"สมศักดิ์" ตั้งวงเสวนา "เลี้ยงโคแก้หนี้-แก้จน" ชี้เลี้ยงเป็นรายได้เสริม ช่วยแก้จน นำเวลาว่างมาเลี้ยงสร้างเม็ดเงิน โชว์เริ่มเลี้ยง 2 ตัว ผ่านไป 4 ปี มี 10 ตัว มูลค่า 2.5 แสน หากเลี้ยง 1 ล้านครอบครัว จะสร้างมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท ช่วยเพิ่มจีดีพี 1.4% พร้อมช่วยลด "Black Carbon" ได้กว่า 1.7 ล้านกิโลกรัมต่อปี เตรียมเดินหน้าออกกฎหมายเก็บภาษีกีฬาสัตว์ ดึงเงินมาใช้ประโยชน์
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดเสวนาสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเลี้ยงโค ภายใต้แนวคิด "เลี้ยงโค แก้หนี้ แก้จน ยกระดับคุณภาพชีวิต เกษตรกรไทย" โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และผู้เข้าร่วมเสวนาจำนวนมาก ทั้งในห้องประชุม และผ่านระบบออนไลน์
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้โอกาสกองทุนหมู่บ้านฯ มาทำความเข้าใจในเรื่องการเลี้ยงโค ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะขับเคลื่อนโครงการเลี้ยงโคทั่วประเทศ โดยโครงการส่งเสริมเลี้ยงโค ตนเชื่อว่าจะช่วยส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ เพราะต้องยอมรับว่าประชาชนในต่างจังหวัดมีเวลาว่าง จากการทำไร่ทำนาวันละ 3-5 ชั่วโมง ซึ่งสามารถนำเวลาว่างมาทำปศุสัตว์ เช่น วัว ทำให้พี่น้องประชาชนจะไม่เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ โดยเราจะนำพลังงานนั้นมาทำให้เกิดเป็นเงิน และเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การส่งเสริมเลี้ยงโคของกองทุนหมู่บ้านฯ จะเริ่มด้วยเงิน 5 หมื่นบาท ให้เกษตรกรกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริม เพราะจากโครงการเลี้ยงวัวนำร่องที่จังหวัดสุโขทัย เริ่มต้นด้วยเงิน 5 หมื่นบาท ซื้อแม่พันธุ์วัว 2 ตัว ซึ่งผ่านมา 4 ปี เกษตรกรมีวัวเพิ่มเป็น 10 ตัวแล้ว โดยถ้าคิดเป็นมูลค่า วัวตัวละ 25,000 บาท หากมี 10 ตัว จะมีมูลค่าถึง 250,000 บาท และถ้าส่งเสริมเลี้ยง 1 ล้านครอบครัว ก็จะมีมูลค่าถึง 250,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการเลี้ยงวัวธรรมดาแล้ว ตนยังได้ส่งเสริมการพัฒนาเลี้ยงวัวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น วัวโกเบ วัวบราห์มัน วัวทาจิมะ วัวแองกัส รวมถึงต่อยอดเป็นการเลี้ยงวัวกีฬา เพราะวัวธรรมดามีราคา 2.5-5 หมื่นบาท แต่วัวสายพันธุ์ดีมีราคาถึงตัวละ 2 แสนบาท
...
"การส่งเสริมเลี้ยงวัว ยังเป็นการรองรับที่รัฐบาล ช่วยสร้างโอกาสขยายตลาดการส่งออกโคไปต่างประเทศด้วย โดยเป็นการทำควบคู่กันไป รวมถึงถ้ามีการส่งเสริมเลี้ยงโค 1 ล้านครอบครัว ผ่านไป 4 ปี มีการวิเคราะห์ว่า จีดีพีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.4% ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย นอกจากนี้ ผมยังมีงบประมาณตรวจเขตราชการในจังหวัดละ 10 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาช่วยอบรมการแก้ปัญหาความยากจนและส่งเสริมอาชีพ เพราะสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 13 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นหนี้ ผมจึงเน้นให้กองทุนหมู่บ้านฯ คิดโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เพียงพอในการใช้หนี้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การส่งเสริมอาชีพเลี้ยงวัว ยังช่วยลดปัญหาการปล่อย Black Carbon ได้ด้วย เพราะวัวจะกินฟางวันละประมาณ 1 ก้อน ก้อนละ 15 กิโลกรัม และนาข้าว 1 ไร่ จะมีฟาง 650 กิโลกรัม ซึ่งหากเผาตอซังและฟางข้าว 1 กิโลกรัม จะผลิต Black Carbon ประมาณ 0.06 กรัม โดยหากคำนวณพื้นที่ปลูกข้าว 44 ล้านไร่ จะปลดปล่อย Black Carbon กว่า 29.15 ล้านตัน หรือ 29,150 ล้านกิโลกรัมต่อปี หากเปลี่ยนจากการเผานำไปเลี้ยงวัว จะสามารถลดอัตราปลดปล่อย Black Carbon ได้กว่า 1,749 ตัน หรือ 1,749,000 กิโลกรัมต่อปี
"จากนี้ผมจะส่งเสริมทำใบเพ็ดดีกรีให้กับสัตว์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสัตว์ ซึ่งเป็นการนำของประเทศออสเตรเลียมาปรับใช้ ที่มีการเลี้ยงม้าแข่ง ทำให้ตัวแชมป์มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านเหรียญ หรือ 350 ล้านบาท นอกจากนี้ ผมยังได้เตรียมร่างกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ด้วย เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันถูกกฎหมายทั้งม้า-วัว แต่ภาครัฐ ไม่ได้ภาษีเข้ารัฐ ผมจึงทำกฎหมายเพื่อให้เงินเหล่านั้นสามารถกลับมาเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะทุกวันนี้ กีฬาสัตว์ถูกกฎหมาย แต่ภาครัฐไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้น ต้องนำกฎหมายเข้ามา ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเป็นการทำให้ครบวงจร เพราะไม่อย่างนั้นประชาชนต่างจังหวัด จะถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ พร้อมขอยืนยันว่าผมไม่สนับสนุนการเล่นพนัน แต่สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างรายได้" นายสมศักดิ์ กล่าว