“ร.อ.ธรรมนัส” ร่ายยาว ปมพื้นที่ทับซ้อน ส.ป.ก. ทางแก้ ต้องออก One map ยัน ไม่มีนโยบายมอบสิทธิ์ทีดินทำกินในแนวกันชนติดกับอุทยานและป่าไม้เด็ดขาด ขอลุยตรวจสอบนายทุนรุกที่จริงจัง ด้าน “สว.ประพันธ์” ซัด ที่ดินรัฐทำไม่ถูกมันร้อน
เมื่อเวลา 17.09 น. วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่อาคารวุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 153 นายธรรมนัส พหรมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจงสมาชิกวุฒิสภา ถึงปัญหาของชาวประมง ว่า หลายคนเป็นหนี้สิน ถูกดำเนินคดี โดยก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ตนเองได้ไปลงพื้นที่พบชาวประมงใน จ.สมุทรสาคร พบว่ามีปัญหา 3 ประเด็นคือมีการออกกฎหมายรองมากเกินไป กว่า 300 ฉบับ ทำให้ชาวประมงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และยังมีการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำผิดกฎหมาย จนทำให้กระทบกับราคาสินค้าของชาวประมง ตนเองจึงแก้กฎหมายรองไป 19 ฉบับ ภายในระยะเวลา 3 เดือน ทำให้ชาวประมงทำมาหากินคล่องขึ้น ส่วนการแก้ไขพระราชบัญญัติประมง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เสนอแก้ไขจำนวน 7-8 ฉบับ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหา
ขณะที่การแก้ปัญหาลักลอบนำสัตว์น้ำเข้าราชอาณาจักรแบบผิดกฎหมาย ที่ผ่านมามีการปราบปรามอย่างหนัก ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขราคาสัตว์น้ำ ให้อธิบดีกรมประมงเป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ พบว่ามีการนำเข้าสินค้าประมงมากเกินไป เช่น ปลาซูริมิ ที่มีการนำเข้าถึงจำนวน 50,000 หมื่นตัน แต่ประมงไทยจับได้ 40,000 ตัน ทำให้มีปลาสูงถึง 90,000 ตัน จึงแก้ไขด้วยการจะมีการเพิ่มเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้า เพื่อให้นำเข้าปลาซูริมิให้น้อยลง และจะเพิ่มราคาให้ชาวประมงไทยให้อยู่ในที่พอใจ จึงขอให้มั่นใจว่า ตนเองจะรับข้อเสนอของ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. เพื่อไปแก้ปัญหาให้ชาวประมง
...
ส่วนข้อเสนอนายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สว. เรื่องการอายัดยางก้อนถ้วย 600 ตัน ผ่านเข้ามาทางจังหวัดกาญจนบุรี นั้น ข้อเท็จจริง หลังมีการตรวจยึด พบว่ายางเหล่านี้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน และมีการแจ้งความดำเนินคดี และอายัดยาง 29 ตัน ไว้ที่ สภ.อ.ทองผาภูมิ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ติดตาม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของตำรวจ อัยการ และทราบมาว่า ทีมงาน นพ.พลเดช ลงพื้นที่ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และมีการพยายามติดต่อมายังตน แต่ตนไม่ให้ติดต่อ จึงขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดี เพราะรู้จักทีมงานของนายแพทย์นพเดชดี เพราะเคยเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ยอมให้ยางจากประเทศเพื่อนเข้าสู่ประเทศไทยเด็ดขาด และไม่ต้องการใส่ร้ายใคร แต่อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้มาใส่ร้ายชุดพญานาคราช เพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร.อ.ธรรมนัส ยังชี้แจงเรื่อง ที่ดิน ส.ป.ก. ว่า ที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน 2518 จนกลายเป็นกฎหมายสำคัญนั้น มีเจตนาทำลายความเหลื่อมล้ำทางสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ยากไร้มีที่ดินทำกิน แต่ไม่ได้ให้เป็นเอกสิทธิ์ แต่ให้มีสิทธิ์มาใช้พื้นที่ทำกิน แต่ความเจริญของบ้านเมืองไปรุกล้ำ จนพบว่ามีที่ดินหลายแปลงไม่สามารถไปทำการเกษตรได้ เช่น หมู่บ้านบางกลอย ยืนยันคำประกาศของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน ปี 63 และ ปี 64 เป็นคำประกาศเมื่อตนเองดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ไม่ใช่อยู่ในยุครัฐบาลชุดนี้ เพื่อต้องการแก้ไขในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง จึงเป็นที่มาให้ตนออกประกาศ
ขณะที่เรื่อง MOU ระหว่างกรมป่าไม้ และกรมปฏิรูปที่ดิน เมื่อปี 2541 ตอนที่ไม่มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตินั้น กรมป่าไม้ อยู่ในการดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ตอนนั้นไม่มีปัญหาเพราะอยู่กระทรวงเดียวกัน และข้อตกลงระบุไว้ชัดเจนว่าพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการเกษตรต้องเรียกคืน เพื่อคืนให้กับกรมป่าไม้ โดยคืนไปทั้งหมด 13.89 ล้านไร่แล้ว ยังคงเหลือพื้นที่ปฏิรูปที่ดินอีก 40.21 ล้านไร่
