“เศรษฐา” บอก ชื่นใจผ้าขาวม้าได้รับความนิยม ชี้ หากดีไซเนอร์เก่งๆ ช่วยกัน มั่นใจไปได้อีกไกล ด้านกลุ่ม LGBTQ ขอบคุณร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านสภา นายกฯ หวัง ให้ผ่านที่ประชุมวุฒิสภาด้วย ย้ำ ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าป๊อปอัปช็อป “Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน” ที่ชั้น M สยามพารากอน ซึ่งเป็นบูธขายสินค้าผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าไทย เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าครามจากกลุ่มแม่บ้านและชุมชนในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมี นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด พร้อมผู้บริหาร น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้อนรับ
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับความสนใจทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนายกรัฐมนตรี อุดหนุน อาทิ กระเป๋า หมวก และเสื้อ จากผ้าขาวม้า เป็นต้น พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยร่วมอุดหนุน ขณะเดียวกันมีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาขอถ่ายภาพร่วมกับนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ร้านนี้ถือว่าคัดเลือกมาแล้ว ออกแบบมีสไตล์ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี หากมีดีไซเนอร์มือดีก็จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าดียิ่งขึ้น และขายดีขึ้นไปอีก
...
ในเวลาต่อมา นายเศรษฐา ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ช่วงเย็นผมแวะมาเยี่ยมบูธ ABSOLUTE SIAM THAI SOUVENIR ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ในโครงการ Thainess Station สินค้าไทยร่วมใจเพื่อชุมชน ที่สยามพารากอนครับ คนเยอะมากๆ ครับ ผมเห็นหลายท่านสนใจผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้าทอมือ ซึ่งทางห้างไปอุดหนุนพี่น้องจากหลายจังหวัดแล้วนำมาพัฒนาต่อยอด เป็นหมวก กระเป๋า หมอน เสื้อ กางเกง ฯลฯ สวย ทันสมัย น่าใช้ บางท่านซื้อหลายชิ้น ผมเองก็ไม่พลาดครับ อุดหนุนไปหลายชิ้นเหมือนกัน ชื่นใจผ้าขาวม้าไทยได้รับความนิยม ในอนาคตถ้าเราได้ดีไซเนอร์เก่งๆ มาช่วยกันออกแบบ เราไปได้อีกไกลเลยครับ”
ทั้งนี้ ระหว่างที่เยี่ยมชมบูธ ได้มีกลุ่ม LGBTQ เดินเข้ามาขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร โดยนายกรัฐมนตรีสอบถามกลับว่าแต่งงานหรือยัง ซึ่งคนดังกล่าวตอบกลับทันทีว่า “ถ้ากฎหมายผ่าน พวกหนูแต่งเลยค่ะ”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์ที่สภาผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมว่า ดี และอยากจะให้ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาด้วย เพราะมีคนอยากจะแต่งงานกันเยอะไปหมด ตนมาเดินที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้เห็นรอยยิ้มของกลุ่ม LGBTQ เยอะไปหมด ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันอยู่แล้ว เป็นไปตามหลักการ ซึ่งรัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าเมื่อสักครู่ได้พูดคุยกับกลุ่มของ LGBTQ อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ถามเขาว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เนื่องจากมีหลายคู่ที่รอคอยการแต่งงาน เพราะเป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน อย่างตนหรือผู้สื่อข่าวที่เป็นผู้หญิง อยากจะแต่งงานพรุ่งนี้ก็สามารถแต่งได้ แต่ลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นกลุ่ม LGBTQ อยากจะแต่งงานแต่ก็ไม่สามารถที่จะแต่งได้ มันเป็นอะไรที่จำกัดสิทธิ์เขา แต่วันนี้ไม่ว่าจะเรียกว่า การให้สิทธิ์ หรือคืนสิทธิ์ แต่ก็ต้องให้เขา เป็นเรื่องที่เราสู้กันมาโดยตลอด.