“เศรษฐา” ลุยเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดึงดูดเงินลงทุนขนาดใหญ่ หวังดึงเศรษฐกิจสีเทาขึ้นบนดิน ขอทวงคืนโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย เฉ่งลอยๆไม่ยอมลดดอกเบี้ยเซ็งวลี “คนรวย” ทำเงินหมื่นดีเลย์ ฉะพวกนั่งบนหอคอยลงมาเปื้อนโคลนบ้าง “จุลพันธ์” จ่อชงรายงานกมธ.เข้า ครม.ใน 2 สัปดาห์ ยกตัวอย่างสิงคโปร์ทำสำเร็จรวยอู้ฟู่ แจงหลักเกณฑ์แจกเงินหมื่นยังไม่เปลี่ยน แบะท่าปรับกรอบวงเงินงบฯปี 68 ขาดดุล 7 แสน ล. ไม่จำกัดต้องใช้ผ่านแอป “เป๋าตัง” “อนุทิน” ให้เสียงสภาฯตัดสิน ปธ.ป.ป.ช.ไม่ขัดแต่ต้องควบคุมได้ เอาเงินมาพัฒนาประเทศ “โรม” ปูดเซ็นโปรเจกต์ใช้อู่ตะเภา ห่วงทุนสีเทาสวาปามกาสิโน ก.ก.จัด 34 สส.ปากกล้าลับคมซักฟอก 152 วางตัวตึง “โรม-วาโย-ไหม-วิโรจน์” รอชำแหละ ป.ป.ช.ลุยสอบจริยธรรม 44 สส.ส้ม ศาลยกฟ้องพันธมิตรฯปิดดอนเมือง

รัฐบาลเดินเครื่องเต็มสูบ “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) เตรียมนำรายงานผลการศึกษาของ กมธ. เข้าขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีใน 2 สัปดาห์นี้

เรียกปลัดฯคลังหารือยกเว้นภาษี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้า โดยกล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆว่าเป็นการมารายงานนายกรัฐมนตรีในฐานะ รมว.คลังไม่ได้มีเรื่องโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะเกิดความชัดเจนในวันที่ 10 เม.ย.นี้แน่นอน ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่าเรียกปลัดกระทรวงการคลังมาตามงานกระทรวงการคลัง มีหลายประเด็นที่ประชาชนเป็นห่วง เช่น การยกเว้นภาษีสินค้ามูลค่าเพิ่มนำเข้า ที่มีการสั่งซื้อและนำเข้าจากต่างประเทศ

...

“เศรษฐา” ลั่นไม่ทอดทิ้งคนกีฬา

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน มี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์และกลั่นกรองการสนับสนุนสมาคมกีฬา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นายเศรษฐากล่าวว่า นโยบาย 1 รัฐวิสาหกิจ 1 กีฬา รัฐบาลพรรคไทยรักไทย เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ตนเป็นคนรักกีฬาชื่นชอบอยู่แล้ว พอมาเป็นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ สำหรับเรื่องงบประมาณที่สนับสนุนการกีฬา ทราบจากคนที่อยู่ในวงการว่าได้งบจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หรืองบประมาณแผ่นดิน น้อยลงทุกปี แต่ตราบใดที่ยังเป็นนายกฯจะไม่ให้วงการกีฬาต้องขาดงบ จะดูแลวงการกีฬาอย่างเต็มความสามารถ และไม่ใช่เงินอัดฉีดหรืองบประมาณอย่างเดียว เรื่องนโยบายก็ถือว่าสำคัญ

ลุย Entertainment Complex

จากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ โพสต์ลงเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบผลการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรว่า Enter tainment Complex คือการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เป็นการดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ในสถานบันเทิงครบวงจร กาสิโนเป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้น ที่ผ่านมาสิงคโปร์สามารถดึงดูดการลงทุนได้กว่า 3 แสนล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท และจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่ง จากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ดังนั้นถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่าน ประเทศไทยจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ มีคณะกรรมการกำหนดแนวทางการพัฒนา เราจะสามารถมีสนามกีฬานานาชาติแห่งใหม่ มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ Concert Hall หรือพื้นที่จัดแสดงสินค้าพื้นบ้าน พื้นที่ในการเล่นการพนันหรือ Gaming floor มีสัดส่วนเพียงแค่ 3-10% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น

