“ภูมิธรรม” ฉะธีมอภิปราย “รัฐบาลเพื่อใคร” แค่วาทกรรม เย้ยกลัวกระแสนายใหญ่ปั่นแต้มเพื่อไทย “สรวงศ์” ลั่นไม่ยอมถูกหลอกด่าฟรีแน่ แก้เกมหั่นเวลาฝ่ายค้าน “วิสุทธิ์” จ่อตัดไป 4 ชั่วโมง ยกให้ ครม.แจง ขู่แตะ “ทักษิณ” เจอฟ้องแน่ “อนุสรณ์” เย้ยแค่สร้างคอนเทนต์ “วิโรจน์” รับซักฟอก 152 แค่เตือนยังไม่ฟันจริง “ณัฐชา” ตอก “เสี่ยอ้วน” ช่างบอบบางจัง ก้าวไกลปล่อยทีเซอร์เรียกแขก “สุทิน” ถกจีนแก้ปมเรือดำน้ำ ย้ำไม่มั่นใจเครื่องยนต์ CHD-620 ออนทัวร์ช็อปเครื่องบินเกาหลีใต้ นายกฯฟิตตามงาน รมต.รายคน ลุยเยี่ยมชาวแฟลตดินแดง แห่ชูป้ายเอาใจช่วยนายกฯ พร้อมทวงเงินดิจิทัล สว.ตีตก “วิษณุ วรัญญู” ขึ้นปธ.ศาลปกครองสูงสุด อัยการยื่นฟ้อง “ตะวัน-แฟรงค์” ขวางขบวนเสด็จ

สงครามน้ำลายก่อนถึงวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วันที่ 3-4 เม.ย. แกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย ดาหน้าออกมาตอบโต้พรรคก้าวไกลที่ตั้งธีมการอภิปราย “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” เป็นแค่วาทกรรมการเมือง สร้างคอนเทนต์ก่อนปิดสมัยประชุมเท่านั้น

...

นายกฯ ยินดีกับข้าราชการดีเด่น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2567 เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า ขอส่งความปรารถนาดี และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2566 กำหนดจัดกิจกรรมหัวข้อ “ข้าราชการยุคใหม่ พัฒนาประเทศไทย ใส่ใจประชาชน” ขอความร่วมมือจากส่วนราชการและจังหวัด ในการจัดกิจกรรมให้บริการประชาชน และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ให้ข้าราชการตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามภารกิจของส่วนราชการ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคง และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน

ย้ำสร้างความผาสุกให้ประชาชน

นายกฯ ระบุอีกว่า ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น แสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นตั้งใจ อุทิศทุ่มเท และมีความวิริยอุตสาหะในการปฏิบัติหน้าที่ ยึดมั่นคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาของข้าราชการพลเรือน สามารถ “ครองตน ครองคน ครองงาน” ทำให้การปฏิบัติราชการก่อเกิดผลที่เป็นคุณประโยชน์ต่อหน่วยงาน ประชาชนและประเทศชาติ ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งในการรับราชการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะรักษาคุณงามความดีไว้ให้มั่นคงและดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่นต่อไป สร้างความผาสุกให้แก่พี่น้องประชาชน และขับเคลื่อนพัฒนาชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงสืบไป

ฟิตตามการทำงาน รมต.รายคน

ต่อมาเวลา 11.50 น.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาได้เรียกรัฐมนตรีพบเพื่อติดตามสอบถามความคืบหน้า การทำงาน อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นายภูมิธรรมกล่าวภายหลังเข้าพบนายกฯว่า นายกฯเรียกพบรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้าการทำงานของแต่ละคน ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีอะไรมาก เช่น เรื่องเขตการค้าเสรี (FTA) ทำมาพอสมควรแล้ว เมื่อถามว่านายกฯได้กำชับอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ให้เดินหน้าทำงานไม่ต้องกลัว เอาสิ่งที่ทำมาพูด ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น และตัวนายกฯเองไม่ได้กังวลอะไร เมื่อถามว่ากำชับการเตรียมรับมือการอภิปรายหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ได้อะไร อย่างที่บอกให้ทุกคนทำงาน ถามเรื่องอะไรก็ตอบ

ลุยงานเยี่ยมชาวแฟลตดินแดง

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายเศรษฐาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 1/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เสร็จแล้วเดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อมาเวลา 15.30 น. เดินทางลงพื้นที่ลานกีฬาแฟลต 51-53 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 เขตดินแดง ตรวจเยี่ยมประชาชนเขตดินแดง พร้อมนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ทั้งนี้ นายกฯได้ทักทายสอบถามความเป็นอยู่ก่อนเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

เอาใจช่วยนายกฯ “รอเงินดิจิทัล”

นายกฯกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ไม่ได้มาทำคะแนนแต่ต้องการมาดูความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจริงๆ ตึกที่อยู่อาศัยที่ชำรุดและเป็นอันตราย ขั้นแรกคงต้องเข้ามาซ่อมแซมให้เสร็จภายในเดือน ก.ค. ให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความปลอดภัย และมาดูการบริหารจัดการขยะ และปัญหาเรื่องยาเสพติด พยายามแก้ไขกัน เรื่องการพนัน บ่อน หากใครมีเบาะแสขอให้บอก ส่วนปัญหาผู้ป่วยติดเตียง พม.ได้ให้เดือนละ 5,000 บาท สาธารณสุขก็เอานักกายภาพมาดู จะพัฒนาอย่างจริงจังพื้นที่เล่นกีฬาออกกำลังกาย เดี๋ยวจะมาดูอีกมากำชับให้พัฒนา ต่อเนื่อง จากนั้นนายกฯมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับตัวแทนประชาชน 20 ราย โดยมีประชาชนชาวดินแดงจำนวนหนึ่งมายืนชูป้ายข้อความ “รอเงินดิจิทัลสิ้นปีนี้นะคะ เอาใจช่วยนายกฯนิด”

“ภูมิธรรม” ฉะวาทกรรมฝ่ายค้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งหัวข้อการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” ว่า ไม่อยากให้ใช้วาทกรรมทางการเมือง ต้องเอาความจริงมาพูดและคนที่ตอบได้คือประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองฝ่ายค้านมาตอบ ประชาชนรู้ดีว่ารัฐบาลทำงานเพื่อใครยึดมั่นประชาชนหรือไม่ ให้ดูที่นโยบายและการกระทำดีกว่า การอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นการพูดคุยเสนอแนะปัญหาต่อรัฐ ไม่ใช่ตรวจสอบเพื่อให้รัฐบาลมีปัญหา ถ้าจะทำอย่างนั้นต้องขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ขออย่าบิดเบือนประเด็น เอาการอภิปรายมาตรา 152 มาเป็นประเด็นดิสเครดิตรัฐบาล ไม่เป็นประโยชน์

เย้ยกลัวนายใหญ่ปั่นแต้มให้ พท.

นายภูมิธรรมกล่าวว่า หมดสมัยแล้วที่จะใช้วาทกรรมปั๊มตราใคร ที่บอกว่าจะทำการเมืองสมัย ใหม่ร่วมกัน มีแต่ใช้วาทกรรมมาคอยจิกกัดเช่นนี้ ไม่สร้างสรรค์ ถ้าสร้างสรรค์ให้มาเสนอแนะว่าไม่รับใช้ประชาชนตรงไหน หรือหัวใจเพื่อใคร จะตัดหัวใจออกมาดูร่วมกันว่าหัวใจใครเพื่อประชาชนกว่า ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน อย่าใช้วาทกรรมเพราะไม่ใช่การเมืองใหม่ เป็นการเมืองเก่าที่หาคำพูดมาคอยจิกกัด เสียใจที่เห็นน้องหลายคนดูท่าว่าเป็นคนรุ่นใหม่ อยากทำการเมืองสมัยใหม่ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่ามีบางประเด็นที่อาจต่อยอดด้วยการไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายภูมิธรรมตอบว่า ทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่เสนอเป็นประเด็นการเมือง แค่ต้องการวาทกรรม พิธีกรรม แล้วดิสเครดิตรัฐบาล ไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลหรือประเทศดีขึ้นเลย ที่ผ่านมารัฐบาลเพิ่งทำงานใช้แต่งบประมาณไปพลางก่อน แต่งบลงทุนยังไม่มี เมื่อถามว่าเตรียมรับมืออย่างไรหากมีการหยิบยกเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯขึ้นมา นายภูมิธรรมตอบว่า นายทักษิณอยู่นอกสภา ไม่มีตำแหน่งอะไร คิดแต่กลัวว่านายทักษิณมาแล้วจะมีความนิยมจากประชาชนที่ยังศรัทธา มีผลต่อเพื่อไทย อย่าคิดแต่เอาชนะทางการเมืองเพราะไม่ใช่การเมืองใหม่

ไม่ยอมให้ถูกหลอกด่าฟรีแน่

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องอภิปรายให้อยู่ในกรอบ ไม่ใช่มาตีกินทางการเมือง หลอกด่าฟรี เราไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ หากจะทำแบบนั้นก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเลย เมื่อถามว่าหากมีการอภิปรายพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. นายสรวงศ์ตอบว่า ทั้ง 2 คนเป็นบุคคลภายนอก ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมที่จะมาชี้แจงได้ เป็นดุลพินิจของประธานว่าจะจัดการอย่างไรต้องควบคุมการประชุม เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารระบุว่าให้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับนายทักษิณกับ สส.ของพรรค พท.แล้ว ได้รับข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นข้อมูลที่พวกเรารู้กันตามหน้าสื่อ แต่หากจะโยงไปถึงเรื่องอื่นเราคงยอมไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับการบริหารประเทศ ของรัฐบาล ย้ำว่าท่านเป็นบุคคลภายนอก ไม่สามารถมาชี้แจงในที่ประชุมได้

แก้เกมหั่นเวลาฝ่ายค้านอภิปราย

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการอภิปรายพาดพิงจริง สส.พท.จะชี้แจงใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ใช่เรายึดตามข้อบังคับการประชุมข้อ 9 ประท้วงให้ประธานในที่ประชุมควบคุมการประชุม หากมีการพูดจาเสียดสีหรือเอ่ยถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็นก็ประท้วงได้ แต่ไม่ได้กำหนดตัวบุคคลว่าใครจะเป็นคนประท้วงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ สส. อภิปรายนอกประเด็นพวกเรายอมไม่ได้ อีกอย่างคือเรื่องกรอบเวลา ต้องมาจัดเวลาใหม่ การอภิปรายในมาตรา 152 ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้าน รัฐบาลก็สามารถอภิปรายได้ สิ่งที่เขาทำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงว่าเขาไม่ได้เคารพการพูดคุยของวิป 2 ฝ่ายเลย ฉะนั้น จะเรียกวิปฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมาพูดคุยกันอีกครั้ง เอาจำนวน สส.หารเลย ตามเดิมฝ่ายค้านจะได้เวลาทั้งหมด 22 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลได้ 4-5 ชั่วโมง ต้องคุยกันใหม่ไม่มีทางที่คุณจะได้ 22 ชั่วโมงแน่นอน

ตัดไป 4 ชั่วโมงยกให้ ครม.แจง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า กรอบเวลาที่ฝ่ายค้านขอมาคือ 22 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาลรวม ครม. 6 ชั่วโมง ดูแล้ว ครม.มีเวลาชี้แจง 4 ชั่วโมง การอภิปรายตามมาตรา 152 คือการกล่าวหารัฐบาล เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องตอบคำถามให้กระจ่างแจ้ง แต่เมื่อไปดูการอภิปรายตามมาตรา 153 ของ สว.ที่ผ่านมา พบว่ารัฐมนตรีบางคนมีเวลาตอบแค่ 2 นาที หากได้เวลาน้อยรัฐมนตรีจะไม่มีโอกาสชี้แจง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต้องขอเวลาเพิ่มให้รัฐบาล อย่างน้อยต้องได้ 10 ชั่วโมง ฝ่ายค้านต้องลดเวลาอาจเหลือ 18 ชั่วโมง จะเอากรอบเวลาเดิมไม่ได้ หักเวลาประท้วงแล้วรัฐบาลไม่น่าจะเกิน 4 ชั่วโมง เตรียมนัดหารือฝ่ายค้านวันที่ 2 เม.ย.นี้ การปรับเวลาไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ถกเถียงกันเรื่องผลการศึกษาตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายที่ผ่านมา

กาหัวแตะ “ทักษิณ” เจอฟ้องแน่

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุถ้าอภิปรายพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะฟ้องร้องนั้น ขอให้มองข้อบังคับการประชุมเป็นหลัก ในอดีตการกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น เป็นหน้าที่ประธานสภาฯต้องตักเตือน ถ้าไม่เชื่อฟังยังกล่าวถึงบุคคลภายนอก ไม่ใช่เฉพาะนายทักษิณ เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องใช้สิทธิทางกฎหมายฟ้องร้องดำเนินคดี แต่วิปรัฐบาลคงไม่ต้องตั้งองครักษ์ ขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายโดยยึดข้อบังคับเป็นหลัก

