“จิรพงษ์” ขอฝ่ายตรงข้ามหยุดกลัว “ทักษิณ” เชื่อ อดีตนายกฯ มีคำแนะนำดีๆ ช่วยแก้ปัญหาปากท้องประชาชนได้ ด้าน “ชนก” มอง โครงการวัวแสนล้าน เป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ให้กับเกษตรกร เพิ่มจีดีพีประเทศมหาศาล
วันที่ 21 มีนาคม 2567 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการด้านแผนงานบูรณาการ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตอนที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังเดินทางกลับมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายว่าตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะนายทักษิณ เคยเป็นอดีตนายกฯ นโยบายต่างๆ มีคุณูปการต่อประเทศชาติในสมัยนั้นเป็นอันมาก มีผู้มีส่วนได้และส่วนเสียที่ต้องรับโทษ โดยเฉพาะพ่อค้ายาเสพติดที่ยังถูกจำขังอยู่เป็นอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง
นายจิรพงษ์ กล่าวต่อไป มาวันนี้ นายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยตามระเบียบของกฎหมายที่มีมาก่อนรัฐบาลชุดนี้ และพวกตนรู้สึกดีใจที่ นายทักษิณ ปลอดภัย และจะเป็นประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับคำแนะนำต่างๆ ทั้งในเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ แก้ไขความเดือดร้อนประชาชน และตนขอให้ผู้ที่กลัว นายทักษิณ ที่เคยมีผลงานมากมายจนได้เป็นรัฐบาลมาต่อเนื่องในยุคพรรคไทยรักไทย หยุดกลัวท่านอดีตนายกฯ ได้แล้ว เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และหันมาสนใจเรื่องปากท้องชาวบ้านบ้าง
...
ทางด้าน น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงโครงการวัวแสนล้าน ว่า วันนี้พวกตนรู้สึกดีใจที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้นำโครงการวัวแสนล้านเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติหลักการโครงการนำร่องจำนวน 100,000 ครัวเรือนผ่านกองทุนหมู่บ้าน สำหรับโครงการวัวแสนล้าน จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรกู้ยืมเงินครอบครัวละ 50,000 บาท ผ่านธนาคารของรัฐ จะทำให้เกษตรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มพลวัตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สโลแกน ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ยังคงเดินทางออกไปเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยเฉพาะการเจรจาการส่งออกวัวและผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูปกับประเทศซาอุดีอาระเบีย จีน มาเลเซีย เวียดนาม ถ้าโครงการนี้สำเร็จจะทำให้เกษตรกรไทยผู้เลี้ยงวัว 1 ครอบครัว จะมีเงินถึง 250,000 บาท ภายในระยะเวลา 4 ปี ถือว่าเป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ให้กับเกษตรกรไทย ถ้าโครงการนี้ขยายถึง 1 ล้านครอบครัว ก็จะเพิ่มจีดีพีให้ประเทศเป็นจำนวนมาก รายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวควบคู่ก็จะเพิ่มเป็น 3 เท่าภายใน 4 ปี ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งในอดีตรัฐบาล นายทักษิณ ได้จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้.