ดึงเศรษฐกิจสีเทามาอยู่บนดิน

นายเศรษฐาระบุอีกว่าการที่สภาฯมีมติเห็นชอบผลการรายงานการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาบ่อนพนันยึดหลักความเป็นจริง เอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมากำกับดูแล และเก็บภาษีให้ถูกต้อง รัฐบาลไม่ได้ต้องการส่งเสริมการพนัน แต่ต้องการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล และนำรายได้จากการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่มาใช้พัฒนาประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ หลังจากนี้ ครม.ต้องศึกษาและนำเสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.ให้สภาพิจารณาต่อไป ที่ผ่านมาเราเสียเวลาและโอกาสมามากแล้ว รัฐบาลจะทวงคืนเวลาที่สูญเสียไปให้กลับมาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศและพี่น้องประชาชน

เฉ่งลอยๆไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ย

เวลา 13.30 น. ที่ห้องสุรวงศ์ บอลรูม 2-3 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะสุรวงศ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ” แก่ผู้เข้าร่วมหลักสูตรนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จัดโดย The NEXT Real ว่า วันนี้มาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ไม่ใช่ในฐานะนักอสังหาริมทรัพย์ สถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบัน ดอกเบี้ยแพงโคตรขนาดนี้ ควรจะลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ลด ตนว่ามันตลก ความจริงก็เห็นอยู่เงินเฟ้อลด 0.8 แต่วันนี้ก็ยังไม่ลดดอกเบี้ย เป็นคนอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะเรียกร้องให้มันหนักกว่านี้ก็ลำบากใจ เดี๋ยวจะหาว่าไปทำเพื่อตัวเองอีก แต่เรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดกำลังซื้อ วันนี้มีใครพูดถึงการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ไม่มีหรอก อย่ามีทิฐิดีกว่า บังเอิญ รมว.คลังไม่มีอำนาจตรงนี้เลยไม่สามารถทำได้

เซ็ง “คนรวย” ทำเงินหมื่นดีเลย์

นายเศรษฐากล่าวว่า เคยพลาดแล้วโดนทัวร์ลง อย่างเรื่องการครอบครองที่ดิน 1 ไร่ ที่ให้ชาวต่างชาติมาครอบครองได้ เขาบอกว่าทำให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่ได้ลำบากขึ้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถก้าวข้ามเรื่องขายชาติได้ อะไรก็ขายชาติ มันขายไม่ได้ เพราะชาติคือจิตวิญญาณของพวกเรา คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เรื่องที่ดินเอากลับไปไม่ได้ ขายไม่ได้ อีกเรื่องที่คนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องพูดคือดิจิทัลวอลเล็ต ประเทศไทย 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโต 1.8% คนมีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัยลำบากขึ้น เราเคยกระตุ้นเศรษฐกิจจากโควิด ใส่เงินในกระเป๋าทีละ 500 ทีละ 1 พันบาท หยอดน้ำข้าวต้มไปเรื่อยๆให้คนแบมือขอเงินไปเรื่อยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่การทำดิจิทัลวอลเล็ตยืนยันได้ว่าไม่มีการทุจริต ที่มันดีเลย์มานานขนาดนี้เพราะบอกไม่ให้คนรวย แต่ไม่ได้บอกว่าคือใคร คอยอยู่เดือนกว่าก็ไม่บอกมา ไม่มีใครกล้าบอก