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นต้องคุยกันในระดับเจ้ากระทรวง ยืนยันว่ามีการหารือกับ พลตํารวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งอยู่พรรคเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นทางสังคม และตนก็เคยชี้แจง พรรคก้าวไกล ไปแล้วในการตั้งกระทู้ ถึงเรื่องที่ดินเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่าต้องมีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยากจัดก็จัด และพิสูจน์ไม่ยากว่าเป็นพื้นที่ของใคร แต่ยอมรับว่าเจ้ากรมแผนที่ทหารเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน แต่การสั่งการเป็นของ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนเองไม่มีหน้าที่ไปสั่งการ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนการแก้ไข ตนมองเห็นอยู่ทางเดียว คือ การใช้แผนที่ของของรัฐเพียงแผนที่เดียว
ทั้งนี้ยืนยันว่า ได้มีนโยบายว่าจะไม่มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินในแนวกันชนติดกับแนวอุทยานและป่าไม้เด็ดขาด ที่ดินที่ติดกับแนวอุทยานและป่าไม้ ขอให้เป็นที่แนวกันชน ให้ทำเป็นพื้นที่ป่าชุมชน ให้ชุมชนทำหน้าที่รักษาพื้นป่า ส่วนที่จัดไปแล้ว ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายให้ไปดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. 6 คน ที่ออกโฉนด ช่วงรอยต่อ ระหว่างรัฐบาลชุดที่แล้วและชุดนี้ ยืนยันว่าเรื่องไม่ได้เงียบแต่รอทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ส่งเรื่องกลับมา พร้อมระบุว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดินส.ป.ก. เป็นโฉนด จะช่วยเพิ่มมูลค่า เช่น ใช้สิทธิในการประกันผู้ต้องหาได้ ส่วนที่ดินที่อยู่กับกลุ่มทุน เป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการปฏิรูปที่จะต้องแก้ไข แต่ยืนยันว่าตนอยู่ในตำแหน่ง ไม่มีการจัดสรรให้กลุ่มทุนในภาคใต้ และอยากเตือนความจำว่า ตนเองในสมัยเป็น รมช.เกษตรฯ ยังได้ยึดที่ดินจากกลุ่มทุนในกระบี่หลายไร่ จัดสรรให้เกษตรกร รวมถึงที่ เชียงใหม่ และชุมพรด้วย เพราะมีเจตนาแน่วแน่ว่า ที่กลับมาอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน เพื่อเป็นการยืนยันว่า รัฐมนตรีที่ชื่อธรรมนัส ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีสีเทา ทำอะไรให้กับบ้านเมืองบ้าง
“เราอย่าเป็นสังคมเกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง กลุ่มทุน พอจะแตะหน่อยก็เป็นประเด็นทางสังคม พอตนเองตรวจสอบธุรกิจ ทั้งทางรุก ทางลับ กลาง 5 นิ้ว ไม่มีตรงไหนไม่มีนายทุน ผมท้อแต่ไม่ถอย เพราะผู้ใดก็ตามที่อาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐ โดยไปให้เงินเขา ทำอาณัติสินจ้างกับชาวบ้าน ผมจะเดินหน้าตรวจสอบที่ดิน 67 จังหวัด อย่างเอาจริงเอาจัง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ด้านนายประพันธ์ คูณมี สว. กล่าวพาดพิงว่า ยืนยันว่า ประกาศปฏิรูปที่ดินทั้ง 34 ฉบับ ถูกประกาศในสมัย ร.อ.ธรรมนัส ส่วน MOU ของกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. มีการกันพื้นที่ออกมา 13.6 ล้านไร่ แต่ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้กันให้เขา จึงเป็นปัญหามาจนถึงทุกวันนี้
“ถ้าท่านจะปฏิรูปที่ไหนต้องมีกฤษฎีกามากำหนดเขตออกมาอีกฉบับ แต่ที่เขาใหญ่ ไม่ได้ทำ จึงเป็นปัญหา และอย่าโยนให้รัฐบาลรักษาการ เพราะท่านเข้ามาทำงานแล้ว ส่วนเรื่องไม้มีค่า เป็นผลงานของท่านสุรศักดิ์ (พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส.) ส่วนเรื่องการจำนอง ส.ป.ก. ยืนยันว่า ใช้บังคับคดีไม่ได้ ไม่มีสถาบันการเงินไหนรับ แต่หากบังคับ ธ.ก.ส. ให้รับมากๆ อาจเจ๊งได้ เรื่องการประกันตัว ยืนยันว่าประกันตัวไม่ได้ อย่าหลอกเกษตรกร อย่าไปโทษรัฐบาลชุดก่อน เพราะท่านปูทางไว้หมดแล้ว จึงมาตามงาน พร้อมขอให้บอกว่านายทุนมีกี่รายที่ท่านไปยึดมาแล้ว เพราะทางข่าวเป็นการเจรจา ไม่ใช่ไปยึดคืน ที่ดินของรัฐ ทรัพย์สมบัติของรัฐ ถ้าทำไม่ถูกต้องมันร้อนนะครับ” นายประพันธ์ กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส จึงชี้แจงว่า ได้ไปยึดที่นายทุนที่ จ.กระบี่ 4 แปลง เนื้อที่ 6,249 ไร่ จ.ชุมพร 2 แปลง เนื้อที่ 7,321 ไร่ เชียงใหม่ 8 แปลง 6,651 ไร่ มีการจัดสรรให้เกษตรกรเรียบร้อยแล้ว ยืนยันมีการหารือกฤษฎีกา เพื่อให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ตั้งแต่ปี 2565 ส่วนการคืนที่ดินให้กรมป่าไม้ คืนไปแล้วตั้งแต่ 2538 และปี 2541 จำนวน 13.89 ล้านไร่ คงเหลือ อีก 3.8 ล้านไร่ ที่เราจะต้องแก้ปัญหาข้อพิพาทในข้อทับซ้อน