สร้างคอนเทนต์ก่อนปิดสภาฯ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การตั้งธีมอภิปรายของฝ่ายค้าน “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” น่าจะเป็นเพียงการสร้างคอนเทนต์ ไม่มีอะไรใหม่ เหมือนตอนอภิปรายงบประมาณปี 67 ที่สุดงบก็ผ่านทั้ง 3 วาระ ครั้งนี้ก็เช่นกัน การเน้นประดิษฐ์วาทกรรมทั้งที่ไม่มีข้อมูลการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวหรือทุจริต เพราะถ้ามั่นใจทำไมไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจไปเลย ครั้งนี้แค่ยื่นแก้เกี่ยวเพราะฝ่ายค้านไม่มีผลงานในสภาที่โดดเด่น ก่อนจะปิดสมัยประชุมต้องหาเหตุอภิปรายเท่านั้นเอง ส่วนการขู่ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อ คงแค่สร้างประเด็นเรียกร้องความสนใจให้คนมาติดตามการอภิปรายเท่านั้น ขณะที่เสถียรภาพในพรรคร่วมฝ่ายค้านมีปัญหากันมาตลอด เมื่อถามว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่ารัฐบาลตีตนก่อนไข้ห่วงการอภิปรายกระทบถึงนายทักษิณ นายอนุสรณ์ตอบว่า เราไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ คนที่จะเป็นฝ่ายกังวลใจน่าจะเป็นฝ่ายค้านมากกว่า เพราะอภิปรายแต่ละครั้งก็มีปัญหาการทำงานร่วมกันในพรรคฝ่ายค้าน ต่างคนต่างทำ ขาดน้ำหนัก รัฐบาลไม่มีเหตุต้องกลัวหรือตีตนไปก่อนไข้

“วิโรจน์” รับ 152 แค่เตือนยังไม่ฟัน

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การเตรียมข้อมูลสำหรับอภิปรายในวันที่ 3-4 เม.ย. เรื่องหลักฐานเด็ด ที่จะส่งผลให้รัฐบาลล้ม คิดว่ายังไม่ถึงเวลาตรงนั้น แต่ข้อมูลเรามีอยู่แล้วในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายที่ไม่ถูกต้อง ต้องรวบรวมหลักฐานต่อไป เพราะบางเรื่อง เห็นแค่นโยบายที่มาผิดทาง และงบประมาณปี 67 เพิ่งจะผ่านสภาฯ ยังไม่มีหลักฐานที่กระทำการ แต่รัฐบาลเดินต่อไปผิดทาง หรืออาจเอื้อให้เกิดการทุจริต เราจึงตัดสินใจเตือนรัฐบาลจากหลักฐานเบื้องต้นที่เราพบ หากยังคงเกิดเหตุการณ์ส่อทุจริตในอนาคต ก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำเรื่องไปยื่นให้ ป.ป.ช. หรืออาจร้องไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่วนมีเรื่องใดบ้างที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ขอให้รอดูดีกว่า

ก้าวไกลปล่อยทีเซอร์เรียกแขก

วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ภาพโปรโมตเชิญชวนประชาชนร่วมหาคำตอบว่ารัฐบาลนี้ทำงานเพื่อใคร ในการอภิปรายทั่วไป 152 แบบไม่ลงมติ วันที่ 3-4 เม.ย. “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” พร้อมข้อความระบุว่า “7 เดือนเต็ม หลังการขึ้นบริหารประเทศของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกือบครบทุกพรรค 7 เดือนที่ประชาชนผิดหวังกับการจัดตั้งรัฐบาล ยังหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลเพื่อไทย ที่พิสูจน์ฝีมือมาแล้วในอดีต จะนำพาประเทศไปข้างหน้า แก้ปัญหาประชาชนที่หมักหมมมากว่า 10 ปีได้ แต่วันนี้ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่มา ค่าแรงขึ้นเป็นหย่อมๆ ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อยๆ ลูกหลานยังต้องไปเกณฑ์ทหาร นักโทษคดีการเมืองยังติดคุก (บางคนได้กลับบ้าน) วันนี้เกิดคำถามว่ารัฐบาลเพื่อไทย กำลังทำเพื่อใคร? เพื่อประชาชน หรือเพื่อคนที่หนุนนำ ให้ได้ตั้งรัฐบาล? รัฐบาลที่จัดตั้งมาโดยฝืนความ ต้องการของประชาชน จะรับใช้ประชาชน หรือรับใช้คนที่อนุญาตให้ตนได้กลับมามีอำนาจ?”

“กาย” ตอก “อ้วน” ช่างบอบบางจัง

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ระบุฝ่ายค้านใช้วาทกรรมจิกกัดว่า คนบางคนแค่เจอประโยค “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” ก็ใจบางบอบแบบบ่นเสียใจรุ่นน้องใช้วาทกรรมทำงาน ไม่เอาความจริงมาพูด พูดแบบนี้ใจคอจะไม่รอฟังอภิปรายกันก่อนหรือ งอแงตีตนไปก่อนไข้ ประหนึ่งเป็นทารกการเมืองเพิ่งเข้าวงการไม่กี่ปี บอบบางเสียจริง สมัยก่อนเคยเป็นฝ่ายค้านด้วยกันมา 4 ปี จำได้ว่าไม่เห็นใจบางแบบนี้ การอภิปรายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตามมาตรา 152 ใช่ว่าไม่เคยมี ลืมแล้วหรือว่าจิกกัดตราหน้าเขาไว้อย่างไร กระทั่งมาตระบัดสัตย์ข้ามขั้วไป เพราะอะไรรู้ดีแก่ใจ ทำไมพี่จึงพูดเสมือนคนสิ้นไร้ ไม้ตอกเช่นนี้ ว่าแต่จะถามกันหน่อยไหมว่า ทางนี้ผิดหวังกับรุ่นพี่แค่ไหน ที่พลิกลิ้นกลับกลอกเพียงหวังมีอำนาจ และประคองอำนาจสูงสุดที่ไม่เคยคิดว่าเป็นของประชาชน หากไม่นึกถึงตอนเป็นฝ่ายค้านด้วยกันบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เป็นรัฐบาลแล้วสัญญาหาเสียงอะไรไว้ ทำได้บ้างหรือเปล่าที่สำคัญคือ ถึงตอนนี้สบตาประชาชนแล้ว “หัวใจ” ยังเป็นประชาชนจริงไหม ไปรอตอบพวกเราให้ได้ในสภา

พลังบูรพาแนะฝ่ายค้านเน้นสาระ

ด้านนายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เม.ย. ต้องให้ความเป็นธรรมรัฐบาล และ ครม. เพราะบริหารประเทศไม่ถึง 1 ปี ยังไม่ได้ใช้งบฯยังไม่มีประเด็นเชิงทุจริตเป็นที่ประจักษ์ หากอภิปรายอะไรลึกลงไป เช่น ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ปัญหากระบวนการยุติธรรม กระแสเรียกร้องปฏิรูปตำรวจ ปัญหาทางสังคม เรื่องเว็บพนันออนไลน์ อย่างที่หลายคนทราบ มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน บางปัญหาคาบเกี่ยวต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อน อยากให้ฝ่ายค้านมุ่งเน้นเนื้อหาสาระในปัจจุบันมากกว่าการใช้วาทกรรมรุนแรงเสียดสีกัน ควรติติงให้ข้อเสนอแนะมากกว่าจะพูดถึงคนนอกเชื่อมโยงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะจะเกิดการประท้วงในที่ประชุมสภาทำให้เกิดความขัดแย้งได้

“สุทิน” ลั่นไร้สัญญาณรัฐประหาร

ช่วงเช้าวันเดียวกันที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 เขตสาทร กทม. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศ ระบุถึงปัจจัยการรัฐประหาร เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ว่า นายกฯพูดถูก เรื่องนี้ถ้ามันจะเกิดเรื่องกฎหมายก็ควบคุมไม่ได้ ฝ่ายบริหารจะควบคุมก็ไม่ง่าย ที่คุมได้คือสังคมจิตวิทยาโดยความต้องการของประชาชน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะผ่านมาไกลพอสมควร เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพตอนนี้เป็นอย่างไร นายสุทินตอบว่า เป็นไปโดยปกติที่ควรเป็นของฝ่ายกำหนดนโยบายกับข้าราชการ ขณะนี้กลไกเดินไปได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถามว่านายกฯที่มาจากพรรคเพื่อไทย มักถูกทำรัฐประหาร นายสุทินตอบว่า แล้วแต่บริบทตอนนั้นกับตอนนี้ ยังสบายใจ ไม่ได้กังวลอะไร คิดว่าบริบทมันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อถามว่ามีสัญญาณอะไรหรือไม่ นายสุทินยืนยันว่าไม่มี มีแต่สัญญาณดีๆ