ฉะพวกหอคอยลงมาเปื้อนโคลนบ้าง

นายกฯกล่าวต่อว่า ไปเมืองนอกมา 10 กว่าครั้งไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วเพื่อรองรับการลงทุน เป็นน้องใหม่ต้องไปแนะนำตัว คนที่ไม่ใช่แฟนคลับบอกไปตั้งหลายครั้ง อะไรก็ไม่เกิด ขอถามหน่อยว่า 7 เดือน มีใครตกลงได้ลงทุนเป็นแสนล้าน วันนี้ขี้เกียจไปตอบ ผู้ที่นั่งทางในอยู่บนหอคอยทั้งหลายลงมามือเปื้อนดินตีนเปื้อนโคลนบ้าง ประเทศไทยปิดมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตารางงานแน่นเอี้ยด วันหนึ่งไป 19 วงไม่สนุก ไม่เห็นเดือน เห็นตะวัน แต่ต้องไป เพื่อกระตุ้นการลงทุน บางทีรักใครชอบใครเยอะเกินไปเป็นเรื่องของแต่ละคน แต่เรื่องบางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการรักใครชอบใคร แต่เกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็น ไม่ได้หมายถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่อีกหลายเรื่องที่ต้องทำ เราจะทำต่อไป แต่ผลที่จะเกิดขึ้นคงต้องอีกพอสมควร คิดว่าประมาณ 18 เดือน ข่าวดีนึงหมดไปแล้ว 6 เดือนยังไม่ได้ใช้งบประมาณปี 2567 สักบาท บวกกับงบประมาณปี 2568 ฉะนั้น จะมีการลงทุนเยอะมากเป็นข่าวดี ข่าวดีอีกเรื่องคือมีนายกฯที่เข้าใจธุรกิจ และมีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ทุกภาคส่วน

คลังจ่อชงเข้า ครม.ใน 2 สัปดาห์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถาน บันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะเสนอรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร เข้าสู่ที่ประชุม ครม.วาระเพื่อทราบ หาก ครม.เห็นด้วยกับแนวทางการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร จะมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบเดินหน้าจัดทำกฎหมายต่อไป แต่ถ้ามีความเห็นเพิ่มเติมก็ต้องศึกษาปรับปรุงให้เกิดความรอบคอบ หากไม่มีข้อติดขัดอะไร คาดกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะเกิดขึ้นได้ภายใน 3 ปี หรือภายในรัฐบาลชุดนี้ หลักการของกฎหมาย ไม่รวมถึงการเปิดพนันออนไลน์ เพราะมองว่ายังควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะการเข้าถึงของเยาวชน ที่สำคัญไม่ใช่หมายถึงการเปิดกาสิโนอย่างเดียว แต่หมายถึงการลงทุนธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่หลายแสนล้านบาท อย่างมารินา เบย์ แซนส์ ของสิงคโปร์ ที่มีการลงทุนหลัก 2-3 แสนล้านบาท

ยกตัวอย่างสิงคโปร์สำเร็จอู้ฟู่

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในช่วง 15 ปีช่วยลดการพนันผิดกฎหมายจาก 2.4% เหลือ 0.2% ของจีดีพี สร้างรายได้เข้ารัฐสิงคโปร์กว่า 3 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี ยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่ได้จากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงเงินกองทุนดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการพนันอีก 5,000-6,000 ล้านบาท การทำเอ็นเตอร์ เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะกำหนดการลงทุนในแต่ละพื้นที่ได้ เช่น บางพื้นที่เหมาะสมกับการทำสวนสนุกธีมปาร์ค บางพื้นที่เหมาะกับการจัดศูนย์ประชุม หรือบางพื้นที่เหมาะกับการจัดสนามแข่งกีฬา หรือแข่งรถเอฟ 1 แต่ยังไม่กำหนดว่าจะเป็นพื้นที่ใด หรือใครมาลงทุน แต่มีเงื่อนไขควรมีระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูงระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

