กกต.รอ รัฐบาล บอกชัดที่มาเงินทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนเคาะเป็นไปตามที่หาเสียงหรือไม่ ปัด กกต.เป็นเครื่องมือยุบพรรคฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ยังรอคำวินิจฉัยก้าวไกล ล้มล้างการปกครองฉบับเต็มของศาล รธน. ไม่มีกรอบเวลาชัด แต่ต้องทำโดยไม่ชักช้า
ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีข้อห่วงใยว่า นโยบายหาเสียงที่ต้องใช้เงินต้องส่งเอกสารและแสดงถึงวงเงิน และที่มาของเงิน ประโยชน์ ความคุ้มค่า ความเสี่ยง และผลกระทบ โดย กกต.ต้องดูว่า พรรคที่ส่งผู้สมัครรับการเลือกตั้งได้ส่งเอกสารตาม มาตรา 57 แล้วหรือไม่ หากส่งช้าจะมีค่าปรับ หน้าที่ของ กกต.ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้บอกให้ กกต. ดูว่านโยบายที่เสนอมาถูกต้องตามที่แจ้งหรือไม่ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นนโยบายที่ไม่ตรงปก เพราะตอนแรกไม่ได้บอกว่าจะกู้เงินมาใช้ดำเนินนโยบายนั้น ประเด็นนี้ยังไม่มีข้อยุติของการดำเนินการนโยบายของรัฐบาล เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วก็อาจจะเข้าตามอำนาจหน้าที่ของ กกต.ก็ได้ ดังนั้น ต้องดูข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการตามที่หาเสียงหรือไม่
เมื่อถามว่า ต้องให้มีคนมาร้องเรียนก่อนหรือไม่ นายอิทธิพร บอกไม่จำเป็น เพราะว่ากระบวนการทำงานของ กกต. จะมีผู้ร้องก็ได้ หรือมีความปรากฏก็ได้ ต้องดูว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ หรือดำเนินการอย่างไร ต้องรอให้ข้อเท็จจริงปรากฏจากรัฐบาลก่อน
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลระบุว่า เงินไม่พอที่จะดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายอิทธิพร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า ต้องเป็นข้อเท็จจริงสุดท้าย ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรที่เป็นการคาดคะเน
...
นายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของ กกต. อาจจะเป็นเครื่องมือทางการเมือง จากกรณียุบพรรค ว่า กกต.ไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ไม่สามารถห้ามใครคิดแบบนั้นได้ กฎหมายพูดเสมอว่า ให้ กกต.มีหน้าที่อะไรบ้าง ถ้าบทบาทเป็นอย่างไร กกต.ก็ต้องทำ คงไม่ได้เป็นเครื่องมืออะไร
เมื่อถามว่า สังคมมองว่า ที่ผ่านมา กกต.จะมักจะยื่นยุบพรรคที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล โดยครั้งนี้ก็คือพรรคก้าวไกล ซึ่งเพิ่งจะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องใช้การแก้ไขมาตรา 112 ในการหาเสียง นายอิทธิพร กล่าวว่า การยุบพรรคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงปรากฏ เราไม่ได้ดูชื่อพรรค ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่า พรรคใดทำอะไร อย่างไร แล้วเรื่องมาถึงอำนาจหน้าที่ของ กกต. เราก็ทำตามนั้น ที่ผ่านมาเราพยายามทำตามกฎหมาย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงานโดยแท้
เมื่อถามว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา แล้ว กกต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอิทธิพร กล่าวว่า นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ที่ทราบกันทั่วไป แต่เนื่องจากศาลวินิจฉัย วันที่ 31 ม.ค. ต่อมาวันที่ 1-2 ก.พ. มีคนมายื่นร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ส่งเรื่องยุบพรรคก้าวไกล และวันที่ 6 ก.พ. สำนักงาน กกต.เสนอเรื่องตามกระบวนการการทำงานปกติให้ กกต.ทราบว่า มีเรื่องนี้ กกต.ก็ขอให้สำนักงานและนายทะเบียนพรรคการเมือง ไปศึกษาคำวินิจศาลเท่าที่มีอยู่ในวันอ่าน และศึกษาว่าตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ตามอำนาจหน้าที่ที่มี และวันที่ 13 ก.พ. ก็มีการเสนอเรื่องมาว่า อยู่ระหว่างการศึกษา อย่างไรก็ตาม เพื่อความรอบคอบ เพื่อความเป็นธรรมและชัดเจน อาจจะให้ศึกษาคำวินิจฉัยกลาง ซึ่งตามแนวทางการทำงานทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเป็นภายในวันนี้ สัปดาห์นี้ แต่ไม่ช้าไปกว่านี้แน่ เมื่อ กกต.มีข้อมูล เอกสารครบถ้วน ก็จะวินิจฉัยตามนั้น ส่วนจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการศึกษาคำวินิจฉัยของศาล หลักฐาน และดูว่ามีเหตุอันควร เชื่อได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เขียนชัดตามมาตรา 92 และ 93
เมื่อถามว่าหากยื่นยุบพรรคตามกฎหมาย ต้องอิงตั้งแต่กรรมการบริหารพรรคชุดเก่าที่เคยเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดนั้น เพราะยังมีกระบวนการทำงาน 1. ศึกษาคำวินิจฉัยให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน 2. สำนักงาน กกต. มีความเห็นเป็นอย่างไร จะเสนอ กกต.ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไร ทั้งนี้ ไม่มีกรอบเวลาชัดเจน แต่เรื่องนี้ต้องทำโดยไม่ชักช้า เพราะมีคำวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้ว แต่กระบวนการทำงานหากทำละเอียด ครบถ้วนได้ก็จะเป็นประโยชน์
เมื่อถามว่า มีคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ยังต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูล ชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะมีกระบวนการภายใต้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้ง ขณะนี้เราทำคู่ขนานกันไประหว่างสำนักงานเสนอความเห็นว่า เรื่องนี้มีหลักฐานอันควรเชื่อแล้วหรือยัง ซึ่งก็ต้องไปดูว่าเรื่องนี้จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไร ก็ทำพร้อมๆ กัน ถ้าจะเรียกก็อาจเรียกในกรอบของคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง