ศาล ยกฟ้อง คดี “ทักษิณ” ฟ้อง “ชวน” ฐานหมิ่นประมาท เหตุ พูดจากประสบการณ์ ชม อดีตรองแม่ทัพ ภ.4 กล้าเบิกความ แนะ จับตา เหตุไฟใต้ ยุครัฐบาลเศรษฐา 7 วัน 40 ครั้ง มอง คงไม่ธรรมดา เผย ต้นเหตุ วิจารณ์ใช้นโยบายผิดพลาดแก้ไฟใต้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สาทร นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนายความ อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม นายราเมศ รัตนะเชวงโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความนายชวน รวมถึงสมาชิกพรรค ปชป. และคนในแวดวงการเมือง ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ เช่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม. และ นางผ่องศรี ธาราภูมิ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชป. ร่วมเดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ตามที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญาที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฟ้อง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และอดีตประธานสภา ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่ นายชวน หลีกภัย ได้บรรยายที่โรงเรียนการเมืองของพรรค ปชป. เมื่อปี พ.ศ. 2555 ที่ได้ระบุถึงการใช้นโยบายในการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ว่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาด
...
ทั้งนี้ หลังเข้าฟังคำพิพากษาราว 1 ชั่วโมง นายชวน และคณะได้เดินลงมาจากศาล โดย นายชวน ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้สืบพยานกันมา 7 วัน ก่อนหน้านี้ ศาลท่านได้นัดอ่านคำพิพากษาวันนี้ แต่ตนได้ขอแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนที่จะมีคำพิพากษาเพื่อสรุปข้อเท็จจริงที่ได้สืบพยานกันมา และในที่สุดศาลได้ยกฟ้องด้วยเหตุผลว่า คำวิพากษ์วิจารณ์โดยตน ในฐานะจำเลย ที่เป็นนักการเมือง และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่ประสบมา เนื่องจากในสำนวนได้มีการสืบพยานที่มาของคำพูด เช่น ฆ่าตัดตอน การฆ่าทิ้ง โดยมีอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 มาเบิกความให้ เพราะเป็นคนเดียวที่ร่วมประชุมรับมอบนโยบาย เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 สมัยที่ นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี อันเกิดจากเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 7 เมษายน และวันที่ 8 เมษายน โดยมีการพูดว่า คนร้าย มีไม่เกิน 7-8 คนที่เป็นหัวโจก จัดการเดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้ ทั้งนี้ ถือว่ารองแม่ทัพภาคที่ 4 ถือเป็นอีกบุคคลที่กล้าหาญมาเบิกความให้ และเป็นคนเดียวในวันดังกล่าวที่กล้าติงในทำนองที่ไม่เห็นด้วย โดยได้บันทึกถ้อยคำเอาไว้ ซึ่งหากเชื่อภาคใต้เราคงไม่นองเลือดแบบทุกวันนี้ แต่ผลจากวันนั้นเป็นที่มาของเหตุการณ์ในวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่มีการปล้นปืนค่ายปิเหล็ง กว่า 400 กระบอก ซึ่งเป็นเหตุร้ายจนนำมาสู่การมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงผู้พิพากษา รวมแล้วกว่า 7,500 คน ซึ่งเป็นผลจากความผิดพลาดของการใช้นโยบายนี้ ซึ่ง นายทักษิณ เองก็เคยยอมรับว่าผิดพลาด
“ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าผมในฐานะนักการเมืองและมีประสบการณ์ ในสำนวนปรากฏว่าผมได้ไปเห็นด้วยตัวเอง และเรื่องนี้ได้สืบพยานทั้งหมด ศาลเห็นว่าจากประสบการณ์จำเลย จึงมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้” นายชวน กล่าว เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไร เพราะคดีนี้ยาวนานมากแล้ว นายชวน กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความจริง คงไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจริงจากผู้ที่มีส่วนร่วมประชุมในวันนั้น และเป็นคนเดียวที่กล้าท้วงติง คือรองแม่ทัพภาค 4 ซึ่งตนขอให้จดจำบุคคลคนนี้เอาไว้ และท่านยังคงมีชีวิตอยู่ คือ พล.ท.เรวัตร รัตนผ่องใส”
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการรื้อคดีความก่อนที่จะหมดอายุนั้น นายชวน กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ขาดอายุความ เพราะคดีมีเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะโดนตำหนิได้ จึงต้องการให้สืบพยานให้จบ เพื่อคดีจะได้จบ และยุติโดยศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นนี้จะนำไปสู่ปัญหาไฟใต้โหมขึ้นอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความผิดพลาดของนโยบาย เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 นำมาซึ่งความสูญเสียมาก แต่รัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน จะไปไกลขนาดไหน ต้องรอดูว่าเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประมาณ 40 กว่าครั้ง ก็มองว่าคงไม่ธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เป็นคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1590/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิด สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2555 เวลากลางวัน จำเลย (นายชวน) ได้หมิ่นประมาท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างการบรรยายในงานเปิดงานโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า แม่น้ำริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร
โดยมีข้อความเป็นการใส่ความผู้เสียหายทำนองว่า “รูปแบบการปกครองทุกอย่างต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการปกครองของประเทศไทยให้โอกาสมาก บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เราต้องทำ คนไทยมีศักยภาพ แต่เรามีจุดอ่อนที่นักการเมืองโกง ซึ่งมาจากธุรกิจการเมืองและอุปสรรคของประชาธิปไตย คือ การยึดอำนาจระบอบประชาธิปไตย อำนาจประชาธิปไตยจะใช้ผ่านองค์กร สถาบันทั้งนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยมีการคานอำนาจซึ่งกันและกัน แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาจึงเกิดองค์กรอิสระขึ้นมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เมื่อระบบทักษิณเกิดขึ้นก็ใช้วิธีการนอกกฎหมาย สําหรับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้หมดภายใน 3 เดือนนั้น ทั้งที่ขณะนั้นไฟใต้มอดแล้วในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อ นายทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี กลับใช้คำว่า “โจรกระจอก” และมีการยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบตรงนี้ คือที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”