"จุรินทร์" สส.ปชป. ซัดรัฐบาลเศรษฐา กระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน อัด เศรษฐา ก้าวไม่ข้าม "ทักษิณ" เอง ขณะเศรษฐกิจ คนไทยอยากได้ของจริง มากกว่าการตลาด ชี้ ตั้งคณะครม.ผิดฝาผิดตัว
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 เมื่อเวลา 10.12 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวอภิปรายฯ ว่า ตนเป็น 1 คนที่ร่วมลงชื่ออภิปรายเพราะเห็นว่ารัฐบาลบริหารแผ่นดินมา 7 เดือน สมควรแก่เวลาที่จะส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลกำลังเดินผิดทาง และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก่อนมีการเสนอญัตติ รัฐบาลพยายามสร้างกระแสว่า จะอภิปรายทำไม เพราะยังไม่ใช้งบสักบาท ตนบอกเลยว่านี่คือการตีหน้าซื่อกลางแดดชัดๆ ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะว่า แม้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ยังไม่บังคับใช้ แต่รัฐบาลก็สามารถใช้งบก้อนนี้ไปพลางก่อนได้ ฉะนั้นหากดูตัวเลขจะเห็นชัดเจนว่าสำนักงบประมาณจัดงบประมาณให้รัฐบาลใช้ไปพลางก่อน 1.837 ล้านล้านบาท แล้วรัฐบาลที่อ้างว่างบยังไม่ผ่าน กลับใช้เงินไปแล้ว 44 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินทั้งหมด ที่บอกว่ายังไม่ใช้งบสักบาทนี่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัดๆ ตนจึงบอกว่า พ.ร.บ.งบ ยังไม่ออก ถ้าจะโกงก็โกงได้
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ทำไมรัฐบาลบริหาร 7 เดือน ใช้เงินไปมากมายขนาดนี้ แต่ยังสอบตก มีคำตอบ 2 ข้อ หนึ่ง เพราะรัฐบาลชุดนี้มัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพแต่หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเป็นเอกฉันท์ว่ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
...
“วันๆ มีแต่อีเวนต์ เช้าอีเวนต์ สายอีเวนต์ เที่ยงอีเวนต์ เย็นอีเวนต์ ดึกๆ ยังอีเวนต์ คนไทยสำลักอีเวนต์ 6 เดือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บินไปบินมาหลายสิบประเทศ เป็นนายกฯ 180 วัน ไปอยู่เมืองนอกแล้ว 52 วัน มีคนถามว่า บินไปทำการตลาด หรือทำการตลก ที่บอกว่าไปทำการตลกเพราะว่าอยู่เมืองไทยประกาศลั่นโลกว่า เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ แต่พอลงเครื่องที่เมืองนอกไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุนในประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะป่วยถึงขั้นเอาเงินเป็นล้านมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจยังวิกฤติ
แต่ถ้าเขาจะมาก็แปลว่าเขาไม่เชื่อนายกฯ แต่เขาเชื่อมั่นในความเข้มแข็งในเศรษฐกิจไทย นายกฯ พยายามแสดงบทบาทเซลส์แมน ซึ่งดีแล้ว แต่คำถามคือในฐานะเซลส์แมนประเทศ ปิดการขายได้บ้างหรือยัง มีแต่สัญญาจะซื้อจะขายกับดอกไม้สายลม กลับถึงเมืองไทยคนที่รู้ทันถึงบอกว่าแค่เอาฝันมาฝาก” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวอย่างชัดๆ นายกฯ สั่งให้ที่ปรึกษาแถลงข่าวโรดโชว์ใหญ่โตที่ทำเนียบว่าการเดินสายต่างประเทศจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ 558,000 ล้านบาท ใน 10 ปี ยิ่งแถลงยิ่งตอกย้ำว่านี่คือการทำการตลาด เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นฝันจริงหรือฝันเท็จ หรืออีกกรณี อย่างการจัดเทศกาลดนตรีทูมอร์โรว์แลนด์ คนในรัฐบาลโพสต์ผ่านเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลไทยว่าเทศกาลดนตรีทูมอร์โรว์แลนด์จะถูกจัดขึ้นในไทยปี 69 และอาจจัดต่อเนื่องสิบปี ปรากฏว่า 2-3 วัน โป๊ะแตก เพราะมีคนจับได้ว่าทีมผู้จัดแถลงชัดเจนว่ายังไม่ยืนยันเรื่องนี้และยังต้องพิจารณาอีกมาก นั่นแปลว่าเขาพูดปฏิเสธด้วยความสุภาพที่สุด