เชื่อ ผบ.เหล่าทัพล้วนคนรุ่นใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการขัดใจทหารในการจัดซื้ออาวุธ จะเป็นปัจจัยทำรัฐประหารหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่หรอก ถ้าเรามีเหตุผล อย่าไปค้านโดยไม่มีเหตุผล หรือคิดเป็นประโยชน์ส่วนตัว ถ้าเราค้านแบบมีเหตุผลเขาก็รับได้ แต่ถ้าจะไปคิดทำประโยชน์ให้กับตัวเองหรือทำประโยชน์ทางการเมืองให้กับตัวเอง ตรงนี้จะเป็นปัญหา เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด คิดว่า ผบ.เหล่าทัพทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่ ความคิดดีๆ ความคิดใหม่ๆทั้งนั้น วันนี้กองทัพเขาก็รู้ว่าสังคมก้าวไปขั้นไหน ยังต้องปรับตัวอยู่ ไม่เป็นปัญหา เราก็บริหารไปบนความต้องการของประชาชน เขาก็รู้ถ้าเราบริหารบนความต้องการของตัวเองมันจะยุ่ง เราก็ยึดหลักนี้ไว้ เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเลียรองเท้าบูต นายสุทินตอบว่า มองด้วยความเป็นธรรม ไม่มีอะไรไปเอาใจกัน ไม่มีเลย หลายเรื่องยังขัดใจกันอยู่ อยากจะซื้อเรือก็ไม่ได้เรือ เร็วๆนี้มาตรการการซื้ออาวุธจะออกมา เป็นแบบแพ็กเกจรวม ได้ให้ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งจิตตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทหารสูงสุด ไปศึกษาเร่งด่วน พอจบงบประมาณปี 2568 ไปปีงบประมาณ 2569 ต้องจัดซื้อแบบใหม่ ไม่มีไปเลีย อยู่ตามเส้นของตัวเอง

ถกจีนแนวโน้มดีแก้ปมเรือดำน้ำ

นายสุทินยังกล่าวถึงผลการเดินทางไปเยือนจีนว่า ไปเจรจาเรื่องเรือดำน้ำเพราะอยากให้จบ แต่ยังมีความกำกวมเรื่องข้อกฎหมาย จึงส่งให้หลายหน่วยงานตีความ หลังจากคณะทำงานดำเนินการจบแล้ว พอจะรู้แนวโน้มเลยรีบหาทางออกไว้หลายทาง ให้สอดคล้องการตีความและผลของคณะทำงาน จึงเดินทางไปจีน หารือกันหลายแนวทาง ว่าแนวทางใดบ้างที่จีนจะร่วมมือกับเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องฟังความเห็น ครม. การไปจีนได้เสนอหลายแบบ ถ้าเดินหน้าเรือดำน้ำจะเป็นอย่างไร แนวทางที่ 2 คือการยกเลิกได้ไหม ถ้ายกเลิกเงินงวดที่จ่ายไปก่อนจะทำอย่างไร เรากับจีนเห็นตรงกันหลายเรื่องที่มีประโยชน์ หลักคือกองทัพเรือได้ประโยชน์และตรงใจเขามากที่สุด อาจไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มที่ดีว่าเราจะได้ตามนี้ โดยเฉพาะเรื่องเงินที่เราจ่ายไปก่อน ไม่ว่าออกทางไหนเงินก็ไม่สูญเปล่า “วันนี้ (1 เม.ย.) จะเป็นการคุยกันอีกขั้นตอนหนึ่งผ่านวิดีโอคอลกับทางจีน ถ้าพูดคุยกันได้ข้อยุติก็จบ ถ้าไม่จบก็ต้องเดินทางไปจีนอีกรอบ แต่จะทำให้จบเร็วที่สุด

ไทยไม่มั่นใจเครื่องยนต์ CHD-620

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะมีการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำแล้วไปซื้อเรือฟริเกตแทน นายสุทินตอบว่า ต้องถามกองทัพเรือว่ารับทางเลือกนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เรือดำน้ำก็เป็นเรือฟริเกตหรือเรือ OPV แต่ยังไม่สรุปว่าเป็นแนวทางใด เชื่อว่าจะจบและนำเข้า ครม.ได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ มีการพูดคุยกับทางจีนถึงสาเหตุของการจะยกเลิกเรือดำน้ำ คือสังคมไทยยังติดใจอยู่ว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลง และยังไม่มั่นใจในคุณสมบัติในเครื่องยนต์ (CHD-620) ที่ไม่เคยใช้ที่ใด เป็นความลำบากใจของเราที่ขอให้ทางจีนเข้าใจ เขาก็ไม่ได้แข็งกร้าวมีท่าทีรับพิจารณา แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าเป็นเรือฟริเกต หรือเรือ OPV ต้องมาคุยกันเรื่องราคาและเงื่อนไขอื่นประกอบด้วย เขาไม่ได้ปิดแนวทางนี้ ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกัน ไม่น่ากระทบความสัมพันธ์มาก เว้นแต่เราอยากได้หรือเอามากเกินไปก็อาจกระทบกระเทือน