หลักเกณฑ์แจกเงินหมื่นไม่เปลี่ยน

นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หรือดิจิทัลวอลเล็ตว่า เริ่มมีความชัดเจนมากแล้ว และจะชัดเจนมากขึ้นหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่มีนายกฯเป็นประธานในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เบื้องต้นหลักเกณฑ์ของผู้ได้รับสิทธิไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือน หรือเงินฝากน้อยกว่า 500,000 บาท แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะเริ่มนับว่ามีเงินในบัญชีเงินฝากตั้งแต่เดือนใด เนื่องจากต้องรอให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนแหล่งที่มาของการเงินจะมีข้อสรุปชัดเจนในวันที่ 10 เม.ย. หากจะมีการใช้เงินงบประมาณปี 2568 ก็ต้องปรับกรอบวงเงินงบประมาณใหม่ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 3.68 ล้านล้านบาท เป็นงบขาดดุล 7 แสนล้านบาท เรื่องนี้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งพิจารณารายละเอียด ส่วนเม็ดเงินจะมาจากไหน ขอให้ใจเย็นๆ เป็นเงินก้อนใหม่ และมีเซอร์ไพรส์แน่

ไม่จำกัดต้องใช้ผ่านแอป “เป๋าตัง”

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังเร่งพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์ร้านค้ารายย่อยที่จะเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เม็ดเงิน 10,000 บาท อยู่ในระบบร้านค้ารายเล็ก ไม่ให้ตกเป็นของร้านค้ารายใหญ่ ต้องใช้หลายกลไกมากำหนด นอกจากต้อง ใช้ครั้งแรกภายใน 6 เดือน และสามารถหมุนเวียนการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตจากประชาชนไปร้านค้ารายเล็ก และไปร้านใหญ่ จนถึงนำไปเบิกเงินสดได้ภายใน 3 ปี นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินเพื่อซื้อของ ต้องขยายการใช้ผ่านธนาคารพาณิชย์ด้วย นอกจากใช้จ่ายแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการใช้จ่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น เรื่องนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์รัฐบาล (ดีจีเอ) จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยระบบการลงทะเบียนร้านค้า และระบบการเงินใช้จ่าย ต้องแยกกันเพื่อความสะดวกและปลอดภัย

“อนุทิน” ชี้กาสิโนอยู่ที่สภาตัดสิน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลพยายามผลักดันให้เปิดสถานบันเทิงครบวงจร ตามข้อเสนอของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศว่า เราทำตามกฎหมาย ทำตามข้อพิจารณาของสภา เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยยังจับบ่อนการพนัน ขณะที่ในสภาฯพูดกันเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย นายอนุทินตอบว่า ปัจจุบันอะไรที่ผิดกฎหมายต้องปราบปราม บ่อน เมื่อผิดกฎหมายก็ต้องเข้าไปจับ ส่วนในอนาคตถ้าเปิดสถานบันเทิงครบวงจร แล้วมีอะไรอยู่ในนั้น ถ้าถูกกฎหมายไม่วุ่นวาย เราจัดการเฉพาะที่มันผิดกฎหมาย ส่วนมันจะเปิดได้หรือไม่ได้ ให้ขึ้นกับ สส.สภาพิจารณา สส.เป็นตัวแทนประชาชน เราต้องฟัง

ปธ.ป.ป.ช.ไม่ขัดดันกาสิโนถูก ก.ม.

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศว่า รัฐบาลต้องพิจารณาข้อดีข้อเสีย เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลในหลายประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านก็มีกาสิโนแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าระบบปัจจุบันจะสามารถควบคุมได้อย่างไร ให้คนที่ไม่มีความพร้อมเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว อะไรก็ตามที่ไม่ถูกกฎหมาย ก็มีคนพร้อมจะให้บริการทางด้านนั้นด้วยค่าตอบแทนที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นต้องทำให้ถูกต้อง สามารถควบคุมได้ รวมถึงทำให้เกิดภาษีที่จะสามารถนำมาใช้พัฒนาประเทศ ในฐานะที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ยุติธรรมมองว่า ทำอะไรก็ได้ที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าพิจารณาคิดว่ามีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐว่าจะครอบคลุมดูแลได้มากเท่าไหร่ ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิด 100 เปอร์เซ็นต์

เอาเงินมาพัฒนา-ตร.ไม่รับส่วย

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวต่อว่า ส่วนที่ถูกมองว่าจะเป็นการฟอกเงินหรือไม่ เนื่องจากมีการกำหนดให้คนที่พร้อมเท่านั้นสามารถใช้บริการได้ ต้องไปดูประเทศที่เจริญแล้ว ทำไมถึงมีกาสิโนและสามารถทุ่มทุนในการลงทุนได้ ทุกเรื่องมีคนได้ผลประโยชน์และเสียประโยชน์ ต้องทำให้โปร่งใส สามารถอธิบายกับประชาชนได้ รวมถึงลดปัญหาตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะได้ทำหน้าที่ที่ถูกต้อง เงินภาษีจากการเปิดกาสิโนก็นำไปพัฒนาตำรวจ ไปสนับสนุนให้พร้อมในการทำงาน ให้เขาทำหน้าที่ได้ ไม่ต้องไปพึ่งพาอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะได้ไม่อ้างว่าใช้เงินผิดกฎหมายมาทำงานราชการ

ก.ก.ปูดเซ็นโปรเจกต์ใช้อู่ตะเภา

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน นำคณะ สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อาทิ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมแถลงชี้แจง เหตุการณ์ขอนับองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนรับทราบรายงานผลศึกษาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายรังสิมันต์กล่าวว่า คิดหรือว่าการตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ แก้บ่อนตามหัวเมือง สิ่งที่ค่อนข้างกังวลคือทราบข่าวมาว่า มีการเซ็นสัญญาใช้พื้นที่อู่ตะเภาไปแล้ว สุดท้ายจะนำไปสู่การผูกขาด มีบางบริษัทที่ได้โปรเจกต์ไปโดยไม่มีความโปร่งใส และฝ่ายค้านนั่งอยู่ใน กมธ.ฯ ระยะเวลาการประชุม เรื่องข้อตกลงการกำหนดวันประชุมสมัยสามัญ และวิสามัญ ไม่เป็นไปตามที่ตกลง หลังอภิปรายเสร็จจึงมีข้อเสนอจากพรรค ก.ก.ให้ถอนรายงานไปทบทวน ฝ่ายรัฐบาลยืนยันไม่ถอนร่าง พรรค ก.ก.จึงยืนยันไม่แสดงตน และไม่ร่วมโหวตกับร่างรายงานฯฉบับนี้

กังวลทุนสีเทาสวาปามกาสิโน

“บอกว่าจะศึกษาแก้การพนันที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีเลย และบอกจะทำด้านธุรกิจ ตอบมาเรื่องการฟอกเงินทำยังไง บัญชีม้าทำยังไง สิ่งเหล่านี้เราเป็นห่วง ยังไม่นับว่าสุดท้ายผู้ที่ลงทุนทำในส่วนที่เป็นกาสิโน จะเป็นทุนสีเทาหรือเปล่า นี่คือความกังวลที่ผมเป็นกังวลมาก” นายรังสิมันต์กล่าว

