“ธิติวัฐ” รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กังวลมาตรการดอกเบี้ย แนะแบงก์ชาติ ทบทวนให้เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจไทย ลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลต่อมาตรการดอกเบี้ยในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและประชาชนที่มีภาระผูกพันกับสถาบันทางการเงินต่างๆ โดยจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 8 ครั้ง จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ล่าสุด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.50% ส่งผลทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการดอกเบี้ยนั้นยังเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันหรือไม่
นายธิติวัฐ ระบุต่อไปว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 106.98 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 108.18 ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 1.11(YoY) โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และต่ำในรอบ 35 เดือน การปรับลดลงของเงินเฟ้อนี้ สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง และยังส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 54.8 ขณะที่เดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ระดับ 54.5 การปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยยังเป็นคำถามสำคัญและเป็นข้อกังวลต่อมาตรการดอกเบี้ยในปัจจุบัน
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ย้ำในช่วงท้ายว่า การกำหนดมาตรการดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย มาตรการทางการเงินที่เอื้อต่อการเสริมสภาพคล่อง ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อการลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค.
...