นายกฯไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย กลับมาฟิต บินปร๋อเยือนศรีลังกา ปลื้มบรรลุข้อตกลง 3 ฉบับรวด เร่งขายของตีปี๊บแลนด์บริดจ์กล่อมนักลงทุนให้ตีเหล็กตอนร้อนๆ ก่อนบินทิ้งทุ่นใส่ ป.ป.ช.บ่นรอคำชี้แนะดิจิทัลวอลเล็ตนานแล้วยังไม่มา สักที สส.เพื่อไทยชักแม่น้ำ ทั้งผลวิจัย ผลโพลหนุน แจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ปชป.ยืนกรานไม่เอาด้วย นิรโทษแบบเหมาเข่งทุกคดี แซะประชาชนคงสิ้นหวัง กับการแก้ รธน.ของรัฐบาล “ก้าวไกล” มูฟออนหลังโดนตีตราล้มล้างการปกครอง “ชัยธวัช” ยกทีมลุยเขต 8 นครศรีธรรมราช ปลุกด้อมส้มทลายกำแพงใช้สนามเลือกตั้งซ่อมตอบโต้ผู้มีอำนาจ “ปกรณ์วุฒิ” นัดฝ่ายค้านกลาง ก.พ.วางคิวเปิดซักฟอกรัฐบาล ขณะที่ปม สด.43 ของ “จิรัฏฐ์” ส่อบานทะโรค “วิโรจน์” ยันไม่มีอุ้มพวกเดียวกัน ปูดทหารถูกครหามีแก๊งก๊อปเกรดเอใบละ 5 หมื่น

หลังฟื้นไข้จากพิษหวัดสายพันธุ์ A นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กลับมาฟิตเปรี๊ยะดังเดิม นำคณะบินเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางไม่วายเอ่ยปากย้ำถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังไปไม่ถึงไหนว่า รอคำเสนอแนะจาก ป.ป.ช.มานานแล้วยังไม่มาสักที

“เศรษฐา” สดใสบินเยือนศรีลังกา

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมคณะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติบันดารานายาเก กรุงโคลัมโบ ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.ตามคำเชิญของนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีศรีลังกา โดยนายกฯมีสีหน้าสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงหายจากอาการป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A กลับมาเป็นปกติทุกอย่าง ทั้งนี้นายกฯ และคณะได้ถึงกรุงโคลัมโบในเวลา 13.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงครึ่ง) มีนายทิเนศ คุณวรรเทนะ นายกฯ ศรีลังกาให้การต้อนรับ

...

จับเข่าคุยผู้นำเซ็น 3 ข้อตกลงชื่นมื่น

จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่สำนักประธานาธิบดี นายกฯเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ และหารือทวิภาคีกับนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีศรีลังกา ทั้งสองฝ่ายต่างชื่นชมในความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างยาวนาน โดยมีพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นสิ่งเชื่อมโยงระหว่างกันและเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกมิติ ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเศรษฐาพร้อมนายรานิลร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลง 3 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กับนายกัจจกธุเค นลิน รุวันชีวะ เฟอร์นานโด รมว.พาณิชย์ การค้า และความมั่นคงทางอาหาร ศรีลังกา 2.ร่างความตกลงว่า ด้วยบริการเดินอากาศฉบับใหม่ระหว่างไทยและศรีลังกาฉบับใหม่ ระหว่างนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศกับนายนิเลตตี นิมัล สิริปาละ เด ซิลวา รมว.การท่าเรือและการขนส่งทางทะเล ศรีลังกา และ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาอัญมณีและส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ระหว่างนายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับนาย บี.จี.อาร์. ดับเบิลยู.กัมลัต ผอ.สถาบันวิจัยและฝึกอบรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งศรีลังกา ก่อนที่นายเศรษฐาร่วมกับนายรานิลแถลงผลการหารือกับสื่อมวลชน