ออนทัวร์ช็อปอาวุธเกาหลีใต้

เมื่อถามว่าหากยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ กังวลในข้อกฎหมายที่จะมีการร้องต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ นายสุทินตอบว่า เมื่อตีความตามข้อกฎหมายแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นมติ ครม.สามารถทำได้ แต่มติ ครม.ก็ต้องยืนอยู่บนกฎหมายและผลประโยชน์ประเทศ ส่วนการจัดหาเรือฟริเกตจะเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อบรรจุในงบประมาณปี 2568 หรือไม่ อยู่ที่นายกฯพิจารณา กระทรวงกลาโหมไม่ขัดข้อง เป็นดุลพินิจนายกฯเพราะเกี่ยวข้องกับตารางงบประมาณ ถ้ามีเรือฟริเกตและมีเรือดำน้ำจะจัดงบอย่างไร ไม่ให้งบพอกมากเกินไปในแต่ละปี อาจเรียกว่าเป็นเทคนิคการบริหารเงินว่าสิ่งใดก่อนหรือหลัง เมื่อถามถึงการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ นายสุทินตอบว่า ไม่เกี่ยวกับการไปดูเรือฟริเกตหรือเรือดำน้ำ ไปตามคำเชิญของ รมว.กลาโหมเกาหลีใต้ สานความสัมพันธ์ และไปดูเรื่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เยี่ยมกองกำลังสหประชาชาติ ที่มีกำลังพลทหารไทยไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ และกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เชิญไปดูเครื่องบินรบ T-50 ที่ไทยจัดหา และรอส่งมอบอีก 2 เครื่อง ไปดูโครงการผลิตด้วย

“เทพไท” เดาทาง “ทักษิณ” เดินเกม

อีกเรื่อง นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเพจเฟซบุ๊ก “เทพไทคุยการเมือง” หัวข้อ “ทักษิณ เปลี่ยนบทบาทจากคนเลี้ยงหลาน เป็นผู้นำอนุรักษ์นิยมใหม่” ว่า นับแต่นี้ไปเราจะเห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังมีสถานะเป็นนักโทษ แต่ได้รับสิทธิ์การพักโทษ ยังอยู่ในการควบคุมของกรมคุมประพฤติ จะปรากฏตัวและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเหนียมอาย หรือเกรงใจใครอีกแล้ว ทั้งกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ นายทักษิณเริ่มทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆมาหลายครั้งแล้ว เช่น ไปไหว้บรรพบุรุษหรือเช็งเม้ง ที่ จ.เชียงใหม่ แต่มีการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมพบมวลชน นัดเลี้ยงแกนนำทางการเมือง ไปพรรคเพื่อไทยพบปะมวลชนคนเสื้อแดง สส. และแกนนำพรรค ขณะที่ กกต.ออกมายืนยันว่าไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทย

ได้คืบเอาศอกอ้างสู้กับก้าวไกล

นายเทพไทกล่าวว่า จะเห็นได้ว่านายทักษิณพยายามเคลื่อนไหว เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆมากขึ้น ในลักษณะได้คืบจะเอาศอก จนไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือท้วงติง ช่วงสงกรานต์นี้นายทักษิณยืนยันแล้วว่า จะไปร่วมงานสงกรานต์ ปีใหม่เมือง ที่ จ.เชียงใหม่อีกครั้ง คงมีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่วมกับมวลชนเหมือนเดิม จากนี้ไปจะเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองบ่อยขึ้น ภายใต้การประสานของ สส.เพื่อไทย สร้างกระแสเรียกร้องให้นายทักษิณไปพบคนเสื้อแดงในพื้นที่ โดยอ้างเรื่องการเรียกร้องของมวลชนที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ตอนที่นายทักษิณหนีคดีอยู่ต่างประเทศ พยายามโอดครวญพร่ำพูดอยู่ตลอดเวลาว่าขอโอกาสกลับเมืองไทยมาเลี้ยงหลาน แต่ไม่ได้เป็นคนแก่เลี้ยงหลานตามที่กล่าวอ้าง กลับทำตัวเป็นหัวหอกเคลื่อนไหวในบทบาทผู้นำทางการเมืองของฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ สร้างคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทย สู้กับพรรคก้าวไกลต่อไป

พท.เตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญ

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ว่า ยืนยันยังเป็นวันที่ 5 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย เป็นการประชุมกันตามปกติ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นอีเวนต์ที่พรรคต้องการจะเสนอ แต่อาจมีเรื่องผลงานของพรรคในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เมื่อถามว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง จะเข้าด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ท่านจะเข้ามาในฐานะสมาชิกพรรค

กห.-ซีพีสร้างงานให้ทหารเกณฑ์

ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อมนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับ บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ มี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทน ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ เป็นผู้ลงนามกับนายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรของกระทรวงกลาโหม ครอบครัวข้าราชการและลูกจ้าง ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้น นำไปสู่การอาชีพที่มั่นคง โดยเฉพาะให้ทหารกองประจำการหลังปลดประจำการและทหารอาสาที่ครบสัญญา มีความพร้อมความเชี่ยวชาญ เข้าไปทำงานในบริษัทฯ รวมถึงแนะนำแนวทางสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับบุคลากร นายสุทินกล่าวว่า ค่าจ้างตามที่ได้สำรวจมาทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายอยู่แล้วบางครั้งอาจสูงกว่าด้วย

โว 2 ไตรมาสโรงงานโต 2 แสน ล.

