“ทวี” รมว.ยุติธรรม ยัน ยึดความถูกต้อง ลั่น “ทักษิณ” ไม่เคยสั่งให้ทำอะไรผิดกฎหมาย แจง รพ. ถือเป็นสถานที่คุมขังในกฎหมายราชทัณฑ์ จึงถือว่าถูกจำคุก 6 เดือนแล้ว
เมื่อเวลา 16.28 น. วันที่ 25 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบการอภิปรายในการประชุมวุฒิสภา ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 153 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ตนเองมีอุดมการณ์แน่วแน่ ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตนเลือกประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เลือกถูกกฎหมายมากกว่าบุญคุณ เลือกระบบคุณธรรมมากกว่าระบบอุปถัมภ์
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อไปว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เคยสั่งการหรือให้ทำสิ่งขัดต่อกฎหมายหรือคุณธรรม การที่กลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ยังเป็นรัฐบาลภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี นายวิษณุ เครืองาม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นชุดเดิม เมื่อตนเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ไม่ได้เปลี่ยนใครเลย จึงค่อนข้างสะท้อนใจที่ถูกกล่าวหาว่า ตนทำลายระบบราชการและกระบวนการยุติธรรม ตนไม่สามารถไปสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ว่าถ้า นายทักษิณ เข้ามาแล้วต้องไปโรงพยาบาลทันที หรือ นายเศรษฐา ทวีสิน จะไปสั่งการ นายวิษณุ ได้ ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นรัฐบาล
...
“ผมคิดว่าการทำลายระบบยุติธรรม ก็คือการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายระบบบริหารราชการแผ่นดิน จะถูกผิดอย่างไรไม่ทราบ ผมเป็นคนมีจุดยืนอยู่ตรงนั้น แม้แต่มีการปฏิวัติ บางครั้งคนเชิญให้ผมมาอยู่ในตำแหน่ง ผมยังตอบปฏิเสธ เพราะคิดว่าผมมีอุดมการณ์”
ทั้งนี้ ตนเองเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 หลังจากที่ นายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไปอยู่ใน รพ.ตำรวจ ขณะนั้นคิดเหมือนทุกคนว่าทำไมไม่ได้อยู่ในเรือนจำเลยสักคืน และต้องไปอยู่ รพ.ตำรวจ ซึ่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ เหตุที่ต้องแก้เพราะกฎหมายเดิมปี 2479 ใช้บังคับมา 80 ปี มีบทบัญญัติไม่สอดคล้องนโยบายอาญาประเทศ ไม่สอดคล้องหลักสากล เมื่อแก้กฎหมายแล้วคนของกรมราชทัณฑ์แทบไม่มีอำนาจ การกำหนดโทษเป็นเรื่องของศาล แต่การบริหารโทษเป็นเรื่องของกฎหมายราชทัณฑ์ แม้แต่ นายทักษิณ ก็ต้องมีหมายจำคุกจากศาลฎีกาก่อน ถึงจะเข้าไปได้
เมื่อตรวจสอบดูการไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของนายทักษิณ ว่ามีใครบกพร่องหรือไม่ พบว่าไปอยู่ รพ. โดยหลักการทางแพทย์ เนื่องจากอ้างว่าเป็นโรคที่มาจากต่างประเทศ ศักยภาพแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่พร้อม เป็นเหตุหนึ่งที่ไป รพ.ตำรวจ อีกทั้งในกฎหมายราชทัณฑ์นี้มีเจตนารมณ์ให้มีที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำคือ รพ. รวมถึง รพ.เอกชน กรณีที่รักษาไม่ได้ ถือว่าไม่ได้กลับไปอยู่บ้าน แต่ถูกคุมขังที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่สามารถออกจากห้องได้เพราะเรามีผู้คุม และอย่าคิดว่าใครจะมีอิทธิพลเหนือ เพราะผู้คุมเขาก็กลัวต้องโทษ ต้องไปนั่งเฝ้าและปฏิบัติตามระเบียบราชทัณฑ์หมด
“โดยสรุป อดีตท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านได้ถูกจำคุก ผมถือว่าจำคุก แต่ใช้สถานที่คุมขังอื่น ซึ่งไม่ใช่มีท่านคนเดียว ก็จะมีบุคคลอื่นๆ ถ้าตัวเลขเข้าออก รพ. ก็ 4-5 หมื่น ที่ตัวเลขส่งมา แต่ถ้าเป็นลักษณะเกิน 120 วัน ไม่ค่อยเยอะนัก ยังอาจจะตามที่ท่านสมชาย (แสวงการ) แถลง (อภิปราย) วันนี้เราอาจจะไม่สะใจ เพราะท่านไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่ท่านไปถูกคุมขังตามกฎหมาย กฎหมายนี้เกิดก่อนผมเข้ามา ผมไม่ได้ร่างเลย และระเบียบต่างๆ ก็เกิดมาก่อน
ผมบอกแล้วว่าบุญคุณกับการถูกกฎหมาย ผมยึดว่าการถูกกฎหมาย ท่านปลัดกระทรวง ท่านรองปลัดกระทรวง ก็ไม่ใช่เป็นคนที่ผมรู้จักมาก่อน พอครบ 120 วัน ก็จะต้องรายงานให้รัฐมนตรีทราบ ในกระบวนการรายงาน แม้แต่ครั้งแรกมีใบแพทย์ ด้วยความรับผิดชอบ ผมก็บอกให้ไปตรวจให้แท้จริง ให้ทำหนังสือกลับไป รพ. ให้สอบถามมา ก็มีการยืนยันว่าป่วยจริง และจำเป็นต้องอยู่ที่ รพ. ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย สรุปท่านก็ถือว่าถูกจำคุกอยู่ 6 เดือน”
เรื่องการพักโทษ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่มีอำนาจพักโทษ อยู่ที่คณะกรรมการพักโทษ เป็นเกณฑ์ที่เกิดมาก่อนตนรับตำแหน่ง พบว่ากรณี นายทักษิณ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข มีความเห็นว่า เข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุทั้งหมด ไม่มีความเห็นต่างในเรื่องการให้รักษาตัวภายนอก ผู้แทนตำรวจ อัยการ ก็คล้ายกัน และรองอธบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ชี้แจงว่า รพ. เป็นสถานที่ควบคุมเช่นกัน ก่อนจะย้ำว่า เกณฑ์พักโทษเป็นไปตามระบบ พักโทษตามปกติ ส่วนประเด็นที่ขอใบแพทย์นั้น เรื่องยังมาไม่ถึงตน อีกทั้ง พ.ร.บ.สุขภาพ ระบุว่าข้อมูลเป็นส่วนบุคคล เปิดเผยไม่ได้ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต จึงต้องถามเจ้าตัว และย้ำในตอนท้ายว่า การบริหารโทษ ต้องบริหารตามกฎหมายราชทัณฑ์ เขาทำตามกฎหมายกันหมด
ต่อมา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ขอใช้สิทธิ์ลุกขึ้นกล่าวว่า ระเบียบราชทัณฑ์มีทั้งรัฐบาลก่อนและรัฐบาลนี้ ข้อเท็จจริงที่เอามาอ้างไม่ได้เป็นตามนั้น ที่พยายามอธิบายว่าเป็นรัฐบาลก่อนจึงเป็นสิ่งที่ยังไม่ถูกต้อง เพราะต้องตอบให้ชัดเรื่องป่วย แต่ออกมาเดินปร๋อ นอนชั้น 14 แต่กล้องเสีย อย่าไปโทษรัฐบาลที่แล้ว เพราะเรื่องเกิดในรัฐบาลนี้ จึงต้องการความชัดเจน
จากนั้น สมชาย แสวงการ สว.ผู้อภิปรายเรื่อง นายทักษิณ อีกคน ขอใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ไม่อยากพาดพิงบุคคลภายนอก เพราะเรื่องนี้อยู่ที่ตอนบังคับใช้ เป็นความรับผิดชอบรัฐบาลปัจจุบัน พรุ่งนี้กรมราชทัณฑ์จะมาชี้แจงต่อกรรมาธิการของวุฒิสภา จึงฝากไปถึงเรื่องที่ยังไม่ได้รับจดหมาย ขอให้อนุญาต กมธ. ตรวจสอบชัดเจน พร้อมย้ำว่า วุฒิสภา และ กมธ. สามารถเรียกเก็บข้อมูลนักโทษได้ ซึ่งได้ตรวจสอบข้อกฎหมายชัดเจนแล้ว
ขณะที่ นายถวิล กล่าวเป็นคนต่อไปว่า เคยทำงานด้วยกันมา ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี ยังชวนไปทำงานด้วยตอนถูกย้าย ส่วนเรื่องที่ชี้แจงมา อยากให้ย้อนดูวิธีทำกับคำตอบ ต้องถูกต้องทั้ง 2 อย่าง แต่ทั้งหมดจะเข้ากระบวนการพิสูจน์ ถ้าเรื่องนี้ไปจบที่ศาลจะชัดเจน และดีใจที่เลือกคุณธรรม ขอให้ดำเนินการอย่างที่ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ทวี ได้ตอบอีกครั้งว่า ไม่อยากเอาสถิติอะไรมาพูด เพราะผลต้องดูเหตุ เรือนจำก็ต้องป้องกันให้ผู้ที่ต้องขังได้รับความปลอดภัย กฎหมายให้ รพ. จัดห้องพิเศษเพื่อเป็นที่คุมขัง อีกทั้งนายทักษิณ ก็ทำคุณประโยชน์ มีคนรักเยอะ จึงขอให้ดูเป็นกรณีไป ส่วนข้อมูลการรักษาถ้าเปิดเผยได้จะให้เปิดเผย ก่อนจบการชี้แจงในช่วงนี้เมื่อเวลา 17.09 น.