"นพรุจ" แกนนำกลุ่มพิราบขาว นำเอกสารมายื่นหนังสือถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง เหตุ บริหารงานล้มเหลว และสิ่งที่เคยสัญญาหาเสียง ไม่เป็นไปดังประชาชนหวัง ขู่ ชุมนุม จนกว่าจะลาออก 

วันที่ 26 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล 1111 นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวสารตั้งแต่การเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง จนมีมติเลือก นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 จนมาถึงปัจจุบันครบ 7 เดือนแล้ว ยังพบปัญหาระบบการเงินของประเทศฝืดเคือง ปัญหาปากท้องเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ความเป็นอยู่ของคนไทยระดับรากหญ้าแย่ลง สรุปว่าปัญหาของเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือแก้ไขไม่ตรงจุด ไม่ตรงประเด็น ซึ่งนายกฯ ยังขาดความรู้ ความสามารถ ในการบริหารประเทศ วิสัยทัศน์ โลกทัศน์ต่อองค์รวมของปัญหาประชาชนทุกชั้นฐานะไม่ทั่วถึง ด้านนโยบายที่โฆษณาไว้ก็ยังไม่พบช่องทางสำเร็จ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนนักศึกษาจบใหม่ เดือนละ 25,000 บาท รายได้เกษตรกร 30,000 ต่อไร่ และการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ประชาชนที่หวังว่าจะได้ ซึ่งตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่หวัง" เป็นคำตอบที่ประชาชนแสดงความหมดหวัง สิ้นหวัง ไม่เชื่อมั่น ต่อคำพูดที่นายกรัฐมนตรี ที่เคยกล่าวหาเสียงและแถลงต่อรัฐสภา รวมถึงมีการร้องเรียนพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่ผิดจริยธรรมต่อคณะ ป.ป.ช.ไว้หลายเรื่อง อาทิ เช่น โครงการเก็บเงินผู้สัญจรสะพานแสนสำราญ (ชื่อคล้องจองกับบริษัทแสนสิริตรงคำว่าแสน) การเลี่ยงภาษีปมที่ดิน การพาบุตรสาวซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ร่วมคณะขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำไป UNGA ครั้งที่ 78 รวมถึงเรื่องตั๋วผู้กำกับที่พูดในที่ประชุมพรรค ซึ่งมี สส.ร่วมฟังด้วย สลากกินแบ่งรัฐบาลที่เกินราคา เป็นต้น

...

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี และเกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนและการเดินหน้าพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ายั่งยืนตลอดไป เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน ขอให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยึดมั่นเอาประเทศไทยและประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยทันที เพื่อหานายกฯ คนใหม่มาแก้ไขปัญหาประเทศชาติ

ทั้งนี้ หลังจากยื่นเรื่องแล้ว หากยังไม่มีการดำเนินการลาออก ตนพร้อมยกระดับกลุ่มมวลชนชุมนุม จนกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน จะลาออก ยืนยันจะดำเนินการชุมนุมด้วยสันติวิธี ไม่ก่อความรุนแรง และอาจจะมีการพูดคุยกับกลุ่ม คปท.เพื่อดำเนินกิจกรรมร่วมกันต่อไป