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีรายงานข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ปี 2566 ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ (นอกนิคมฯ) 2,598 โรง มูลค่าลงทุน 356,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบปี 2565 และมีการจ้างงาน 106,631 คน โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 มีมูลค่า 255,586.74 ล้านบาท เฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของ ปีงบฯ 2567 ลงทุนไปกว่า 70,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ออกมาตรการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจการกลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board : PCB) ทั้งในอุตสากรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องจักรระบบอัตโนมัติและดิจิทัล ที่ไทยเป็นฐานการผลิตอันดับ 1 ในอาเซียน คาดว่าจะดึงดูดการลงทุน PCB รายใหญ่ของโลกเข้าลงทุนอีก 10 ราย เชื่อว่าในส่วนแรกไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรือโรงงานละกว่า 1 หมื่นล้านบาท

“จุลพันธ์” ปัดหมายตากู้ “ออมสิน”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนเรื่องโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือดิจิทัลวอลเล็ตขอให้รอความชัดเจนจากการประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธาน วันที่ 10 เม.ย. มั่นใจว่าจะมีแนวทางออกมาและไม่มีฝ่ายใดคัดค้านแน่ เพราะเป็นการดำเนินการภายในกรอบกฎหมาย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะกู้เงินจากธนาคารออมสิน นายจุลพันธ์ตอบว่า ไม่เป็นความจริง ไม่กู้เงินจากธนาคารออมสินแน่นอน ส่วนประเด็นแหล่งเงินจะส่งผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือจำเป็นต้องขยายกรอบเพดานหรือไม่นั้น เบื้องต้นกรอบหนี้สาธารณะเดิมอยู่ที่ 70% ต่อจีดีพี ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561

ฝันกาสิโนดึงเม็ดเงินลงทุนแสน ล.

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะเสนอผลการศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) หรือกาสิโน เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ส่วนจะมีความเห็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมติ ครม. ขณะนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เป็นเพียงผลการศึกษา หากจะดำเนินการจริงต้องศึกษาสถานที่เหมาะสม การสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์แห่งหนึ่งต้องใช้เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ไม่ใช่จุดที่จะมาเล่นการพนันเท่านั้น ยังเป็นแหล่งความบันเทิงหลากหลาย เช่น สถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก สร้างดิสนีย์แลนด์ หรือยูนิเวอร์แซลได้ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมหาศาล การตั้งกาสิโนในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่พูดกันมากว่า 30 ปีแล้ว ไม่สามารถทำได้ หากรัฐบาลชุดนี้สามารถดำเนินการได้ จะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจมหาศาล ทั้งทางตรงและทางอ้อม

สว.ตีตก “วิษณุ” ขึ้น ปธ.ศาล ปค.สูงสุด

อีกเรื่องที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปครองสูงสุด พิจารณาเสร็จแล้วคือนายวิษณุ วรัญญู อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด หลังที่ประชุมใช้วิธีลงคะแนนลับ นายพรเพชรประกาศผลการลงคะแนนว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนายวิษณุด้วยคะแนน 45 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 158 เสียง ไม่ออกเสียง 6 ถือว่าไม่ได้รับ ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงข้างมากจากที่ประชุมวุฒิสภา ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด

อัยการยื่นฟ้อง “ตะวัน-แฟรงค์”

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานความคืบหน้าคดีของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 116 ฐานบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ล่าสุดอัยการได้ยื่นฟ้อง น.ส.ทานตะวัน กับนายณัฐนนท์แล้ว หลังถูกฝากขังครบ 4 ผัด เป็นเวลา 48 วัน โดยศาลนัดหมายสอบคำให้การทั้งคู่ในวันที่ 2 เม.ย. ปัจจุบันตะวันยังอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ส่วนแฟรงค์อยู่ที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทั้งคู่ยังคงอดอาหารประท้วงตั้งแต่วันแรกที่ถูกคุมขัง คือวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่