ ธ.ก.ส.210,000 ล้านบาท แต่อาจต้องตีลังกาตีความว่าจะปล่อยกู้นำมาจ่ายเป็นเงินดิจิทัลให้เกษตรกรหรือครัวเรือนเกษตรกรได้หรือไม่ รัฐบาลเลือดเข้าตา กำลังจะออกทะเลไปไกล เงิน 5 แสนล้านบาทที่จะนำมาใช้มาจากการกู้อยู่ดี แต่เป็นการกู้ที่อาจทำให้ถูกกฎหมายได้ ส่วนแอปพลิเคชันที่ระบุใช้ “แอปเป๋าตัง” ทราบว่าธนาคารกรุงไทยจะไม่ทำให้ อาจต้องมีแอปฯของตัวเอง ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปศึกษาเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ไม่รู้ระบบจะเสร็จทันไตรมาส 4 ปีนี้หรือไม่ ถ้าไม่เสร็จก็เลื่อนออกไปอีก ชวนให้คิดรัฐบาลมีประสบการณ์บริหารประเทศมาก่อนจริงหรือไม่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด ไม่มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เริ่มต้น ขายผ้าเอาหน้ารอดไปแต่ละวัน หากเป็นไปไม่ได้จะเสียหาย โมเมนตัมหรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้น เกิดความไม่เชื่อมั่นของประชาชนเกิดขึ้น

“จุลพันธ์” อุบไต๋ให้รอฟัง 10 เม.ย.

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่าขออย่าคาดเดารายละเอียดที่เตรียมแถลงรายละเอียดวันที่ 10 เม.ย. จะสร้างความสับสน อยู่ระหว่างแก้ไข เชื่อว่าเมื่อครบวาระรัฐบาลและตัดเกรดแล้ว หวังว่าจะได้เกรดเอ หลังจากส่งการบ้านให้ประชาชน ดิจิทัลวอลเล็ตยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายมิติ ทั้งจำนวนคนเข้าสู่โครงการ แหล่งเงิน ต้องเปลี่ยนแปลงภายใต้กฎหมายและข้อเสนอแนะของหน่วยงาน ไม่ใช่เปลี่ยน 5-6 ครั้งตามที่อภิปราย บางอย่างที่รายงานต่อสภาฯและตามสิ่งที่อภิปรายไปเป็นการคาดเดา ไม่ใช่มาจากคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต หรือนายกฯหรือตน การประชุมคณะกรรมการจะมีกลไกที่ทำให้เดินหน้าได้ตามกรอบกฎหมาย อยากให้ลดการคาดเดาลง อีกไม่กี่วัน 10 เม.ย.จะแถลงให้ชัดเจน พูดไม่ได้วันนี้ ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ หากพูดเท่ากับชี้นำ ไม่ถูกขั้นตอน ส่วนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าผลประโยชน์ทับซ้อน มีกลไกรัฐบาลกลั่นกรองโครงการเริ่มต้นดูคำขอ สภาฯ กลไกติดตามกำกับใช้จ่ายงบฯตามระเบียบที่มีศักยภาพ อย่าติดป้ายว่าทับซ้อนหรือทุจริตใดๆ แต่ภาครัฐ นายกฯและ ครม.ไม่ละเลยจะติดตามใกล้ชิดต่อไป

กรีดกลับแมลงหวี่ฝ่ายค้านโลกงง

เวลา 15.30 น. นายเศรษฐา ชี้แจงถึงการเดินทางไปต่างประเทศว่า ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศเพื่อเปิดโอกาสสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มีที่นายกฯจะบินไปเหมือนแมลงวัน และไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่จ้องเล่นแต่การเมือง รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ เรื่องทุจริตไม่มี หากมีนำหลักฐานมา และการลงทุนระดับแสนล้านต้องใช้เวลา มั่นใจสัญญาณเป็นบวก มีประเทศแสดงความจำนงมาลงทุนมีเม็ดเงิน 558,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขจริงที่มีแผนเข้ามาแล้ว และเชื่อว่าอีก 2 ปี เงินลงทุนจะเข้ามาอย่างมหาศาล ขอใช้คำว่า สึนามิแห่งการลงทุน ส่วนที่บอกว่า รมว.คลัง เป็นรัฐมนตรีโลกเซ็งไม่จริง ตนเป็น รมว.คลังแก้จนให้ประชาชน ท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านทำให้โลกงง วันหนึ่งจะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันมีข่าวขอเข้าร่วมรัฐบาลกลัวประชาชนงงมากกว่า

ปชป.หวั่นฟอกเงินดิจิทัลเข้ามือเจ้าสัว

ช่วงเย็นนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลาพรรค ปชป.อภิปรายนโยบายด้านเศรษฐกิจว่า วันนี้ซุบซิบกัน นายกฯเป็นเซลส์แมน แต่เป็นเซลส์แมนขายฝัน ดิจิทัลวอลเล็ตขายคนไทย แลนด์บริดจ์ ขายต่างชาติ แต่ 6 เดือน มีแต่มาตรการเฉพาะหน้าไม่เห็นนายกฯพูดเรื่องความยั่งยืนดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่อยากเห็นกลายเป็นเครื่องมือฟอกเงินของรัฐบาลให้ไปอยู่ในมือของเจ้าสัว อาจเพิ่มจีดีพีขึ้นได้เล็กน้อยประชาชนล้วงเงินกระเป๋ามีแต่ลมเหมือนเดิม ทั้งยังตอบไม่ได้ว่า ทำไมเมื่อแหล่งเงินที่มาของโครงการเป็นเงินสด ทำไมต้องจ่ายเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินบาท ไม่ใช้แอปฯเป๋าตังที่มีอยู่ หรือรัฐบาลไม่มีเงินจริงๆเงินยังอยู่ในอากาศ หรือเพราะอาจเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทคนกลาง ที่เข้ามารับดำเนินการโครงการหรือไม่

ถล่มซุกปัญหาใต้พรมปฏิรูปตำรวจ

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.พรรคก.ก.อภิปรายว่า ยุคนี้เป็นยุคตกต่ำของ ตร.จากสมรภูมิแย่งชิง ผบ.ตร.เป็นศึกช้างชนช้าง เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ของนายกฯทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ทราบว่ามีโทรศัพท์ลึกลับมาสั่งการในวันแต่งตั้ง ผบ.ตร.และนายกฯยังพูดในที่ประชุมพรรค พท.เรื่องการแต่งตั้งตำรวจระดับ ผกก. มีคนสมหวังและผิดหวัง สะท้อนเรื่องตั๋วทราบว่า ระดับรอง ผกก.ขึ้นเป็น ผกก.ใช้เงิน 10 ล้านบาท สารวัตรเป็นรอง ผกก.ใช้ 1.5 ล้านบาท จะไปได้คืนจากส่วย และที่สั่งเด้ง 2 นายตำรวจใหญ่มาช่วยราชการอาจเป็นแค่กวาดปัญหาไว้ใต้พรม ฟอกขาว ตร.หรือไม่ ซ้ำยังใช้สั่งตำรวจหยุดให้ข่าว ทั้งที่เป็นเรื่องวิกฤติศรัทธาต่อตำรวจ อย่าให้ใครปรามาสนายกฯได้ว่า เป็นแค่เหรียญอีกด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือแก้ปัญหาแบบฉบับบ้านจันทร์ส่องหล้า

โชว์หลักฐานส่วยรถบรรทุกส่งให้นายกฯ

ขณะที่นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ สส.กทม.พรรค ก.ก.อภิปรายพุ่งเป้าเรื่องส่วยรถบรรทุก ชื่อ G PASS จ่ายผ่านสะดวกให้ใช้รถบรรทุกเชื้อเพลิงเกินเวลา เป็นห่วงจะซ้ำรอยเหตุรถแก๊สระเบิดปี 2533 ทั้งนี้นายจรยุทธ นำหลักฐานเป็นซองเอกสารที่ระบุชื่อสถานีตำรวจหลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด พร้อมระบุที่ตั้งบริษัทขนส่งที่จ่ายเงินให้ตำรวจ รายละเอียดช่องทางสื่อสารของบริษัทกับสถานีตำรวจ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคาร ลองแอดไลน์และโอนเงินเข้าไปปรากฏว่า ชื่อบัญชีธนาคารตรงกับชื่อไลน์ ทำให้เข้าใจว่า เป็นบัญชีตรง ไม่มีบัญชีม้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะนำหลักฐานฝากประธานสภาฯ ส่งไปยังนายกฯให้ดำเนินการอย่างเต็มที่

นายกฯขออย่าเป็นแค่จิ้งจกทักปมตั๋ว ตร.

เวลา 17.45 น. นายเศรษฐา ชี้แจงถึงปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามที่ประชุม ก.ตร.แม้นายกฯจะเป็นประธานฯแต่ไม่เคยครอบงำสั่งการทางตรงหรือทางอ้อม ได้ให้ ก.ตร.อภิปรายกันอย่างทั่วถึง ยึดหลักนิติธรรม การกล่าวหาตนชี้นำสั่งการ เป็นเรื่องไม่ถูกต้องเป็นเท็จ มีปัญหาใน ตร.ไม่ได้นิ่งเฉยแก้ไขทันที ตั้งกรรมการสอบ ขอยืนยันจะเร่งรีบแก้ไขกอบกู้ภาพลักษณ์ ตร.ขอให้เชื่อมั่น ถ้าพบว่าลูกน้องใครเกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง หากมีหลักฐานขอให้ส่งมาจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จิ้งจกทัก ก็อย่าเป็นจิ้งจกเลย ขอให้เอาหลักฐานมาเลยดีกว่า พร้อมจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย

เฉ่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหลว

จากนั้นเวลา 17.30 น. นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรค ทสท.อภิปรายปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงจากอาชญากรทางไซเบอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ปัญหาทวีความรุนแรงชาวบ้านตกเป็นเหยื่อนับแสนราย เพราะผู้มีอำนาจปล่อยให้คนไทยถูกปล้นเงินจากความล้มเหลวของรัฐบาล ทั้งที่อยากให้ประเทศเป็นฮับดิจิทัล แต่ไม่สามารถจัดการกับอาชญากรทางไซเบอร์ได้ สถิติปี 65 มีผู้เสียหายกว่า 45,000 รายมูลค่ารวมน่าจะสูงถึง 30,000 ล้านบาท ปี 66 มีการแจ้งความคดีกว่า 27,620 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 6,156 ล้านบาท ช่วง 1 เดือนแรกปี 67 แจ้งความคดีแล้ว 2,345 คดี มูลค่ากว่า 589 ล้านบาท รวมกันมากกว่างบฯกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงดีอีรวมกัน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจริงจัง ต้องประณามผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะนายกฯ

“อ้วน” ย้อนลดคุณค่า มีแต่ส่อเสียด

จากนั้นเวลา 18.40 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ฝ่ายค้านหลายคนเสนอแนะดูเหมือนจะถูกลดคุณค่าลงอย่างน่าเสียดาย คำเหน็บแนม ส่อเสียด โวหารวาทกรรม ไม่ช่วยสร้างบรรยากาศช่วยกันคิดและพัฒนาประเทศ แต่รัฐบาลพยายามทิ้งสิ่งที่เป็นกาก เอาสิ่งที่เป็นแก่นมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น กล่าวหานายกฯออกไปเดินสาย ไม่แน่ใจไปทำหน้าที่ด้านการตลาดหรือการตลก พวกท่านรู้ดีว่าที่ผ่านมาคณะรัฐประหารสร้างความเสียหายให้กับชาติมาก ต่างประเทศไม่เจรจาการค้ากับเรายาวนาน นายกฯไปสร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศ แทนที่จะให้กำลังใจกันกลับมากล่าวหาสร้างความไม่เชื่อใจ ความไม่มั่นใจกันเสียเอง โดยไม่คำนึงถึงเจตนาของนายกฯ บริษัทใหญ่ๆหลายประเทศเซ็นเอ็มโอยู เข้ามาเยี่ยมและดูลู่ทาง นายกฯออกไปพูดชัดเจนว่าขณะนี้เราเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน ทุกท่านต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ ส่วนที่มี สส.กล่าวหาว่าเราคอร์รัปชัน เรามีการโกง ตรวจสอบได้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชน 6 เดือนที่เรามายังไม่ได้ทำโครงการเลย หลายเรื่องเราไม่ได้ใช้เงินแต่สร้างผลงานได้ เราเงินน้อยแต่เราเพื่อนเยอะ พิสูจน์แล้วว่าเงินไม่ใช่เรื่องหลัก ถ้าคิดดี ทำดี เงินจะตามมา อย่างกระทรวงพาณิชย์ที่นำซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ มาไม่ใช้เงิน คืนเดียวติดแฮชแท็กอันดับ 1 ของโลก

