นายกฯ เศรษฐา เมินฝ่ายค้านวิจารณ์เดินทางไปแต่ต่างประเทศแต่ไม่มีผลงาน ชี้แค่วาทกรรมการเมือง เผยกลางเดือน มี.ค. แถลงผลงานต่างประเทศ เดี๋ยวรู้รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ยอมรับลงพื้นที่เชียงใหม่ หากมีโอกาสคงได้พบ “ทักษิณ” ยันไม่ห่วงศึกอภิปราย 

วันที่ 9 มี.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 8 มี.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค. ว่า จะไปติดตามเรื่องสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน โดยจะมีการหารือกับผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่และฝ่ายความมั่นคง รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด และไปติดตามโครงการพระราชดำริด้วย

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในครั้งนี้จะมีโอกาสได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าหากมีโอกาสก็จะได้พบกัน และได้เจอกับนายทักษิณครั้งหนึ่งแล้ว เจอครั้งที่สองคงไม่เป็นไร เพราะเป็นคนรู้จักกันอยู่แล้วหากสะดวกก็คงได้พบกัน แต่เบื้องต้นยังไม่ได้นัดหมายกับนายทักษิณ เพราะไม่ทราบว่านายทักษิณจะเดินทางไปที่ไหนเวลาไหน แต่คนที่รู้จักกัน คงแวะเข้าไปพูดคุยเป็นธรรมดา 

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนายทักษิณ เข้าไปอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ด้วย นายกฯ กล่าวว่า ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบข้อซักถามของฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเป็นไปตามกฎหมาย นายทักษิณก็ออกมาตามกฎหมายทุกอย่าง และเราก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายอะไรกับใครทั้งสิ้น ถ้าเกิดมีเรื่องข้องใจอันใดก็เป็นไปตามกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

...

นายกฯ กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่องและรัฐมนตรีทุกคนก็พร้อมที่จะชี้แจงเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลพยายามเร่งทำงานทุกอย่าง และกลางเดือน มี.ค. จะมีการแถลงว่าการที่รัฐบาลเดินทางมาต่างประเทศมีผลงานอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการลงทุนของแต่ละบริษัทไปถึงขั้นตอนใดแล้ว ประชาชนจะได้สบายใจ ขณะเดียวกันก็จะได้วางแผนการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย

ซึ่งการที่ฝ่ายการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯ เดินทางต่างประเทศแต่ไม่มีผลงาน ตนไม่ขอตอบ เพราะเป็นเพียงเป็นวาทะกรรมทางการเมือง ผลงานรัฐบาลมีหรือไม่ขอให้ประชาชนตัดสินใจและขอโอกาสให้ทีมงานได้อธิบายซึ่งการเดินทางลงพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอเปก อาเซียน-ออสเตรเลีย อาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งไม่ไปไม่ได้ และเมื่อเดินทางไปแล้วก็ใช้โอกาสในการพบปะภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ส่วนตัวขอให้เกียรติทีมงานเป็นคนตอบ เพราะเป็นความภาคภูมิใจ ไม่ใช่เพียงนายกฯ แถลงคนเดียวยืนยันว่าตนไม่ห่วง เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือว่าไม่ทราบ แต่เดี๋ยวจะทราบว่า รัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง