ป.ป.ช.ส่งผลศึกษามัดคอรัฐบาลแจกเงินหมื่น ชี้เปรี้ยงเศรษฐกิจไม่เข้าขั้นวิกฤติ ปิดประตูกู้เงินให้ใช้งบฯปกติ เตือนสุ่มเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย ก่อหนี้พอกภาระการเงินการคลังในอนาคต หมิ่นเหม่ผิดกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ฝืน พ.ร.บ.วินัยการคลัง พ.ร.บ.เงินคงคลัง และ พ.ร.บ.เงินตรา ยื่น 8 ข้อ ครม.พึงระวัง ต้องแจงให้ชัดผลประโยชน์ไม่ตกแก่พรรคการเมือง กลุ่มทุนหรือผู้ประกอบการรายใหญ่ จี้ กกต.สอบ พท.หาเสียงไว้แล้วไม่ทำขัดรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ บี้วางมาตรการป้องกันโกง ขีดวงแจกเฉพาะคนจน กลุ่มเปราะบาง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นายกฯน้อมรับจ่อตั้งอนุกรรมการป้องกันทุจริต โต้หน้าที่ ป.ป.ช.คือตรวจสอบ แจกเงินใครเรื่องของรัฐบาล กั๊กกู้หรือไม่รอดูทางออกสุดท้าย “ไหม” ยุไม่จำเป็นต้องตามก้น ป.ป.ช.ชี้แนะเกินหน้าที่ รัฐบาลไฟเขียว สว.ซักฟอก 25 มี.ค.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งข้อเสนอแนะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปถึงรัฐบาลแล้ว โดยมี 8 ข้อเสนอที่เตือนให้คณะรัฐมนตรีพึงระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตหรือความเสียหายต่อประโยชน์รัฐหรือประชาชน พร้อมย้ำเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ถึงเข้าขั้นวิกฤติ ควรใช้ช่องทางงบประมาณปกติแจกเงิน 10,000 บาท ให้ประชาชน

ป.ป.ช.ส่งข้อสรุปดิจิทัลวอลเล็ตให้ ครม.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ก.พ.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช.แถลงถึงข้อเสนอแนะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติเห็นชอบให้ส่งผลการศึกษาเพื่อป้องกันการทุจริตนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตไปยังรัฐบาล โดยประธาน ป.ป.ช.ลงนามในวันที่ 7 ก.พ.67 เพื่อเรียนนายกรัฐมนตรี ประกอบการดำเนินโครงการ คาดว่าจะส่งถึงรัฐบาลได้ใน 1-2 วัน มีเนื้อหา 61 หน้า โครงการนี้ ป.ป.ช.มีอำนาจให้ข้อเสนอแนะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 32 ในการเสนอมาตรการและข้อเสนอแนะต่อ ครม. ปรับปรุงการปฏิบัติราชการวางแผนโครงการหน่วยงานรัฐ เพื่อป้องกันปราบปรามทุจริต เพราะนโยบายดังกล่าวใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน อาจสร้างภาระการคลังระยะยาว

...

ติงให้ระวังความสุ่มเสี่ยง 4 ด้าน

นายนิวัติไชยกล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า มีประเด็นสำคัญควรพิจารณา 4 ประเด็น ได้แก่ 1.ความเสี่ยงการทุจริต อาทิ ความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย ความเสี่ยงทุจริตจากกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินจากโครงการ 2.ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะสมดุล ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าความจำเป็น ตลอดจนผลกระทบภาระการเงิน การคลังในอนาคต กรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤติ ควรจัดลำดับความสำคัญพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง อาทิ กลุ่มมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน จึงอาจเป็นทางเลือกที่ไม่ส่งผลกระทบทางการคลัง โดยเฉพาะดอกเบี้ยและสัดส่วนหนี้สาธารณะได้มากกว่า 3.ความเสี่ยงด้านกฎหมาย อาทิ รัฐธรรมนูญปี 2560 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ร.บ.เงินตรา รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างเคร่งครัด รวมทั้งแนวปฏิบัติที่ชัดเจน โปร่งใส ปราศจากทุจริต 4.ประเด็นอื่นๆ อาทิ เทคโนโลยีบล็อกเชน การกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง

ยื่น 8 ข้อเสนอให้ ครม.พึงระวัง

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ป.ป.ช.มีมติเห็นควรเสนอข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตนโยบายดังกล่าวต่อ ครม.ป้องกันมิให้เกิดการทุจริตหรือความเสียหายต่อประโยชน์รัฐหรือประชาชน 8 ข้อดังนี้ 1.รัฐบาลควรศึกษาโครงการ ชี้แจงความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการจะไม่ตกแก่พรรคการเมือง นักการเมือง หรือเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดหรือกลุ่มใด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย ต้องมีขั้นตอนเป็นรูปธรรมชัดเจนให้สามารถกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงเป็นธรรม 2.การหาเสียงพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.2566 และสิ่งที่พรรคเพื่อไทยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในโครงการดังกล่าวมีความแตกต่างกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรตรวจสอบว่าขัดรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ ให้เป็นบรรทัดฐานพรรคการเมืองหาเสียงแล้วไม่ปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้

ห่วงกู้ 5 แสนล้านพอกหนี้ระยะยาว

นายนิวัติไชยกล่าวว่า 3.โครงการดิจิทัลวอลเล็ตควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนผลกระทบภาระทางการเงิน การคลังในอนาคต ต้องพิจารณาระหว่างผลดี ผลเสียการกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ที่สร้างภาระหนี้แก่รัฐบาลและประชาชนระยะยาว ในการตั้งงบประมาณชำระหนี้ 4-5 ปี กระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายการลงทุนของภาครัฐ 4.ครม.ควรพิจารณาความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ เพื่อให้โครงการเกิดประสิทธิภาพ สูงสุด 5.ครม.ควรประเมินความเสี่ยงการดำเนินโครงการอย่างรอบด้าน กำหนดมาตรการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันทุจริต มีกระบวนการตรวจสอบทั้งก่อนระหว่างและหลังการดำเนินโครงการ ให้โครงการดำเนินการได้อย่างโปร่งใส 6.การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับโครงการ ครม.ควรพิจารณาถึงความจำเป็นความเหมาะสม ระยะเวลา และงบประมาณที่ต้องใช้พัฒนาระบบให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในโครงการ ที่เป็นการแจกเงินเพียงครั้งเดียวให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน

ให้ใช้ช่องทางงบปกติแจกเงินหมื่น

นายนิวัติไชยกล่าวว่า 7.ข้อมูลภาวะเศรษฐกิจหน่วยงานต่างๆ มีความเห็นตรงกันว่า อัตราความเจริญเติบโตประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ควรพิจารณาให้ความสำคัญต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โครงการช่วยเหลือประชาชนภายใต้เศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤติ ควรพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางสุด ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง อาทิ กลุ่มมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 8.รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน เปราะบาง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น โดยแจกจากแหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่เงินกู้ตาม พ.ร.บ.เงินกู้ และจ่ายในรูปเงินบาทปกติในอัตราที่เหมาะสม เพื่อพยุงการดำรงชีวิตประชาชนที่ยากจน โดยกระจายจ่ายเงินเป็นงวดๆ ผ่านแอปเป๋าตังที่มีประสิทธิภาพ มีฐานข้อมูลครบ หากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติจะลดความเสี่ยงการขัดรัฐธรรมนูญขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ร.บ.เงินตรา และไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะประเทศระยะยาว

ย้ำ ศก.ประเทศไม่เข้าขั้นวิกฤติ

เมื่อถามว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการดังกล่าวหรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ป.ป.ช.มองว่าอาจจะยังไม่เข้าขั้น แต่ในมุมรัฐบาลอาจมองว่าวิกฤติ ป.ป.ช.จึงส่งข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล ไม่ใช่การคาดการณ์ว่าจะมีทุจริตหรือไม่ ถ้ารัฐบาลมีเหตุผลก็สามารถขับเคลื่อนได้และจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ข้อเสนอแนะ 8 เป็นข้อเสนอแนะทางวิชาการหลากหลายสาขา ไม่ใช่ความคิดเห็น ป.ป.ช.ที่คิดเองเออเอง เป็นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณา ตอนนี้ยังไม่รู้รัฐบาลจะขับเคลื่อนโครงการนี้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลตัดสินใจทำ ป.ป.ช.ก็ดูลำดับการขับเคลื่อนต่อ ป.ป ช.ทำเพื่อประเทศไม่มีอคติ และไม่มีอำนาจยับยั้งโครงการ ส่วนโครงการจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องอนาคต ถ้าด่วนสรุปไปก็ไม่ถูกต้อง การที่ประชาชนบางส่วนตำหนิ ป.ป.ช.ที่ไม่สนับสนุนโครงการในทางที่ดีนั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่ ป.ป.ช. ถ้าไม่ทำจะโดนด่ามากกว่าหรือไม่ เรายอมรับ ผลกระทบความพึงพอใจแต่ละคนห้ามไม่ได้

โต้ใช้จินตนาการคัดค้านนโยบาย

เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.โดนฝั่งรัฐบาลมองว่าเป็นจินตนาการ ป.ป.ช. นายนิวัติไชย ตอบว่า สื่อและประชาชนมองว่าเป็นเรื่องมโนหรือไม่ สิ่งที่ ป.ป.ช.ทำไม่ได้หมายความว่ามันต้องใช่แต่มีหลักฐานข้อมูล 8 ข้อที่เป็นข้อเสนอแนะเชิงวิชาการ ส่งข้อเสนอแนะด้วยความห่วงใยให้ ครม. ยืนยัน ป.ป.ช.ไม่ค้านการดำเนินโครงการ แต่มีข้อเสนอแนะ เราไม่มีอำนาจยับยั้งโครงการ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ ป.ป.ช. เว้นแต่มีความผิด มีการทุจริต ป.ป.ช. อาจร้องต่อศาลเพื่อฟ้อง

นายกฯน้อมรับจ่อตั้งอนุ กก.ป้องทุจริต

เมื่อเวลา 15.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า เรื่องการป้องกันทุจริตในการประชุม คณะกรรมการชุดใหญ่ คงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ยืนยันว่าต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้ เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะส่วนหนึ่งเหมือนต้องการให้รัฐบาลระมัดระวังการแจกเงิน นายเศรษฐา ตอบว่า ระมัดระวังอยู่แล้ว อย่างที่เรียนจะมีการตั้ง คณะอนุกรรมการ มีกลไกที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ทุก ขั้นตอน คิดว่าคณะทำงานคงทำทุกอย่างที่ต้องเป็นการปกป้องและดูแลเรื่องผลประโยชน์อย่างสูงสุดของพี่น้องประชาชน อาทิตย์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่อีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นคงมีการแถลงใหญ่ ป.ป.ช.หน้าที่ของท่านที่เสนอมาเรื่องการทุจริตต้องระมัดระวัง ตรงนี้น้อมรับ

โต้เป็นหน้าที่ รบ.จะให้เงินใครบ้าง

เมื่อถามว่า ป.ป.ช.แนะให้กลับมาใช้งบฯประจำปีปกติ ดีกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน นายเศรษฐา กล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวต้องไปคุยกัน ต้องดูความเหมาะสมก่อน เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ถึงขั้นให้ปรับเกณฑ์แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือผู้มีรายได้น้อย นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องดูสิ่งที่ ป.ป.ช.บอกมาว่าอย่างไรและเหตุผลคืออะไร ต้องดูหน้าที่ของ ป.ป.ช.คือการตรวจสอบทุจริตประพฤติมิชอบใช่หรือไม่ ส่วนนโยบายว่าจะให้ใครบ้างเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคำนึงถึงและน้อมรับคำและข้อสังเกตเรื่องทุจริต ตนเน้นตรงนี้ดีกว่าที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.สบายใจว่าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน อย่างที่บอกเรื่องของคนเปราะบางเริ่มจากวันแรกที่เราพูดคุยกันแล้วว่า ตรงไหนคือเปราะบาง ตรงไหนคือไม่เปราะบาง ถ้าตนบอกว่าต่ำกว่า 20,000 บาทเปราะบาง ถ้าสูงกว่า 20,000 บาทไม่เปราะบาง หากคุณได้เงินเดือน 20,000 บาทคุณจะโต้เถียงหรือไม่ว่าเปราะบางเหมือนกัน มีหนี้เยอะต้องการการกระตุ้นเหมือนกันใช่ไหม อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหมือนกัน

กู้หรือไม่ขอดูทางออกสุดท้ายก่อน

เมื่อถามว่าจุดหนึ่งเรื่องการหาเสียงบอกว่าจะไม่กู้ แต่สุดท้ายประกาศออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการตรงนี้จะอธิบายอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ต้องอธิบายให้ได้และให้เข้าใจขอดูทางออกสุดท้ายก่อน เมื่อถามว่า ความเห็นของ ป.ป.ช.แบบนี้ไม่ได้ทำให้รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนความคิดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันทุกความเห็นเราต้องมาคำนึงถึงใหม่หมด เมื่อถามว่า ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะฝ่าวิกฤติความเห็นต่างตรงนี้ไปได้และสามารถแจกเงินดิจิทัลได้ นายกฯกล่าวว่า เราเองเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่สังคมต้องยอมรับได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารความคาดหวังซึ่งกันและกัน ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและความไม่ก้าวร้าวซึ่งกันและกัน ฉะนั้นตรงนี้ต้องบริหารกันไป เมื่อถามว่ารู้สึกเหมือนถูกบีบให้ถอยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ต้องบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ไหม” ยุ รบ.ไม่จำเป็นต้องทำตาม ป.ป.ช.

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลว่า ยังคงยืนยัน รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำตามที่ ป.ป.ช.เสนอแนะ ตามอำนาจหน้าที่ มีส่วนที่เราเห็นด้วยบางข้อ แต่หลายข้อน่าจะเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.แนะนำ เช่นการให้จำกัดคนที่จะได้รับประโยชน์ ให้เป็นเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือรายได้น้อยเท่านั้น การที่ ป.ป.ช.ทำรายงานฉบับนี้ออกมา แล้วทำให้ทุกอย่างต้องดีเลย์ออกไป ค่อนข้างเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ความจริงรัฐบาลควรต้องเดินหน้าปรึกษา หารือ นัดประชุมคณะกรรมการนโยบายชุดใหญ่เพื่อสรุปว่าจะเดินหน้าวิธีใดมากกว่า เมื่อถามว่าหากรัฐบาลเดินหน้าโครงการต่อ เรื่องจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า รัฐบาลทราบมาตลอดว่าการออก พ.ร.บ.เงินกู้ มีความเสี่ยงทางกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังและยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ปมนี้อย่างไร อีกทั้งรายงานของ ป.ป.ช.ยังมีถ้อยคำที่เขียนเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงอาจทำให้คนไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ได้ง่ายดายขึ้น ในหลายช่วงรายงาน ป.ป.ช.พูดถึงความคุ้มค่าของโครงการและตัวคูณทางการคลัง จึงมั่นใจว่าหากรัฐบาลทำผลการศึกษาขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อหักล้างข้อมูล ป.ป.ช.ก็ทำได้ แต่รอจนถึงวันนี้ยังไม่มีผลการศึกษาดังกล่าวจากรัฐบาลมายืนยันความคุ้มค่าของโครงการเลย

แซะทำโครงการมหึมาแต่ไม่เตรียมเงิน

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า หนทางที่จะใช้งบฯ ปี 2568 ไม่ต้องกังวลความเสี่ยงกฎหมาย แต่จะทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก หลังเดือน ก.ย.ของปี 2567 คือเริ่มจากเดือน ต.ค.เป็นต้นไป ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการจะเริ่มเมื่อไหร่ เพราะกำหนดการจากเดิมที่เป็นเดือนพฤษภาคม ก็เลื่อนไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด และยังมีข้อจำกัดอีกคือแม้จะใช้งบปี 2568 ยังไม่มีงบฯเพียงพอสำหรับโครงการ 5 แสนล้านบาทนี้ การลดกลุ่มเป้าหมายลงมาจึงเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่อีกปมที่ยังไม่ได้แก้คือความคุ้มค่าของโครงการ ไม่ช้าถ้ามีการทบทวนระหว่างทางว่าควรมีโครงการอื่นออกมาก่อนไม่รู้จะโทษใครดี ที่ต้องการจะทำโครงการขนาดมหึมาแบบนี้ แต่ไม่ได้เตรียมเงินที่วางไว้ จึงต้องมีปัญหาต้องแก้ไปทีละเปลาะเรื่อยๆ ตอนนี้คิดว่าควรมีแอ็กชันอะไรที่ทำได้เลย อาจจะเล็กลงมา ใช้งบฯกลางที่มีอยู่ก่อนแล้วไปพลางก่อน น่าจะทำให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ภายในระยะเวลานี้

อัด รบ.เล่นตลกบนความหวัง ปชช.

นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลว่า รัฐบาลควรรีบดำเนินการ เสียทีโดยไม่ชักช้า ถ้าศึกษาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ผลดีผลเสีย ผลกระทบและข้อกฎหมายรอบด้านแล้ว ควรดำเนินนโยบายนี้โดยไม่ชักช้า เมื่อเร็วๆนี้ นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ออกมา อธิบายว่า ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ดิจิทัล วอลเล็ตจำเป็นต้องดำเนินการ ฟังแล้วสงสัยทันทีในเมื่อมันเป็นวิกฤติแล้ว ทำไมรัฐบาลปล่อยเวลามา เนิ่นนานขนาดนี้ป่านนี้ต้องกู้เงินตรา พ.ร.ก.ประกาศใช้แล้ว ประชาชนจะได้ใช้จ่ายเงินนี้ไปแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเขียนเป็นร่าง พ.ร.บ.ให้สภาฯเสียเวลามานั่งฟังความเห็นกฤษฎีกา หรือ ป.ป.ช. ถ้ามันคือ วิกฤติเศรษฐกิจจริง แต่สิ่งที่ท่านทำอยู่ขณะนี้คือนิ่งเฉย และเลื่อนมาผัดการแจกเงินดิจิทัลกันรายวัน รายอาทิตย์ เสมือนกำลังเล่นตลกบนความหวังของประชาชน

ก.ก.จี้ประมุขนิติบัญญัติป้องเขตอำนาจ

เมื่อเวลา 10.45 น.ที่รัฐสภา การประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขอหารือกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นโยบายพรรค ก.ก.เสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง โดยนายชุติพงศ์กล่าวว่า เมื่อการวินิจฉัยมีส่วนที่อาจทำให้ตีความได้ว่าในอนาคตถ้าจะยื่นหรือแก้ทำอะไรกับข้อกฎหมาย เราต้องรอหรือไม่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้เราทำอะไรได้ตามหน้าที่ของเรา น่ากังวลมากเพราะพรมแดนคำวินิจฉัยศาลครั้งนี้กระทบการทำหน้าที่ของ สส.ทุกคน อยากให้ประธานสภาฯ ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันเป็นจุดยืนของสภาฯ ว่าเรามีอำนาจหน้าที่ตรา แก้และเสนอกฎหมาย ต้องช่วยให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า เราคือตัวแทนที่ประชาชนเลือกตั้งมา ให้พูด นำเสนอแก้กฎหมายในนามประชาชน

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า ได้ให้ฝ่าย กฎหมายรอรับคำวินิจฉัยฉบับสมบูรณ์จากศาลรัฐธรรมนูญและให้ฝ่ายกฎหมายช่วยปรึกษาส่งข้อหารือมาพิจารณา วันนี้ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯรับคำหารือไปให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาไปประชุมผู้เกี่ยวข้องและแจ้งผลให้ทราบต่อไป

“จุลพันธ์” ขำ สว.ซัด รบ.ยื้อซักฟอก

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณี สว.จะยื่นเรื่องร้อง ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดรัฐบาลข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่เลื่อนเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ของ สว.ทำให้ไม่ทันสมัยประชุมสภาฯ ว่า ไม่ได้กังวล กรอบเวลารัฐบาลไม่ได้เป็นผู้กำหนดฝ่ายเดียว แต่ต้องหารือกับวิป วุฒิสภาด้วย หาก สว.มีความกังวลควรหารือกับวิป ของ สว.มากกว่า ส่วนกรอบเวลาปิดสมัยประชุมชัดเจนอยู่แล้วว่าช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน เม.ย.รัฐบาลไม่สามารถไปเลื่อนเวลาได้ และการกำหนดกรอบช่วงเดือน มี.ค.นายกฯและ ครม.ทุกคนรับทราบและปรับตารางงานได้หากไม่ได้ติดภารกิจสำคัญจริงๆทุกคนจะทำตัวให้ว่าง ผู้สื่อข่าวถามว่า สว.หลายคนมองว่ารัฐบาลยื้อเวลาให้ สว.หมดวาระ นายจุลพันธ์หัวเราะก่อนตอบว่า สว.ยังไม่หมดวาระจนถึงเดือน พ.ค.ใช้สิทธิอภิปรายได้เต็มที่ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เลื่อน แต่เป็นการหารือร่วมกันของตัวแทนรัฐบาลและวิปวุฒิสภา

“คำนูณ” เผย รบ.ยอมขึ้นเขียง 25 มี.ค.

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า ที่ประชุมวิปวุฒิสภารับทราบความคืบหน้าการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ ครม.แถลง ข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. และคณะเป็นผู้เสนอ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา มีหนังสือประสานไปยังนายกฯ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.นั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจาก ครม.แจ้งวันแถลง และชี้แจงตามญัตติอย่างไม่เป็นทางการคือวันที่ 25 มี.ค.นี้ รัฐบาลจะมีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

“อ้วน” ลั่นจุดยืน พท.ไม่ปล่อยผีคดี 112

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอัยการสูงสุดขออายัดตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีมาตรา 112 หลังได้รับการปล่อยตัวหลังพักโทษว่า นายทักษิณจะโดนคดีมาตรา 112 หรือว่าไม่โดนยังไม่ทราบ แต่การที่กลับเข้าประเทศชัดเจนแล้วว่าต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนจุดยืนพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ยืนตามที่พรรคได้เสนอมาตลอดไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เมื่อถามว่าหากนายทักษิณโดนคดีมาตรา 112 จะไม่กระทบจุดยืนเดิมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะไม่แตะหมวด 1-2 รวมถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จะไม่เอาเรื่องมาตรา 112 มารวมด้วยหรือไม่นายภูมิธรรมตอบว่า เรายืนยันชัดเจนอยู่แล้วเรื่องมาตรา 112 ต้องเคลียร์กันให้ชัดเจนก่อน เพราะเป็นประเด็นความขัดแย้ง ถ้าคุยกันยังไม่จบและเสนอเข้ามาแล้วมีเรื่องมาตรา 112 จะเป็นปัญหา เรายืนยันอยู่แล้วว่าไม่เกี่ยวกัน

ม็อบกดดัน ปชป.หนุน ก.ม.นิรโทษ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายนริศ ขำนุรักษ์ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชป.รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มเยาวชนนิรโทษกรรมภาคประชาชน โดยนายนริศกล่าวว่า พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้วและอยากให้กฎหมายของภาคประชาชนถูกนำเข้าไปพิจารณาในสภาให้ได้มากที่สุด จะได้จบในสภาฯจะได้สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชนได้มากขึ้น อยากให้กลุ่มต่างๆทำกฎหมายให้เรียบร้อย มีรายชื่อให้ครบถ้วนเพื่อนำไปยื่นต่อสภาฯ พรรค ปชป.หารือเรื่องนิรโทษกรรมทุกสัปดาห์ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองและทั่วโลก พยายามศึกษา สรุปบทเรียนจากทุกกรณีทั่วโลกว่าเราจะข้ามความขัดแย้งไปได้อย่างไร ส่วนที่นอกเหนือจากจุดยืนของพรรคเราพร้อมที่รับฟังและศึกษา ยังไม่สามารถสรุปได้ในวันนี้ แต่เชื่อว่าที่สุดแล้วจะมีข้อสรุปโดยสภาฯที่ทุกฝ่ายควรเคารพ

