“ชัยธวัช” ผู้นำฝ่ายค้าน รับหนังสือจาก “หมอเหวง” และกลุ่ม คปช.53 ยืนยัน พร้อมแสวงหาช่องทางให้เกิดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง คืนความยุติธรรมให้ประชาชน เหตุสลายชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายอภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล รับหนังสือจาก นพ.เหวง โตจิราการ และคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) เพื่อร่วมเจรจาปรึกษาหารือให้มีการปฏิบัติได้จริงตามข้อเรียกร้องและคำมั่นสัญญาก่อนการเลือกตั้ง ในการทวงถามความยุติธรรมให้ประชาชนผู้สูญเสียในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 โดยเดินทางมายื่นที่อาคารรัฐสภา
นายชัยธวัช กล่าวว่า ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและในฐานะคนที่ร่วมทำงานเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 แม้วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็พยายามทำเต็มที่ ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่เป็นระยะ เพื่อขอติดตามความคืบหน้าของคดีความทั้งหมดที่ค้างอยู่ในสารบบ ผลักดันให้คดีความเหล่านี้มีความคืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่ศาลมีการไต่สวนการตายในชั้นสอบสวนไปแล้ว แต่ยังไม่มีการสั่งฟ้องขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลยุติธรรม หรือคดีความที่มีการยื่นฟ้องไปแล้วแต่ก็ถูกตีตกด้วยสาเหตุหลายอย่าง ในแง่เทคนิคทางกฎหมาย รวมถึงอย่างน้อยอีก 62 ศพ ที่ยังไม่มีการไต่สวนการตายจนถึงวันนี้
...
นอกจากนี้ ยังรับข้อเสนอจาก นพ.เหวง ในการผลักดันให้เกิดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าจะให้มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการชุดนี้ต้องมีอำนาจทางกฎหมายพอสมควร โดยปัจจุบันตนอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรม ที่ไม่ได้พูดคุยเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรมอย่างเดียว แต่พูดถึงการค้นหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น เรื่องใหญ่ที่สุดคือการสลายการชุมนุมปี 2553 ที่ต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน สามารถผลักดันเรื่องนี้ผ่าน กมธ. ของสภาฯ ชุดอื่นๆ ได้ แม้ต้องยอมรับว่า มีข้อจำกัดในการเรียกหลักฐานและบุคคล
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลได้พิจารณาการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทบทวนแก้ไขกฎหมายความมั่นคงที่ผ่านมา ที่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยไม่ต้องรับผิด รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการอำนวยความยุติธรรมให้คดีสลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก ปรากฏว่า เรามีบทเรียนว่ามีการส่งฟ้องศาลแล้ว แต่ด้วยกฎหมายเกี่ยวกับศาลทหารทำให้ศาลยุติธรรมโอนคดีไปยังศาลทหาร สุดท้ายศาลทหารก็ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุมจนเสียชีวิต
“ตอนนี้ใน กมธ.การทหารฯ ได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับศาลทหารอยู่ เชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศาลทหารร่วมแก้ไขสาระสำคัญ นอกจากเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ทหารระดับล่างแล้ว ต้องทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหาทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผิดในยามสงคราม ต้องขึ้นศาลยุติธรรมเหมือนประชาชนทั่วไป เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เป็นไปอย่างเท่าเทียมและได้มาตรฐานเดียวกัน”
(ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)