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ตนก็อยากให้สำเร็จ และขอเอาใจช่วยให้สำเร็จ แต่สิ่งที่อยากบอกนายกฯคือคนไทยเขาอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรที่ยังไม่ใช่ยังไม่ต้องตีปี๊บก็ได้ และคนไทยก็ไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรเขาก็จับได้ คนไทยอยากเห็นนายกฯ ของเขาบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไรนอกจากการสร้างภาพว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหยี่ยวบินทีไรไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด นี่คือสิ่งที่อยากให้นายกฯ พิจารณาในการบริหารต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า 7 เดือนรัฐบาลชุดนี้จึงมีปัญหาทุกมิติ ปัญหาแรก ตราบใดที่รัฐบาลยังก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และขอความกรุณาคนในรัฐบาลอย่าโทษคนอื่นว่าทำไมก้าวไม่พ้นบุคคลๆ นี้เสียที ที่ก้าวไม่พ้นเพราะคนแรกคือนายกฯ เพราะวันแรกที่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม่อยากพูดลึก เอาแต่เพียงว่านายกฯ ถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลว์ซบถึงบ้าน แถมออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยว่ายินดีเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมคารวะได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะอภิปรายนั้นนายจุรินทร์ได้นำภาพนายเศรษฐาที่กำลังเดินทางไปเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ นายจุรินทร์ อภิปรายอยู่ในข้อบังคับ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่านายจุรินทร์ยังอภิปรายอยู่ในประเด็น จึงอนุญาตให้อภิปรายต่อ
จากนั้น นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า แถมท่านยังไปบอกว่า หากมีโอกาสจะไปขอคำปรึกษา แบบนี้ก้าวข้ามหรือไม่ ปัญหาที่ 2 ปัญหาทางการเมืองคือการมีนายกรัฐมนตรีหลายคน บางคนบอกเป็นแค่วาทกรรม นี่เป็นปัญหาอีกปัญหาที่รัฐบาลนายเศรษฐากำลังเผชิญ เพราะสิ่งเหล่านี้สะท้อนความไม่เชื่อมั่น ความด้อยค่านายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเกิดความเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มีคนเดียว
“ไม่ได้มีแค่นายกฯนิด ยังมีนายกฯใหญ่ นายกฯเล็ก ที่ผมต้องพูดเพราะก่อให้เกิดปัญหาทางการบริหารการเมือง ทำให้เกิดอำนาจซ้อนอำนาจ ทำให้รัฐบาลนี้กลายเป็นรัฐบาลหุ่น นายกรัฐมนตรีจึงหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องนี้เนื่องจากเป็นคำถามที่ดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีโดยตรง และส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างน้อยก็กระทบต่อสมาธิการทำงานและใช้อำนาจโดยที่ไม่รู้ว่าใครใหญ่กันแน่” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่ 3 รัฐบาลชุดนี้เต็มไปด้วยรัฐมนตรีที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้มีทั้งรัฐมนตรีที่โลกลืม รัฐมนตรีผิดฝาผิดตัว รัฐมนตรีต่างตอบแทน รัฐมนตรีทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง เพราะโลกยังไม่ลืม แต่โลกเซ็ง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จ้องแต่จะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า หรือกองทุนวินาศภัยที่ติดลบก็ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร ขอฝากนายกรัฐมนตรีว่าหากปรับ ครม.ครั้งนี้ช่วยดูแลรัฐมนตรีที่โลกเซ็งด้วย ปัญหาถัดมาคือปัญหาเศรษฐกิจมหภาค ภาพรวม 7 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องเศรษฐกิจ ตัวเลขต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ ทั้งนี้หากรัฐบาลชุดนี้บริหารครบถึงเดือนธันวาคม มีการประเมินการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 จะต่ำกว่าที่กำหนดไว้ นี่คือโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้โดยด่วนตามสัญญาที่เคยหาเสียงไว้