“ไหม”ห่วง รบ.เสี่ยงเล่นท่ายาก

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค ก.ก. กล่าวว่า รู้สึกว่ารัฐบาลน่าจะมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้กลับมาสนใจโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้ง แต่ยิ่งแถลงยิ่งเห็นความไม่พร้อม หลายเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เช่น แหล่งที่มาของเงิน ระบบที่จะใช้ กลไกป้องกันต่างๆ คำตอบเรื่องคำแนะนำจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.และคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ยังไม่ชัดเจน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นน้อย แม้ไม่ได้ออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้อีกต่อไปแล้ว แต่จะหางบฯจากแหล่งอื่นโดยปราศจากความเสี่ยงก็มีน้อยมากเหลือเกิน ต้องติดตามว่าวันที่ 10 เม.ย. รัฐบาลจะประกาศแหล่งที่มาของเงิน จะสร้างความประหลาดใจให้กับสาธารณชนได้มากแค่ไหน คิดว่าคงต้องเล่นท่ายากมาก ถ้าจะหาเงิน 5 แสนล้านบาทมาได้ในคราวเดียวโดยไม่กู้ และจะทำได้ภายในปีนี้จริงหรือ เพราะคณะทำงานเองยังใช้คำว่า คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนท่าทีของผู้ว่าการ ธปท.ถ้าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลการตอบอะไรไปคงมีแต่คำตอบที่ผิด อาจต้องพูดโกหก ดังนั้นไม่พูดเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ไม่กลัวคำขู่ รบ.ตัดเวลาฝ่ายค้าน

อีกเรื่อง นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลขู่จะตัดเวลาของพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า เข้าใจเมื่อวานอารมณ์ขุ่นมัว ขุ่นเคือง ไม่รู้จะโกรธอะไรหนักหนา ทุกคนมีวุฒิภาวะมากพอ เมื่ออารมณ์เย็นลงก็คงไม่เอามาแก้แค้นกัน และใช้เวทีการตรวจสอบของฝ่ายค้านเอามาเป็นประเด็นในเรื่องนี้ อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ฝั่งรัฐบาลขอเวลาอภิปรายครึ่งหนึ่ง กระทั่งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช.ยังไม่ทำเลย หวังว่าประธานสภาฯจะไม่บ้าจี้ไปเล่นด้วย ส่วนถ้ารัฐบาลทำจริงเราคงทำอะไรไม่ได้ ขอฝากไปถึง ครม.ว่า จะหนีกันง่ายๆแบบนี้ใช่หรือไม่

จัด 34 สส.ปากกล้าลับคมซักฟอก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคก้าวไกลว่า สส.ของพรรคเตรียมซักซ้อมความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีสส.แจ้งความประสงค์ขออภิปรายแล้วรวม 34 คน พรรคได้เวลาพูดรวม 17 ชั่วโมง มีนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน รับหน้าที่หัวหน้าทีมในการติวเข้มและวางกรอบ-ภาพรวม และประเด็นที่จะอภิปรายในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆที่จะเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

วางตัวตึง “โรม–วาโย–ไหม–วิโรจน์”

นอกจากนี้ยังมีการจัดหมวดหมู่การอภิปราย ตามกลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลออกเป็นซีรีส์คือ การเมือง เศรษฐกิจ การสาธารณสุข การทหาร การศึกษา และปัญหาสังคม ให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้กล่าวเปิดอภิปราย ส่วน น.ส.ศิริกัญญาจะอภิปรายเรื่องความล้มเหลวการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ เลขาฯพรรค ก.ก. จะอภิปรายปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติ ส่วนซีรีส์ที่น่าจับตามากที่สุดจะเป็นเรื่องการทหาร ที่วางตัวผู้อภิปรายไว้ 3 คน คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา และนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. เน้นที่นโยบายและการพัฒนากองทัพ ภายใต้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และจัดให้นายรังสิมันต์ โรม และนายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้อภิปรายที่จัดเป็นไฮไลต์ แต่ยังอุบเรื่องและประเด็นที่จะอภิปรายเอาไว้ก่อน ทางพรรคยืนยันว่าเปิดมาแล้วรับรองว่าดุเดือดแน่นอน สำหรับเป้าหมายของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายครั้งนี้ มุ่งเป้าไปที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นพิเศษมากกว่ารัฐมนตรีคนอื่น ส่วนกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แกนนำของพรรคก้าวไกลย้ำว่าให้ “รอดู”

พท.ชงถามศาล รธน.ปมแก้ รธน.

