“สุทิน” รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมการคัดเลือกทหารกองเกินวันแรก พอใจภาพรวม เผย ปีนี้มีชายไทยสมัครใจ 30-40% ยัน เป็นทหารเกณฑ์แล้วมีโอกาสตกงานน้อยมาก ชี้ ปมฝึกโหด-ทำร้ายในค่าย มีไม่เยอะ แต่ขยันเป็นข่าว
วันที่ 1 เมษายน 2567 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกิน รับราชการทหารประจำปี 2567 ที่วัดสามัคคีธรรม เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีชายไทยที่มีคุณสมบัติมารับการคัดเลือก และสมัครเป็นทหารกองเกินเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ปกครองและครอบครัวก็มายืนส่งบุตรหลานให้กำลังใจ
นายสุทิน กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมว่า ภาพรวมการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินวันแรกเรียบร้อยดี คนมาจำนวนมาก จากการไปตรวจเยี่ยมมา 2 จุด ยังไม่พบปัญหาอะไร ส่วนคนสมัครใจมาเข้ารับการคัดเลือกก็เริ่มทยอยมา ปีนี้ตัวเลขของผู้สมัครอยู่ที่ร้อยละ 30-40 ถือว่าน่าพอใจกับการรณรงค์ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา บวกกับมีกระแสข่าวดราม่าเกี่ยวกับทหาร โดยการเอาภาพเชิงลบมาออก โดยคาดว่าปีต่อไปหลังจากนี้ตัวเลขก็จะเข้าเป้าตรงตามที่กองทัพวางไว้
...
ส่วนคำถามยอดฮิตที่เจอประจำ และจะต้องเจอในช่วง 10 กว่าวันที่มีการคัดเลือกทหารกองเกินว่า เป็นทหารแล้วได้อะไร นายสุทิน ย้ำว่า เป็นทหารแล้วจะมีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ส่วนจะได้ตอนไหนขึ้นอยู่กับกรมบัญชีกลาง หากทำงบประมาณแล้วเสร็จก็ได้เร็ว เมื่อเข้าไปแล้วจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ หากเรียนอยู่แล้วมาเป็นทหารก็จะได้เรียนต่อ สามารถเรียนได้ถึงปริญญาเอก ไม่เสียโอกาสที่จะได้รับราชการ สิ่งสำคัญคือ เป็นทหารเกณฑ์หลังจากฝึกไปแล้วก็จะมีอาชีพ สามารถเข้าทำงานได้เลยในบริษัทใหญ่ที่ลงนาม MOU กับกองทัพ จึงขอให้มั่นใจว่ามาเป็นทหารเกณฑ์แล้วมีโอกาสตกงานน้อยมาก
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องกำชับสำหรับแต่ละหน่วยที่ทำการตรวจคัดเลือกทหารกองเกิน คือ ต้องโปร่งใสและสุจริต เพราะการเกณฑ์ทหารทุกครั้งจะมีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง บางคนมีเส้นสายก็ไม่ได้เป็นทหาร ในขณะที่บางคนไม่มีเส้นก็ได้เป็น จึงได้กำชับเรื่องนี้ไปว่าอย่าให้มีกรณีแบบนี้ และที่กำชับก็คือเรื่องการฝึกโหด ข่าวทำร้ายเด็กในค่ายทหาร ซึ่งที่จริงมีไม่เยอะ แต่ขยันเป็นข่าว แต่เดี๋ยวนี้น้อยลงแล้ว เพราะไม่ได้เปิดสายด่วนให้แจ้ง หากมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นให้บอกผู้บังคับบัญชาหรือตนได้
ขณะที่เรื่องการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นในวันที่ 3-4 เมษายน 2567 นายสุทิน ระบุว่า เตรียมความพร้อมไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องถูกหยิบยกมาอภิปรายแน่ แต่ตนเองสามารถตอบชี้แจงได้ทุกประเด็น จึงไม่มีอะไรน่าหนักใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ นายสุทิน ให้สัมภาษณ์ มีประชาชนที่มายืนฟังได้สอบถามว่า คนที่เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์แล้วมีโอกาสได้กลับมาทำงานในบริษัทเอกชนหรือไม่หลังจากที่ฝึกจบแล้ว เพราะหลายคนก็เสียโอกาสเรื่องนี้ โดย นายสุทิน กล่าวย้ำว่า หลังจากที่เด็กเข้ามารายงานตัวแล้วก็จะสำรวจและเก็บข้อมูลว่าแต่ละคนทำงานอะไรบ้าง หรือเรียนหนังสือ ในส่วนของคนที่เรียนหนังสือก็ไม่มีปัญหา เพราะจะได้เรียนต่อ แต่คนที่ทำงานทางกองทัพก็จะคุยกับนายจ้างให้ งานบางงานอาจจะพักเพื่อรอให้กลับมาทำงานหลังจากฝึกเสร็จ แต่บางงานอาจจะพักไม่ได้ก็ต้องหาทางชดเชยให้ วันนี้ตนจะไปลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับซีพี (CP) เพื่อให้รับคนที่ฝึกทหารจบเข้าไปทำงานต่อ และหากบริษัทอื่นจะเข้าร่วมโครงการก็สามารถติดต่อมาที่กองทัพได้
จากนั้น นายสุทิน เดินตรวจการคัดเลือกทหารกองเกินโดยได้เข้าไปพูดคุยสอบถามกับหลายคน ทั้งคนที่ขอยกเว้นการคัดเลือกเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ รวมถึงชายไทยที่สมัครใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารกองเกิน โดยบางคนให้สัมภาษณ์ว่า สมัครใจที่จะมาคัดเลือกเกณฑ์ทหารเพราะอยากรับใช้ชาติ ไม่กลัวกับกระแสข่าวดราม่าฝึกโหด เพราะอยากลองเข้าไปใช้ชีวิตเป็นทหาร ฟังจากปากเล่าไม่เท่ากลับเข้าไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่ง รมว.กลาโหม กล่าวตอบว่า เป็นลูกผู้ชายต้องผ่านด่านการฝึกทรหดถือเป็นความคิดของลูกผู้ชายที่ต้องคิดแบบนี้ พร้อมให้กำลังใจ และขอให้มั่นใจว่าเข้าไปเป็นทหารแล้วจะได้สิทธิประโยชน์หลายอย่างทั้งเงินเดือนและมีอาชีพ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามความเห็นของกลุ่มคนที่ขอผ่อนผันซึ่งส่วนใหญ่ยังติดปัญหาเรื่องศึกษาอยู่ โดยเมื่อถามถึงนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารก็เห็นด้วย เพราะควรจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องเป็นทหารควรให้เป็นความสมัครใจ อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าหากเข้าไปเป็นทหารแล้วจะมีการฝึกโหด หรือทำร้ายร่างกายเหมือนอย่างที่มีข่าวหรือไม่ ปีนี้จึงมาขอผ่อนผัน หากเรียนจบค่อยมาลุ้นกันอีกที.
(ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย)