“วิสุทธิ์” ถามหาความยุติธรรม เตรียมขอเวลาจากฝ่ายค้านให้วิปรัฐบาลเป็น 10 ชั่วโมง เพื่อแจงซักฟอก ลดเวลาฝั่งฝ่ายค้านเหลือ 18 ชั่วโมง แนะ ทำตามข้อบังคับประชุมสภา ไม่พาดพิงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น 

วันที่ 1 เมษายน 2567 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา กรณีจะต้องมีการทบทวนเวลาในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ใหม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า ไม่ใช่ฝ่ายค้านเบี้ยว เราได้รับข้อเสนอจากการประชุมร่วมกันครั้งแรก และนำกลับไปเสนอที่พรรคของตนเอง ซึ่งกรอบเวลาที่ฝ่ายค้านขอมาคือ 22 ชั่วโมง ฝั่งรัฐบาลรวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือ 6 ชั่วโมง ซึ่ง ครม. คาดว่าจะได้ไป 4 ชั่วโมง และประธาน 2 ชั่วโมง จะอยู่ในกรอบรวม 30 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ การอภิปราย 152 หรือการอภิปรายทั่วไป คือการกล่าวหารัฐบาล แต่เมื่อฝ่ายค้านกล่าวหา ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องตอบคำถามให้กระจ่างแจ้งทุกกระบวนความ ขณะเดียวกันหากให้เวลารัฐบาลน้อย เราต้องกลับไปดูการอภิปรายทั่วไปของฝั่งวุฒิสมาชิก (สว.) ซึ่งบางคนลุกขึ้นตอบได้เพียง 2 นาทีเท่านั้น ครั้งที่แล้วอภิปราย 1 วัน ได้ไป 3 ชั่วโมง เมื่อแบ่งกันไปกล่าวหาหลายรัฐมนตรี เขาก็ไม่มีโอกาสชี้แจง จะกลายเป็นความเสียหาย และสุดท้ายจะบอกว่ารัฐมนตรีตอบไม่เคลียร์ 

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความยุติธรรม อย่างน้อยรัฐบาลต้องขอเวลาเพิ่ม และเป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่ายค้านจะมาเจรจา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีธงในใจที่ต้องปรับเวลาเพื่อให้โอกาสรัฐบาลในการตอบคำถาม ซึ่งกรอบเวลาของรัฐบาลอย่างน้อยต้อง 10 ชั่วโมงขึ้นไป ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านต้องลดลงจาก 22 ชั่วโมง เหลือ 18 ชั่วโมง ก็ยังถือว่ามากกว่ากันเท่าตัว

...

ฉะนั้น การอภิปรายเพื่อให้รัฐบาลตอบคำถามให้ประชาชนหายข้องใจ โดยการแบ่งเวลาให้รัฐบาลสัก 4 ชั่วโมง ก็ทำไม่ได้ และหักเวลาประท้วง ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ทำให้รัฐบาลไม่สามารถตอบทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านถามได้ และตนยังไม่ได้คุยกับฝั่งรัฐบาล แต่เท่าที่ฟังดู ความยุติธรรมต้องเกิด ย้ำว่าเมื่อมีการกล่าวหา ต้องให้มีการชี้แจง จึงต้องดูเรื่องเวลาให้เกิดความยุติธรรมกันก่อน

“เราให้โอกาสฝ่ายค้านเจรจาในวันพรุ่งนี้ (2 เมษายน 2567) หากไม่มี ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝั่งรัฐบาลด้วย ไม่ใช่เอาใจแต่ฝ่ายค้านเพียงอย่างเดียว ส่วนการอภิปรายครั้งนี้ ควรให้เวลาที่เป็นไปได้เพื่อให้รัฐบาลได้แถลงผลงาน ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลพร้อมตอบทุกกระทรวง ไม่น่ามีปัญหาอะไร” 

ผู้สื่อข่าวถามต่อ หากมีการเจรจาเรื่องกรอบเวลากับพรรคฝ่ายค้าน แล้วไม่ได้กรอบเวลา 10 ชั่วโมงอย่างที่ต้องการจะทำอย่างไร นายวิสุทธิ์ ระบุว่า “เราเป็นเสียงส่วนมากและให้โอกาสคุณ และประชาชนที่ดูทีวีพิจารณาว่าพรรคฝ่ายค้านต้องการกรอบเวลา 22 ชั่วโมง แต่ให้รัฐบาลตอบคำถามเพียง 6 ชั่วโมง มันยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งต้องให้โอกาสรัฐบาลชี้แจงในข้อเท็จจริง จะไปกลัวทำไมในการชี้แจงของรัฐบาล และในวันที่ฝ่ายค้านไม่รักษาสัญญา ผมไม่เก็บมาเป็นประเด็น ก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้โอกาสและให้อภัย” 

ขณะเดียวกัน นายวิสุทธิ์ ถามผู้สื่อข่าวว่า เมื่อฟังดู 22 ชั่วโมงกับ 6 ชั่วโมง ยุติธรรมหรือไม่ โดยอ้างว่าผู้สื่อข่าวได้ส่ายหน้า ทำให้ นายวิสุทธิ์ พูดขึ้นมาว่า นักข่าวยังส่ายหน้าว่าไม่ยุติธรรม จึงขอเวลาสัก 10 ชั่วโมง เพื่อให้รัฐบาลชี้แจงได้ และคงไม่ลดลงจากนี้ เมื่อถามอีกว่า จะมีการหักกันในห้องประชุมพรุ่งนี้หรือไม่ ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลที่จะประชุมร่วมกันเพื่อแบ่งเวลา นายวิสุทธิ์ ตอบว่า เรามีการหารือกับ สส.ฝั่งรัฐบาลหลายพรรค ไม่ใช่ประธานวิปรัฐบาลตัดสินใจเอง วิปก็มาจากทุกพรรคการเมือง และรัฐบาลต้องการเช่นนี้ จึงต้องขอยืนยันในประเด็นดังกล่าว

ในส่วนของการอภิปรายพาดพิงคนนอกสภา จะมีการกำชับอะไรเพิ่มหรือไม่ เนื่องจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุชัดเจนว่า หากมีการพาดพิง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดาของตน จะฟ้องดำเนินคดี นายวิสุทธิ์ ระบุว่า มองข้อบังคับการประชุมสภาเป็นหลัก ที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย การกล่าวหาบุคคลนอกโดยไม่จำเป็น เป็นหน้าที่ของประธานสภาที่จะทำหน้าที่ตักเตือน หากไม่เชื่อฟัง ยังกล่าวถึงบุคคลภายนอก ไม่เพียงแต่ นายทักษิณ รวมถึงบุคคลอื่นที่เขาไม่มีโอกาสมาชี้แจงในสภา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขาจะใช้สิทธิตามกฎหมาย ที่ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี ย้ำว่าเป็นไปตามข้อบังคับ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่า จะตั้งทีมองครักษ์หรือไม่นั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องตั้งทีม เนื่องจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาล มีหนุ่ม-สาวที่ดูข้อบังคับเป็น เข้าใจ และทำหน้าที่ได้ จึงขอให้อยู่ในข้อบังคับการประชุมสภา และการประชุมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนประเด็นจะซ้ำกับ สว.หรือไม่นั้น อยู่ที่ประธานสภาจะเป็นผู้ทักท้วง.