ช่วงบ่ายที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายพรเพชร วิชิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาญัตติ เรื่องขอเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 (2) ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะเป็นผู้เสนอ นายชูศักดิ์กล่าวเสนอญัตติว่า ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภา และขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่ารัฐสภาจะบรรจุวาระแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลประชามติได้หรือไม่ หากรัฐสภาสามารถบรรจุร่างได้แล้ว การจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จะสามารถกระทำในขั้นตอนที่รัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระสาม โดยสอบถามไปพร้อมกับกรณีมาตรา 256 (8) ได้หรือไม่ หากไม่ได้ต้องสอบถามในขั้นตอนใด

ก.ก.จี้ ปธ.รัฐสภากล้าๆสง่างาม

จากนั้น สส.และ สว.สลับกันขึ้นอภิปราย โดยสส.พรรค ก.ก.ส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว อาทิ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า หนักใจทุกครั้งที่รัฐสภาส่งเรื่องการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปยังศาลรัฐธรรมนูญคือ การยื่นดาบให้แก่ตุลาการ 9 คน ที่ถูกแต่งตั้งโดยกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่ไม่อยากจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. กล่าวเป็นกังวลว่า ประธานรัฐสภาต้องกล้าหาญกว่านี้ ประธานฯไม่กล้า ไปเชื่อฝ่ายสำนักเลขาธิการสภาฯ ความสง่างามของประธานรัฐสภาไปไหน กลัวอะไรหนักหนา หากเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจในอำนาจนิติบัญญัติ สามารถยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปและพิจารณาไปเลย อำนาจมักทำให้คนเสียคน แต่ถ้าอำนาจเด็ดขาดอยู่กับมือของใคร มักทำให้คนนั้นเสียคนอย่างเด็ดขาด

ใช้อำนาจตีความแบบไร้ขีดจำกัด

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า เห็นว่ารัฐสภายังสามารถหาข้อยุติได้ด้วยกลไกของรัฐสภา เราตีความอำนาจตัวเองได้ไม่ต้องขออนุญาตใคร ไม่มีเหตุจำเป็นต้องไปถามหรือขออนุญาตศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่เรามีอำนาจอยู่แล้ว เป็นการเปิดช่องให้ศาลฯวินิจฉัยขยายอำนาจตัวเอง หรือบางครั้งก็ตีความรัฐธรรมนูญเกินบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันเราปฏิบัติต่อศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะที่กำลังทำให้กลายเป็นผู้ผูกขาดตีความรัฐธรรมนูญแต่เพียงผู้เดียวไปแล้ว ศาลฯกำลังกลายเป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง วินิจฉัยอย่างไรก็ได้โดยอาศัยอำนาจมาอ้าง รวมถึงประธานรัฐสภาก็อ้างว่าคำวินิจฉัยศาลฯผูกพันทุกองค์กร บีบให้สถาบันทางการเมืองอื่นสยบยอมจำนนกันหมด หากพวกเรายังมีส่วนร่วมสร้างบรรทัดฐานแบบนี้ต่อไป ในอนาคตระบอบการเมืองที่ควรจะอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นระบอบการเมืองที่ปกครองด้วยคำวินิจฉัย เป็นระบอบอะไรก็ไม่รู้

“อดิศร” เตือนสติหลักการถ่วงดุล

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราเรียนรัฐธรรมนูญมา อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ แยกและถ่วงดุลกัน เขาอยู่ฝ่ายตุลาการ ส่วนเราอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เราคิดของเราเองได้ จะทำอะไรกลัวองค์กรอื่นแล้วจะมีรัฐสภา สว. สส.ไปทำพระแสงอะไร เสนอกฎหมายไม่ได้ เรามาสงสัยอำนาจของเราเองว่า สส. สว. รัฐสภาบวกกันทั้งหมด 750 ไม่มีปัญญาตีความอำนาจตัวเอง ต้องไปพึ่งใบบุญของ 9 คน เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่าประเทศเราในปี 2567 เดินทางมาสู่จุดนี้ ย้อนหลังไปปี 2518 เราต้องตั้งสติให้ดี เราต้องเห็นร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ไข ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ ลูกหลานจะมาถอนหงอกเรา แต่วิธีการแก้ไขมันริบหรี่ เหมือนเข้าอุโมงค์ที่ยากเหลือเกิน จึงสนับสนุน นายชูศักดิ์ ศิรินิล และคณะ เพราะหากคน 9 คนไม่เห็นด้วย ก็เดินต่อไปไม่ได้ต่อมาหลังจากอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบญัตติดังกล่าวด้วยคะแนน 233 ต่อ 103 เสียง งดออกเสียง 170 ถือว่าที่ประชุมมีมติให้รัฐสภาส่งญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

“อุ๊งอิ๊งค์-ชลน่าน” ลุยรักษาทุกที่เฟส 2

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า หลังจาก สธ.เปิดนำร่องระยะที่ 1 โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 4 จังหวัด ที่ จ.ร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาสไปแล้ว ในวันที่ 30 มี.ค. เดินหน้าโครงการระยะที่ 2 อีก 8 จังหวัด ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ นครราชสีมา สิงห์บุรี หนองบัวลำภู สระแก้ว อำนาจเจริญ และพังงา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันไปตรวจความพร้อมการให้บริการของ รพ.มหาราชนครราชสีมา และ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมอบนโยบายแก่อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ส่วนโครงการระยะที่ 3 จะเปิดในวันที่ 1 พ.ค. สิ้นปีนี้คนไทยเข้าถึง 30 บาทรักษาทุกที่ได้ทั้งประเทศแน่นอน

ป.ป.ช.ลุยสอบจริยธรรม 44 สส.ส้ม

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบจริยธรรม 44 สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 ว่า เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ มีหลายเรื่องที่ต้องตรวจสอบไปพร้อมกัน กรอบเวลาในการดำเนินการนั้นตามกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่เกิน 2ปี และสามารถขยายเวลาได้ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ ป.ป.ช.พยายามจริงจังกับกรอบเวลา คาดว่าผลที่ออกมาน่าจะใกล้เคียงกัน

“ศรีฯ” โผล่ฟ้อง ครม.ฮุบที่สวน ร.9

เวลา 10.00 น. ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นตัวแทนชาวพิษณุโลก ที่คัดค้านการก่อสร้าง ถนนผ่าสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา หรือสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 สามแยกเรือนแพ อ.เมืองพิษณุโลก ยื่นฟ้อง ครม.และ รมว.มหาดไทย ร่วมกันใช้อำนาจหรือดุลพินิจโดยมิชอบ ละเลยต่อหน้าที่ เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยนำที่ราชพัสดุ และที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่เป็นสระหนองตาเหี่ยน และสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 ไปอยู่ในโครงการจัดรูปที่ดินพัฒนาพื้นที่หนองตาเหี่ยน เพื่อวางแนวสร้างถนน โดยเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยด้วยว่ามาตรา 55 ประกอบมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินฯขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพื่อขอให้เพิกถอนมติของ ครม.ดังกล่าว และอย่าได้นำสวน ร.9 เข้ามายุ่งเกี่ยวกับโครงการจัดรูปที่ดินอีก

ศาลยกฟ้องม็อบปิดดอนเมือง

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี นาย สุริยันต์ ทองหนูเอียด นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ นายการุณ ใสงาม นายวีระ สมความคิด พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หรือจอย อดีตนักแสดงชื่อดัง ร่วมกับพวกรวม 67 คน เป็นจำเลย ฐานร่วมกันชุมนุมปลุกปั่นยุยงก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีชุมนุมปิดล้อมอาคารวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง ปิดกั้นสะพานกลับรถ ตรวจค้นตัวเจ้าหน้าที่บริษัทการบินไทยร่วมกันขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลและทรัพย์สิน ทำลายทรัพย์สินของบริษัท ของท่าอากาศยานไทยฯ เสียหาย 627,080 บาท เพื่อกดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯขณะนั้นลาออก จำเลยทั้งหมดมาศาลครบ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทุกข้อหา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่