ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีการพิจารณารับคำร้อง กกต. ให้ ยุบพรรคก้าวไกล ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า การเสนอแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข วันนี้ พรรคก้าวไกล จะเปิดการอภิปรายทั่วไปรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ตามมาตรา 152 โดยไม่มีการลงมติส่งท้ายสมัยประชุมสภาผู้แทน พรรคก้าวไกลจะได้อภิปรายครบสองวันหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องยุบพรรคก้าวไกลวันนี้พรุ่งนี้ พรรคก้าวไกลอาจถูกยุบก่อนอภิปรายครบสองวันก็ได้

การเมืองไทยวันนี้จึงร้อนแรงไม่แพ้แดดไทยที่ร้อนเปรี้ยงกว่า 40 องศาเซลเซียส

ก่อนไปฟังการอภิปรายของ 5 พรรคฝ่ายค้าน นําโดยพรรคก้าวไกล ไปดู ญัตติการอภิปรายทั่วไป ที่ คุณชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ไปยื่นต่อประธานสภาฯกันอีกครั้งนะครับ แม้จะเป็นญัตติอภิปรายทั่วไป แต่ข้อกล่าวหารุนแรงไม่เบาเลย ญัตติระบุว่า ครม. ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้ดำเนินการหรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉย ต่อคำแถลงนโยบายที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพหรือความชัดเจนแน่นอน ยังไม่มีการขับเคลื่อนนโยบาย หรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ

...

นอกจากนี้ นายกฯ และ ครม. ยังมีพฤติกรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ ปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล เอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย แทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติรัฐนิติธรรม กลับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ทำลายหลักการความเสมอภาคเท่าเทียมทางกฎหมาย การไม่จริงใจต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การลดความเหลื่อมล้ำ การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน การปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการศึกษา ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด มากมายจนอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลยทีเดียว

ต้องยอมรับว่า รัฐบาลชุดนี้มีปัญหามากมายจริงๆ แต่ผลงานชิ้นโบแดงที่เรียกความฮือฮาไปทั่วโลกก็คือ การกลับบ้านอย่างเท่ๆของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยที่ นายกฯเศรษฐา อยู่ในสังกัด ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า อยู่ในช่วงพักโทษทำไมไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แถมยังมีข่าวคราวการเดินเกมการเมืองไม่หยุดหย่อน สงกรานต์นี้ก็มีข่าวว่าจะขึ้นเหนือไปยังเชียงใหม่อีกครั้ง

ประเด็นใหญ่ที่หนีไม่พ้นถูกอภิปรายอย่างหนักก็คือ การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท วงเงิน 560,000 ล้านบาท ที่ถูกเลื่อนออกไปแจกในปลายปี ล่าช้ากว่าที่หาเสียงไว้ปีกว่า ทั้งที่ระบุว่าเป็นเรื่องด่วนเศรษฐกิจไทยวิกฤติแล้ว แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่วิกฤติ แต่การที่รัฐบาลบอกว่าวิกฤติ กลับทำให้คนกลัว นักลงทุนกลัว ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสการลงทุนมากมาย วันนี้ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลไม่กล้าออก พรบ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้ว เพราะกลัวติดคุกกันระนาว แต่จะใช้วิธีทางอ้อมแบบศรีธนญชัย คือ ใช้งบประมาณแผ่นดินปี 67 และ 68 ทั้งที่มีงบเหลือพัฒนาประเทศเพียงน้อยนิด เพื่อกู้เงินผ่านงบประมาณแทนที่จะกู้โดยตรง

วิธีการก็ง่ายๆคือ ทำงบขาดดุลเพิ่มขึ้น เมื่อขาดดุลเพิ่ม กระทรวงการคลังก็ต้องไปกู้เพิ่มมาโปะงบ เงินกู้ที่เพิ่มก็เป็นหนี้ประเทศ หนี้ของคนไทยทุกคน ที่ต้องใช้หนี้ในอนาคต

ถ้า พรรคก้าวไกล มีโอกาสอภิปรายครบสองวัน คงสนุกแน่นอน ทั้งเรื่อง เงินดิจิทัล กระบวนการยุติธรรม ล่าสุด การเปิดบ่อนกาสิโนหารายได้เข้ารัฐ คิดได้สุดซอยจริงๆ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม