สว.ประพันธ์ คูณมี ห่วง ส.ป.ก. 40 กว่าล้านไร่ ของเกษตรกร ซัด ธรรมนัส รมว.เกษตร ช่างกล้า ออกกฎหมายหมิ่นเหม่ ให้นายทุนฮุบ แก้ระเบียบฯ ยึดอำนาจ ให้ ส.ป.ก.จัดสรรที่ดินเกษตรเพียงผู้เดียว จนเกิดข้อพิพาท “เขาใหญ่”
วันที่ 25 มี.ค. 67 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีการพิจารณาการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 นั้น
นายประพันธุ์ คูณมี สว. อภิปรายว่า การเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดที่ดิน บิดเบือนไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน เหตุผลที่เป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะมีนายกฯ ที่เคยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมี รมว.เกษตรฯ ที่กล้าหาญชาญชัย ที่จะกล้าทำในเรื่องที่นึกไม่ถึง กล้าออกกฎระเบียบหลายข้อที่หมิ่นเหม่กฎหมาย 40 กว่าล้านไร่ กำลังถูกแปรรูปไปเป็นที่ดินของเอกชน หรือเป็นที่ดินส่วนบุคคล โดยเริ่มต้นจากที่นักการเมืองไปหาเสียงไว้
และเมื่อเดือน ต.ค.ปี 63 มีประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แก้ให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.นอกเหนือไปจากการทำเกษตร เช่น เป็นลานรับซื้อผลผลิตทางเกษตร แปรรูปผลิตผล ซึ่งกลุ่มทุนทำธุรกิจประเภทนี้สามารถปลูกกาแฟ พืช ผัก ผลไม้ เอาที่ดินไปทำปุ๋ยได้ก็แปลได้ว่าตอนไปนำที่ดิน ส.ป.ก.ไปทำโรงงานผลิตปุ๋ยได้ หนักกว่านั้นคือนำไปใช้กิจการปั๊มน้ำมัน โรงงานผลิตน้ำแข็ง เครื่องดื่ม เฮลธ์แคร์ โทรคมนาคม สถานีขนส่ง ที่อยู่อาศัย โรงงานน้ำตาล ผลิตผลไม้กระป๋อง โรงงานน้ำมันพืช โรงงานแปรรูปไม้ โรงฆ่าสัตว์ ถามว่าอาศัยอำนาจอะไร รัฐมนตรีมีอำนาจหรือไม่ เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายคือให้เกษตรกรนำพื้นที่ไปทำการเกษตร
นายประพันธุ์ กล่าวอีกว่า ก่อนออกประกาศ ฉบับเดือน ต.ค.ปี 63 ส.ป.ก.เคยมีข้อหารือไปยังกฤษฎีกาว่า ที่ดิน ส.ป.ก.เอาไปทำอย่างอื่นได้หรือไม่ เช่น ทำเป็นโรงขยะ กฤษฎีกาตอบมาสรุปแบบสั้นๆ ว่า ส.ป.ก.ยังมีอำนาจพิจารณาว่า จะเอาที่ดินไปใช้ในกิจการที่ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่ได้ให้เอาไปใช้กิจการอื่น ประกอบกับเรื่องนี้ศาลปกครองสูงสุดเคยตัดสินไว้แล้ว โดยสั่งเพิกถอนโครงการกิจการกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า เพราะใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ทำไม่ได้ แทนที่จะเอาคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ประกอบการพิจารณา แต่ ส.ป.ก.กลับออกประกาศสวน สุดท้ายหวังว่า ครม.ที่เห็นชอบจะแคล้วคลาดปลอดภัย ถ้ามีการฟ้องร้องอาจเห็นว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ถามว่า รัฐบาลนี้จะยกเลิกหรือดำเนินการต่อไป
...
“ปฏิรูปเพื่อเปิดทางให้กลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาครอบครอง เพราะเขารู้แล้วว่านำที่ดินไปทำโน่นนี่ได้ แต่เดิมกลุ่มทุนก็ใช้นอมินีเข้าไปถือที่ดินแทนตนอยู่ก่อนแล้ว เกษตรกรที่เคยได้รับจัดสรรที่ดินวันนี้ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นนอมินีของกลุ่มทุนทั้งนั้น เขารอเวลาให้ท่านเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่ดิน เรื่องปฏิรูปที่ดินไปๆ มาๆ เป็นเรื่องของสองพรรคการเมือง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคพลังประชารัฐ แข่งกันเอาสมบัติแผ่นดินไปหาเสียงกับประชาชน การที่เราไปเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ ไปเป็นการหาเสียง ถ้าจะทำโฉนดจริงต้องออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกความเป็นที่ดินของรัฐ และเชื่อว่ารัฐบาลจะเสนอกฎหมายแบบนี้เข้าสภา เมื่อถึงวันนั้นที่ดิน 40 กว่าล้านไร่ จะกลายเป็นทรัพย์สินของเอกชน เมื่อถึงวันที่จะประกาศเป็นโฉนดที่ดินเหล่านั้นก็อยู่ในมือของกลุ่มทุนหมดแล้ว เกษตรกรเป็นเพียงนอมินี และเกษตรกรตัวจริงก็จะไม่ได้รับการจัดสรร” นายประพันธุ์กล่าว
นายประพันธุ์ กล่าวอีกว่า เรื่องข้อพิพาทที่เขาใหญ่มาจากประกาศของรัฐมนตรีเกษตรฯ แก้ประกาศอีกฉบับหนึ่ง คือ ประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการคัดเลือกและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร ในการโอนหรือ ตกทอดมรดกฯ พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 64
ต่อมา วันที่ 1 ธ.ค. 2566 แก้อีกครั้งไม่มีคณะกรรมการจัดสรรทำหน้าที่ต่อไป และให้ ส.ป.ก.แต่เพียงผู้เดียวเป็นคนจัดสรรที่ดิน เมื่อเป็นแบบนี้จึงเกิดเหตุที่เขาใหญ่ เพราะเปิดอำนาจให้ที่ดิน ส.ป.ก.จังหวัดจัดให้ใครก็ได้ ไม่ต้องมีคณะกรรมการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกรรมการอีกต่อไปแล้ว ชาวบ้านบอกว่าคนที่เปิดประตูให้กับทุจริตชนมาจากระเบียบคำสั่งเหล่านี้ สรุปคนเหล่านี้ ส.ป.ก.เพิ่งไปจัดให้เขา ปรากฏว่าคนที่ได้ที่ดินทำงานอยู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ แล้วรัฐมนตรีก็ออกมาเอาจริงเอาจังจะลากคอคนทำผิด ตนอยากให้ลากคอคนแบบนี้ทั่วประเทศ อย่าละเว้น และช่วยแถลงผลงานให้ สว.และประชาชนทราบด้วยว่าปราบไปแล้วกี่ราย