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ประชาชนหลายคนเลิกเชื่อแล้ว เพราะเจอลู่หนี้ท่องคาถาไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย และเมื่อวานนี้ (2 เมษายน) ก็มีมติ ครม.ที่จะไปแก้งบประมาณปี 2568 ให้ขาดดุลเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งแปลว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ เพียงแค่เปลี่ยนจากการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 5 แสนล้าน มาเป็นการใช้เงินกู้จาก พ.ร.บ.งบ ปี 68 จำนวน 1.5 แสนล้านบาทแทน แล้วอีก 3.5 แสนล้านบาทจะเอาเงินมาจากไหน จนวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ และตนจะรอคำตอบในวันที่ 10 เมษายน ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ซึ่งตนจะไม่ตำหนิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพราะไม่ใช่นโยบายของท่าน แต่นายกรัฐมนตรีประกาศว่าอย่างไรก็ต้องเป็น 400 บาท เนื่องจากเป็นนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ สุดท้ายกลายพันธ์ุจาก 400 บาททั่วประเทศเหลือแค่ 400 บาทแค่ 10 จังหวัด และเป็น 10 จังหวัดที่เป็นหย่อมๆ เหมือนฝนตกเป็นหย่อมๆ ไม่ตกทั่วฟ้า และอีก 67 จังหวัดก็ไม่ตกเลยสักเม็ด สุดท้ายขึ้น 2 บาท ยังซื้อไข่ไม่เต็มฟอง นี่เป็นการละคร หรือการลิเก ขณะที่เรื่องราคาพืชผล ปาล์ม ข้าวโพด ก็ไม่ได้ดีขึ้น มันทรงๆ มีแต่ข้าวที่กระเตื้องขึ้นมาเกือบหมื่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเมื่อรัฐบาลที่แล้วอยู่
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะเป็นสิ่งที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลนี้มากที่สุดคือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่ทำได้ไวที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร คือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ นับตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดไม่ได้หากนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่รู้เห็นเป็นใจ คนไทยไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้ก่อกรรมเพิ่ม ตนในฐานะผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง จึงอยากถามนายกรัฐมนตรี 3 ข้อ และขอให้ช่วยตอบด้วยตนเองในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหาร คุมเสียงข้างมากในสภา จะทำหลักนิติธรรมให้เข้มแข็งกับประเทศได้หรือไม่ โดยจะปล่อยให้เกิดคุกทิพย์โมเดลมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ ส่วนระเบียบใหม่ที่กรมราชทัณฑ์กำหนดออกมา หรือแปลง่ายๆ ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ และระเบียบนั้นจะรวมคดีทุจริต หรือคดี ม.157 ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
“ขอความกรุณานายกฯ อย่าตอบว่าขึ้นอยู่กับคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มาจากหลายหน่วยงาน เพราะมันเป็นลิงหลอกเด็กที่ดูถูกประชาชน ถ้าเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคดี ม.157 ติดคุกที่บ้านได้ หลักนิติธรรมของไทยจะต้องถูกตั้งคำถามอีกครั้ง เพราะจะต้องเผชิญกับนักโทษเทวดาตัวใหม่ รวมถึงการนิรโทษกรรมที่มองว่าเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ให้ถูกจะเป็นการสร้างความปรองดองให้กับประเทศ ถ้าใช้ผิดทางเป็นการสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศได้อีก จึงขอถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมคดีทุจริตด้วยหรือไม่”
“อย่าคิดได้คืบเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว และที่เตือนเพราะเมื่อถึงวันนี้มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆ เฉพาะกรณีนักโทษเทวดารวมแล้ว 24 เรื่อง สิ่งที่นายกฯ และพวกได้ทำกับหลักนิติธรรมของประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ รอวันระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเทอญ” นายจุรินทร์ กล่าว.