“โรม” สาวลึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ต่อมาเวลา 20.45 น. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐบาลเคยแถลงนโยบายจะให้ความสำคัญกับภัยคุกคามข้ามชาติและภัยไซเบอร์ แต่ 7 เดือน รัฐบาลชุดนี้เกิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเสียหายจำนวนมาก จับได้แต่บัญชีม้า ไม่สามารถจับกุมตัวการใหญ่ได้ การขยายผลจับกุมตัวการใหญ่ ต้องประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลงานที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลในการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีอะไรบ้าง นายกฯทราบหรือไม่ประเทศไทยเป็นประตูปากนรกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แต่แทบไม่เคยเห็นความเอาใจใส่ของรัฐบาลแม้แต่น้อย ทำเลใหญ่ของขบวนการใหญ่เหล่านี้อยู่ที่เมืองเมียวดี ที่อยู่ติด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเมืองเมียวดีเป็นเมืองที่มีบ่อนกาสิโนใหญ่มากมาย ธุรกิจมืดเหล่านี้เคยมาพรีเซนต์งานให้ กมธ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คนที่พามาแว่วๆว่าคือพรรครัฐบาล

แฉมีทหาร-ตร.ร่วมเป็นหุ้นส่วนบ่อน

จากนั้นนายรังสิมันต์ได้เปิดคลิปวิดีโอการเดินทางไปบ่อนกาสิโนเคเคปาร์ที่มีการทำสแกมเมอร์ ผลิตยาเสพติด โดยไร้ ตม.หรือศุลกากรควบคุมถือว่าทางสะดวก อยากถามว่าใครดูศุลกากร นายกฯหรือไม่ นี่คือความบกพร่องชัดเจน วันนี้ประเทศไทยคือผู้เสียหายจากความเป็นไปในเมียวดี ทราบว่า 17 บ่อนกาสิโนในเมียวดี หนึ่งในนั้นชื่อ เมียวดีคอมเพล็กซ์ มี พล.ต.ต.คนหนึ่งเป็นหุ้นส่วน มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในพรรครัฐบาล เคยรับราชการที่เมืองแม่สอด จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพล มีทรัพย์สินมากมาย มีบ้านหลังใหญ่ มีสนามกอล์ฟมากมาย ไม่คิดว่าการรับราชการตำรวจในแม่สอด จะสร้างความมั่งคั่งได้เพียงนี้ ขอให้นายกฯไปดู ตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า ตำรวจคนนี้รวยได้อย่างไร หรือสกายคอมเพล็กซ์มี ร.ต.ต.ที่ถูกขับออกจากราชการคดีทุจริตเป็นหุ้นส่วน หรือสตาร์คอมเพล็กซ์ มีเสี่ยตือผู้กว้างขวางในธุรกิจกาสิโน เป็นหุ้นส่วน เดอะซันโฮลดิ้งกรุ๊ป มีอดีตเสธ.ทหารบกและ พล.อ.ที่เกษียณแล้วคนหนึ่งเป็นหุ้นส่วน ไลออนส์คอมเพล็กซ์ มีอดีตนายตำรวจใหญ่ จ.ตาก เป็นหุ้นส่วน หรือบางบ่อนคนคนนั้นเคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม บางบ่อนอยู่ในรุ่น นตท.17 นี่หรือเปล่าคือเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลเพิกเฉยต่อการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะสุดท้ายเงินเหล่านี้จะไปถึงเครือข่ายพวกตัวเอง

ศาล รธน.รับตีความยุบก้าวไกล

เมื่อเวลา 12.00 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ออกเอกสารข่าวแจ้งว่า ได้ประชุมปรึกษาคดี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) (เรื่องพิจารณาที่ 10/ 2567) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐาน อันควรเชื่อว่าพรรค ก.ก.มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคตาม พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ทั้งนี้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่ผู้ร้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคผู้ถูกร้องกระทำการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 (13) ประกอบ พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แจ้งให้ผู้ร้องทราบและส่งสำเนาคำร้องให้พรรคผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 54

ตีตกคำร้อง “ไผ่” ฟ้องถูกตัดสิทธิ์ รมต.

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังเผยแพร่เอกสารข่าวว่า กรณีนายไผ่ ลิกค์ สส.กำเเพงเพชร พรรค พปชร. (ผู้ร้อง) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้ถูกร้องที่ 2) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้องที่ 3) และผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ถูกร้องที่ 4) ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(7) ทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ กระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม จำกัดสิทธิ และเสรีภาพของผู้ร้อง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 25 ศาลฯเห็นว่า ผู้ถูกร้องทั้งสี่เพียงให้คำปรึกษาและความเห็นทางกฎหมายโดยหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การทูลเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นหน้าที่และอำนาจของนายกฯ กรณีไม่เป็นไปตาม พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 46 วรรคหนึ่ง ดังนั้นผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่