“เศรษฐา” ถก “ฮุน มาเนต” มาเยือนไทย

เมื่อเวลา 10.20 น.ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้การต้อนรับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนำตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนร่วมหารือเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน อาทิ ด้านความสัมพันธ์ เปิดสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองเสียมราฐ เห็นพ้องเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนให้มากขึ้น การตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนเห็นพ้องที่จะแก้ไขปัญหาเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์โดยเพิ่มการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน การป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด สินค้าเถื่อน และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ โดยเฉพาะไทยจะไม่ยอมให้ใครใช้ไทยเป็นพื้นที่ในการแทรกแซงกิจการภายในหรือดำเนินกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศเพื่อนบ้าน

ตั้งคณะทำงานร่วมพิชิตฝุ่นพิษ

โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยอีกว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ ครั้งที่ 7 ในต้นเดือน  มี.ค.พร้อมทั้งมีนโยบายควิกวินนำ MOU ว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าที่ได้ลงนามไปใช้ทันทีเพื่อเพิ่มปริมาณการค้า และยังเห็นพ้องในการรวมจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคเข้าด้วยกัน ผ่านโครงการ “หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ส่วนปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน ได้ตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือในการจัดตั้งสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลและการเตือนจุดที่มีการเผา ความร่วมมือในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน รวมถึงไทยได้เชิญกัมพูชาเข้าร่วมแผนปฏิบัติการ CLEAR Sky Strategy เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแก้ปัญหานี้ในระดับภูมิภาค สำหรับในเมียนมา ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการที่จะเห็นเมียนมามีสันติสุข มั่นคง และเป็นเอกภาพ รัฐบาลจะแสดงบทบาทเชิงรุกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในเมียนมาและส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสันติร่วมกับอาเซียน

เป็นสักขีพยานเซ็นเอ็มโอยู 5 ฉบับ

ต่อมาเวลา 11.40 น. นายเศรษฐา และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉินไทย-กัมพูชา บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บันทึกความเข้าใจระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชาและบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ก่อนร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

เร่งสอบ 44 สส.ก้าวไกลแก้ ม.112

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรม 44 สส.ก้าวไกล ที่เข้าชื่อขอแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เรื่องดังกล่าวเพิ่งยื่นมา ขอตรวจสอบก่อน ป.ป.ช.มีกว่า 1 หมื่นเรื่องในมือ กำลังไต่สวน 3 พันกว่าเรื่อง แต่เร่งทุกเรื่องเท่าที่มีอยู่ ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อ้างว่า เคยมายื่นร้องเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2564 เมื่อครั้งมีการเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ยังไม่มี ข้อมูล โดยการตรวจสอบต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

“จิรัฏฐ์” โวยโดนเกมการเมือง สด.43

ที่รัฐสภา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผบ.นรด. มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญ แจ้งความ ดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ หรือใบ สด .43 ว่า ทางคณะ กมธ.การทหาร ติดต่อให้นำ เอกสารมาตรวจสอบพร้อมกัน แต่ ผบ.นรด. กลับรีบ นำไปแจ้งความก่อน ถือว่าเป็นเรื่องดี อยากให้เกิด ความจริงกระจ่าง ตนยืนยันเอกสารเป็นของแท้แน่นอน มั่นใจว่ามีต้นขั้วแน่นอน ฉีกเอกสารมาจากเล่มไม่เช่นนั้นตนต้องโดนข้อหาหนีทหาร และมีตำรวจมาจับที่บ้านตั้งแต่ปี 56-58 แล้ว ตนเปลี่ยนชื่อตั้งแต่ปี 52 เวลาไปยื่นขอผ่อนผันใช้บัตรประชาชน ที่ชื่อ นายจิรัฏฐ์ และใบเปลี่ยนชื่อไปยื่นตลอด หากหน่วยงาน คุณไม่อัปเดตเองจะมาโทษตนไม่ได้   ตนถูกเล่นงาน เรื่องนี้ก็ตั้งใจว่าจะพูดเรื่องการถูกบังคับให้เกณฑ์ทหาร ให้มากขึ้น เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ตอบว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่