ตีปี๊บแลนด์บริดจ์ให้ตีเหล็กตอนร้อน

ต่อมาเวลา 16.45 น. ที่ The Balmoral โรงแรม The Kingsbury นายเศรษฐากล่าวถ้อยแถลงในงาน Sri Lanka-Thailand Business Networking ว่ามั่นใจว่าการที่บริษัทชั้นนำของไทยกว่า 20 แห่ง ร่วมเดินทางมาเยือนศรีลังกา และการลงนามการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา สะท้อนถึงความรู้สึกเชื่อมั่นในศักยภาพระหว่างกันในภาคการผลิต ที่การแปรรูปอาหารทะเลของศรีลังกามีความโดดเด่นศักยภาพความร่วมมือระหว่างบริษัทจากทั้ง 2 ประเทศสามารถเดินหน้าอุตสาหกรรมนี้สู่ตลาดทั่วโลกได้ ด้านการลงทุน มีบริษัทไทยจำนวนมากดำเนินธุรกิจในศรีลังกา โดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการผลิตและพลังงาน สนับสนุนให้บริษัทอื่นๆของไทย ใช้ประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเติบโตของศรีลังกา และความได้เปรียบทางภาษีในตลาดต่างประเทศ และการเชื่อมโยงทางทะเล ศรีลังกาสามารถเป็นพันธมิตรสำคัญของไทยที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยโครงการแลนด์บริดจ์ และด้วยสุภาษิตที่ว่า จงตีเหล็กขณะยังร้อน พร้อมสนับสนุนธุรกิจจากทั้ง 2 ฝ่าย ให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการค้าเสรีที่ลงนามในวันนี้ จากนั้นเวลา 19.00 น. ประธานาธิบดีศรีลังกา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯและคณะ ณ สำนักประธานาธิบดี

เดินหน้าชูไทยแลนด์ฮับท่องเที่ยว

ก่อนหน้านั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปเยือนศรีลังกาถึงการหารือกับ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับนโยบายใช้วีซ่าร่วมกับประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) กับมาเลเซียเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ CLMV เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ว่า น.ส.สุดาวรรณกลับจากการประชุมรัฐมนตรีร่วมกับ สปป.ลาว สิ่งที่ฝากไปคือเรื่อง CLMV บวกมาเลเซีย ในเรื่องการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค หลายเรื่องมีความคืบหน้า แต่ต้องยอมรับว่ายังไปไม่ไกลอย่างที่หวัง ประเด็นที่อยากผลักดันหากเรายกเว้นวีซ่าแล้วต้องให้ไปลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซียได้เลย ให้ น.ส.สุดาวรรณไปประสานต่อ ช่วงเย็นวันที่ 2 ก.พ.ได้สังสรรค์กับทูตกัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม ที่มาเตะฟุตบอลกัน ก็ได้พูดคุยว่า อยากให้มีการผลักดันเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่าต้องเป็นเรื่องที่ผู้นำของแต่ละประเทศสั่งการลงมา ตนก็ฝากไป ท่านทูตระบุว่าจะเดินเรื่องไปให้ก่อน หากตนต้องการผลักดันตรงไหนจะยกหูหาผู้นำประเทศเหล่านั้นได้โดยตรง เรื่องนี้ทุกประเทศได้ประโยชน์ เพราะแต่ละประเทศก็มีสายการบินที่แข็งแกร่ง ไม่น่าจะมีใครติดปัญหา ส่วนหารือกับประธานธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ชอบนโยบายของเรามาก โดยเฉพาะในแลนด์บริดจ์ มั่นใจว่าเขาจะเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแน่นอน AIIB พร้อมสนับสนุนหลายๆด้าน ไม่ใช่เฉพาะการลงทุนเพียงด้านเดียว

บ่นข้อแนะเงินดิจิทัล ป.ป.ช.ยังไม่มา

นายเศรษฐายังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงดิจิทัลวอลเล็ตว่า จะพูดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ต้องยอมรับว่า ต้องรอคำเสนอแนะจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็รอมานานแล้ว คิดว่าต้องมีวิธีการอื่นรองรับ เพราะคำเสนอแนะยังไม่มาสักที พี่น้องประชาชนเขาคอยไม่ได้ เมื่อถามว่า ป.ป.ช.รอการดำเนินการความชัดเจนจากรัฐบาล และรัฐบาลก็รอขอเสนอแนะจาก ป.ป.ช.จะทำให้ไทม์ไลน์ขยับไปมากหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ค่อยแน่ใจว่า ป.ป.ช.รอรัฐบาลเรื่องอะไร จึงต้องขอสอบถามก่อนดีกว่า อย่าให้พูดไปโดยไม่มีข้อมูล ขอเป็นต้นสัปดาห์หน้า

พท.ยกผลวิจัยหนุนดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรค พท.ยังคงเดินหน้าทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ เพราะประชาชนรากหญ้าคาดหวังมาก จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากภายในชุมชน จังหวัด จนถึงระดับประเทศให้มีเม็ดเงินสะพัด ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้นจากกำลังซื้อที่มากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ตนลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ต่างเรียกร้องให้ทำให้สำเร็จโดยเร็ว และภาคเอกชนในพื้นที่ก็ตอบรับเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับผลการศึกษานโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ และทีมงานเศรษฐศาสตร์นอกขนบ ที่อธิบายเรื่องผลของนโยบายต่อจีดีพีและหนี้สาธารณะต่อจีดีพีพบว่า นโยบายนี้มีผลสำคัญต่อการกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีได้ดีที่สุด สามารถกระตุ้นจีดีพีในปี 2567-2570 ได้สูงสุดที่ 4.73%, 5.22%, 5.61% และ 5.54% ตามลำดับ ขณะที่มีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีต่ำสุดด้วย หากจีดีพีถูกปล่อยให้เติบโตต่ำในระดับราวๆ 2% เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเริ่มมีปัญหาในการดูแลผู้สูงอายุที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นทุกปี

ชัก 3 โพลเด้งรับ ปชช.โหยหาไม่มีถอย

น.ส.วิสาระดีกล่าวว่า ความเห็นจากโพลสำรวจต่างๆพบว่าผลสำรวจของเนชั่นโพลร่วมกับสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) ระบุว่า ประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตคิดเป็น 72.46% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรากหญ้า ว่างงาน และรับจ้างทั่วไป ที่เห็นว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีเงินลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะที่นิด้าโพลพบว่า ส่วนใหญ่ 50.08% อยากให้จ่ายดิจิทัลวอลเล็ตทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเกณฑ์เงินเดือน และผลสำรวจจาก ม.ศรีปทุมร่วมกับดีโหวต (D-vote) พบว่า ประชาชนสนับสนุนโดยหวังนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้น พรรค พท.ต้องดำเนินนโยบายเพื่อประชาชน การที่ประชาชนเรียกร้องเข้ามาทุกวันยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งหน้าดำเนินโยบายนี้ให้สำเร็จ ขอให้พี่น้องทุกคนไม่ต้องห่วง

โวไม่แค่แจกเงินหมื่นมีอย่างอื่นเพียบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตกำลังเดินหน้ารับฟังข้อเสนอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานรอบด้านอย่างครบถ้วน เช่น ความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ป.ป.ช. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมประมวลผลความคิดเห็นต่อการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เรือธงของพรรค พท.ชอบด้วยกฎหมาย รัดกุมรอบคอบ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าคะแนนนิยมอาจจะตกไปเพราะความล่าช้าของนโยบาย นายอนุสรณ์ตอบว่า นโยบายของพรรคพท.ไม่ได้มีแค่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว ยังมี นโยบายที่เป็นเรือธงที่สามารถทำไปก่อนได้ ทั้งซอฟต์พาวเวอร์ เรื่องสาธารณสุข บัตรประชาชนใบเดียวเชื่อมโยงข้อมูลทั่วไทย รวมถึงผลงานของรัฐบาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา ส่วนอะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ต้องทำให้ถูก ต้องอาศัยระยะเวลา เชื่อ ว่าประชาชนจะได้เห็นหลายโครงการที่รัฐบาลทำและประสบความสำเร็จ

“วรชัย” วอนอย่าขัดแข้งขัดขารัฐบาล

นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ ให้ สัมภาษณ์ถึงการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองสู้กับกระแสความนิยมพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า วันนี้เรากำลังผลักดันนโยบายทุกเรื่องที่ใช้ในการหาเสียง ไม่ว่าจะการท่องเที่ยว ดึงนักลงทุน สำคัญที่สุดคือดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อชาร์จเครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศ ขอวอนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช. ธปท. ฝ่ายค้าน และทุกพรรคการเมือง ร่วมมือกับรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นกับต่างชาติให้กลับมาให้ได้ ถ้ายังขัดแข้งขัดขากันอยู่ประเทศจะกลับสู่วังวนเดิม มีรัฐบาลก็ไร้ความหมายถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ถึงจะกลายเป็นผลงานของพรรค พท.แต่อยากให้มองว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

เร่งเครื่องปรองดองไม่จับ นศ.ขังคุก

นายวรชัยยังกล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าว นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พบปะหารือกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯในประเทศไทยว่า จากข่าวดังกล่าวทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มหา อำนาจโลกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่เจรจา ถือเป็น ผลพวงจากการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เดินหน้าทำงานด้านต่างประเทศอย่างเต็มที่ และการเจรจาดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งของโลกและประเทศไทย เห็นแสงสว่างในการสร้างสันติภาพของโลกและในเอเชียที่ทะเลจีนใต้ ช่องแคบไต้หวัน และความรุนแรงในเมียนมา การหารือครั้งนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและการลงทุน จากนี้เราจะเห็นผู้นำหลายชาติเดินทางเข้าเจรจากับไทยและจะมีนักธุรกิจตามมาด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องในประเทศของไทยเองต้องทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ลดความขัดแย้งสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะคดีต่างๆที่เกิดขึ้นจากความเห็นต่างทางการเมือง บรรดานักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในตอนนี้ เราต้องไม่จับนักศึกษาติดคุก นิรโทษกรรมให้คนไทยในคดีการเมืองทุกคน เพื่อทำให้เห็นว่าประเทศไทยวันนี้มีแต่ความรักความสามัคคี นี่คือหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาทุกอย่างของไทย และเปิดเวทีรับต่างชาติเข้ามาทั้งใช้สถานที่ในการเจรจาระดับโลกและลงทุนการค้ารวมถึงการท่องเที่ยว และจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันประเทศก้าวทันโลกและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยทุกคน

ปชป.ยันไม่นิรโทษเหมาเข่งแบบ ก.ก.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมว่า พรรค ปชป.เห็นด้วยถึงความจำเป็นตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมาเพื่อพิจารณา แต่จำเป็นต้องแยกให้ชัดว่า คดีประเภทใดที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมืองความคิด ด้วยความละเอียดรอบคอบ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของพรรคก้าวไกล บรรจุในระเบียบวาระประชุมสภาฯในวาระแรก ที่พรรค ปชป.ไม่เห็นด้วย ทั้งการกำหนดความผิด อำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดบุคคลได้รับนิรโทษที่จะรวมคดีเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ที่หลักความเป็นจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องแนวความคิดไม่มีมูลเหตุจูงใจในทางการเมืองที่จะนำไปสู่การนิรโทษ แต่เป็นการตั้งใจกระทำความผิดโดยมีมูลเหตุจูงใจมาจากวาระที่ซ่อนเร้นมากกว่า รวมถึงคดีทุจริต คดีอาญาวางเพลิงเผาทรัพย์ และความผิดทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาร้ายแรง ที่สุดแล้วร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมในทางอาญาทั้งระบบแน่

สิ้นหวังรัฐบาลเตะถ่วงแก้รัฐธรรมนูญ

นายราเมศกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า พรรคมีจุดยืนชัดเจนตลอดต้องแก้ไขให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในหมวด 1 และ 2 ส่วนของการได้มาของ ส.ส.ร.ต้องมีจำนวน 200 คน เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนแต่ละจังหวัด 150 คน อีก 50 คน เลือกตั้งกันเองในกลุ่มผู้มีประสบการณ์ และนักวิชาการ สำหรับความเห็นของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ ที่มีรายงานผลการพิจารณาศึกษาในเรื่องระบบเลือกตั้ง และแนวทางการทำงานของ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งต้องยอมรับว่า อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภา เชื่อว่าหากทุกพรรคเล็งเห็นที่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นไม่เป็นการยากที่พูดคุยกันให้ตกผลึก ในส่วนของรัฐบาลประชาชนคงสิ้นหวัง ไม่มีความคืบหน้า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นต้องมีแนวคิดและจุดยืนที่ชัดเจน ถ้าตั้งขึ้นเพื่อถ่วงเวลาในกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องรับผิดชอบที่เคยให้สัญญาไว้กับประชาชน

“ต๋อม” ปลุกด้อมนครฯทลายกำแพง

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่หมู่บ้านหลังโรงแรมจินเฮง ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. นายสมชาย ฝั่งชลจิต สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค ภาคใต้ ลงพื้นที่พบปะประชาชน เตรียมความพร้อมเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช แทนนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดง โดยมีสมาชิกพรรคและชาวบ้านเข้าร่วมอย่างคึกคัก นายชัยธวัชกล่าวปราศรัยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นเพราะพื้นที่แห่งการเปลี่ยนแปลงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่พื้นที่ทางการเมืองแบบเก่าของผู้มีอำนาจมันหดแคบลงเรื่อยๆจนเขาต้องออกคำวินิจฉัยเพื่อสร้างกำแพง เพื่อสกัดกั้นการเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากนี้เราต้องรวมตัวกันประกาศว่าเราไม่กลัวกำแพงนี้ และเราจะทำลายข้ามกำแพงนี้ไปด้วยกัน สถานการณ์ทำนองนี้ ปลายปี 2562-2563 เราเคยเจอมาแล้วกับพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่รู้สึกสิ้นหวังมืดมน วันนี้ตีข่าวบอกว่าก้าวไกลจะถูกยุบ มีแต่คนบอกว่าถ้ายิ่งยุบคราวหน้าก้าวไกลหรือชื่ออะไรไม่รู้แลนด์สไลด์แน่นอน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวั่นไหวมีแต่พวกเขาที่ต้องกลัวพวกเรา กลัวกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ปลุกมัดกันแน่น ใครโกรธแค้นให้สมัครสมาชิกเพิ่ม

ลั่นใช้ ลต.ซ่อมสะท้อนกลับผู้มีอำนาจ

นายชัยธวัชกล่าวว่า หลังจากนี้ไปไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นผู้บริหารพรรคแกนนำพรรค เราพร้อมรับทุกสถานการณ์ สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคต้องมัดกันให้แน่น ทำความเข้าใจสถานการณ์ พูดกันปากต่อปากว่า ไม่ต้องหวั่นไหวชัยชนะอยู่กับพวกเราในที่สุด การมัดกันแน่นนั้นคือ การที่สมาชิกพรรคผู้สนับสนุน โหวตเตอร์แต่ละอำเภอจับกลุ่มทำความเข้าใจ จังหวัดไหนยังไม่มีสมาชิกพรรคมากพอ บอกเลยในสถานการณ์แบบนี้ ใครโกรธแค้น ใครไม่พอใจคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แสดงออกโดยการสมัครสมาชิกเพิ่ม เพื่อยืนยันว่ายังอยู่กับก้าวไกล มีสมาชิกพรรคเสร็จปุ๊บ รวมตัวกันเลือกตั้งตัวแทนพรรคระดับอำเภอระดับตำบล ตั้งกรรมการระดับจังหวัด ทุกคนมีกลุ่มไลน์ มีคอนแทกต์ ติดต่อกันให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ มัดรวมกันไปข้างหน้าเตรียมพร้อมทางการจัดตั้ง แล้วเดินหน้าไปด้วยกัน อยากบอกพี่น้องชาวนคร ศรีธรรมราช และภาคใต้ว่า เดินหน้าไปด้วยกันในกลางปีนี้ ศึกแรกเลือกตั้งซ่อมเขต 8 เราจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรต่อผู้มีอำนาจในประเทศนี้ รู้สึกอย่างไรว่าเรากลัว เราท้อเราถอย จริงหรือไม่ แสดงให้เห็นผ่านการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 ว่าเราไม่กลัว เราไม่หยุด เราจะผลักดันความคิด ความฝันความเชื่อของพวกเราต่อไปผ่านคูหาเลือกตั้งให้ได้ เอาชนะการเลือกตั้งเขต 8 ให้ได้

นัดพรรคฝ่ายค้านถกคิวซักฟอก รบ.

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ประธานคณะกรรม การประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการขับเคลื่อนการทำงานของพรรคในฐานะฝ่ายค้านหลังจากนี้ว่า การทำงานของพรรคยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเตรียมพร้อมข้อมูลในการอภิปรายต่างๆ ส่วนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงเวลาใดนั้นต้องมีการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคในช่วงกลางเดือน ก.พ.คงได้ข้อสรุปตอนนั้น เพราะต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายพรรค

ไม่หวั่นเสียมวลชนโดนบล็อกแก้ 112

เมื่อถามว่าจะทําอย่างไรไม่ให้สูญเสียมวลชนที่สนับสนุนพรรค ในเรื่องแนวทางเกี่ยวกับมาตรา 112 หลังจากนี้ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า มองว่าไม่เกี่ยวกัน ที่ผ่านมาเรายืนยันเรื่องนี้กับมวลชน แต่ก็ยังมีคนเลือกพรรคเราจำนวนมาก จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่ทำให้เสียมวลชน เราก็ยังมุ่งหน้าทำงานต่อไป ส่วนข้อจำกัดที่เกิดขึ้นต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายและกรรมการบริหารพรรควิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ต้องการให้พรรคขับเคลื่อนนโยบายหลักๆของพรรคต่อ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เราก็รับฟังทุกข้อเสนอ แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้รอบด้านก่อน

“ธนกร” เตือนสติให้น้อมรับคำสั่งศาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชัดแล้วว่า นโยบายเสนอแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ยังพบว่าทั้งพรรค ก.ก.รวมถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อพรรค ก.ก. และ 9 องค์กรนักศึกษาที่ออกมาแสดงความเห็นตำหนิตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันทุกองค์กร การก้าวล่วงถือเป็นการละเมิดมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ มั่นใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ การนำเครือข่ายออกมาเคลื่อนไหววิจารณ์การทำหน้าที่ของตุลาการ เปรียบเหมือนเป็นการไม่ยอมรับกฎหมาย ขอให้ทบทวน และเลิกการกระทำหยุดใช้วาทกรรมบิดเบือน

“วิโรจน์” ลั่นไม่อุ้ม สส.ปลอม สด.43

อีกเรื่องกรณีการตรวจสอบใบ สด.43 เอกสารผ่านการเกณฑ์ทหารของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) วันเดียวกัน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณีตรวจสอบการตรวจเลือกทหารของ สส. พรรค ก.ก.ว่า ยืนยันไว้ตรงนี้ว่า กรณีใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก. มีจุดยืนในความถูกต้อง และไม่ปกป้องนายจิรัฏฐ์อย่างแน่นอน และขอให้ พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ขยายผลการตรวจสอบร่วมกับ กมธ.การทหารอย่างเต็มที่ เบื้องต้น กมธ.ทหารมีมติให้ส่งสำเนาใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ให้กับ ผบ.นรด.ตรวจสอบว่า ลายเซ็นของนายทหารระดับนายพันที่ปรากฏในใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ มีตัวตนในกองทัพจริงหรือไม่ ชื่อว่าอะไร และปรากฏในใบ สด.43 ในการตรวจเลือกทหาร ณ เวลานั้นหรือไม่ และตรวจสอบต้นขั้วใน สด.เล่มเดียวกันด้วย ถ้าพบไม่ถูกต้องต้องสืบสวนต่อว่าใครเป็นคนทำปลอมขึ้นมา แต่ถ้าชื่อนายพันเป็นของจริง เนื้อกระดาษมาจากโรงพิมพ์ทหาร มีความเก่าอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงว่าคนที่ทำปลอมขึ้นมาคือคนในกองทัพเอง และต้องถูกดำเนินคดีในลำดับแรก ถ้ามีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่านายจิรัฏฐ์เป็นคนจ้างวานหรือสนับสนุนให้ปลอมต้องถูกดำเนินคดีในลำดับถัดไป

ปูดออก สด.43 ปลอมใบละห้าหมื่น

นายวิโรจน์โพสต์ต่อว่า หากสิ่งที่นายจิรัฏฐ์พูดนั้นเป็นความจริง คือได้ทำตามคำแนะนำของสัสดีทุกอย่างรับใบ สด.43 จากมือสัสดีในสถานที่ราชการ ประชาชนโดยทั่วไปย่อมต้องเข้าใจว่าเป็น สด.43 ที่ถูกต้อง ถ้าเป็นใบ สด.43 ก๊อปเกรดเอประชาชนที่ไหนจะไปรู้ว่าของปลอม เพราะเจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำปลอมให้ เท่ากับว่ามีสัสดีบางคน บางกลุ่มของกองทัพ ฉ้อโกงหลอกขายประชาชน ตนได้รับข้อสงสัยจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่า แต่ละปีมีสัสดีจำนวนไม่น้อยนำใบ สด.43 มาหลอกขายให้ประชาชน ลายเซ็นของนายทหารเป็นลายเซ็นจริง จากคำครหาระบุว่า ราคาก๊อปเกรดเอแพงถึงใบละ 50,000 บาท และส่งต่อผลประโยชน์ให้กับนายทหารระดับสูงเป็นทอดๆด้วย ประเมินเบื้องต้นว่า น่าจะอยู่ราวๆปีละไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท มหาศาลทำกันมาต่อเนื่องหลายสิบปีแล้ว เป็นขุมทรัพย์ลึกลับดำมืดควรถูกกระชากให้ออกมาจากใต้พรมเสียทีว่ามีจริงหรือไม่ ส่วนที่ประชาชนรู้เห็นเป็นใจด้วย เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไปดำเนินคดีกับผู้จ้างวานหรือสนับสนุน ทั้งได้แจ้งกับนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมแล้ว กมธ.จะมีอาสาสมัครไปตรวจสอบ บันทึกคลิป ในกรณีที่สัสดีพูดหว่านล้อมตะล่อมเรียกรับผลประโยชน์ขายใบ สด.43 และจะส่งมอบหลักฐานให้กับกระทรวงกลาโหมเพื่อดำเนินการ ทั้งจะชี้เบาะแสการทุจริตให้ ป.ป.ช.ไต่สวนชี้มูลและสั่งฟ้อง

มท.1 ตรวจตลาดนัดแก้หนี้ อ.ปากช่อง

ที่หอประชุม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ตามโครงการตลาดนัด แก้หนี้จังหวัดนครราชสีมา มีนายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ นายกองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนธนาคาร เข้าร่วม โดยในพื้นที่ อ.ปากช่อง มีลูกหนี้ผู้ลงทะเบียนแก้หนี้ 341 ราย เจ้าหนี้ 202 ราย มูลหนี้รวม 42,755,690 บาท สามารถนำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยไปแล้ว 74 ราย คิดเป็น 21.70% การจัดตลาดนัดแก้หนี้ครั้งนี้ได้นัดหมายลูกหนี้กับเจ้าหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ยจำนวน 24 คู่ ทั้งนี้ จ.นครราชสีมา มีลูกหนี้ผู้ลงทะเบียนแก้หนี้ ทั้งสิ้น 4,796 ราย เจ้าหนี้ 3,689 ราย มูลหนี้รวม 403,514,424 บาท ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้ 2,192 ราย สำเร็จไปแล้วรวม 739 ราย มี 2 อำเภอ ที่ไกล่เกลี่ยสำเร็จครบ 100% ได้แก่ อ.บัวใหญ่ และ อ.แก้งสนามนาง

“ธรรมนัส” มอบโฉนดที่ดิน ส.ป.ก.5 ราย

ที่วัดนามูลพุทธาวาส บ้านนามูล หมู่ 7 ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำคณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาของ สมาชิกสหกรณ์นิคมดงมูล และมอบโฉนดที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 5 โฉนด ให้กับเกษตรกร 5 ครอบครัว ในพื้นที่ ต.หนองกุงใหญ่ อ.กระนวน ที่เดือดร้อน ถูกกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ต่อสู้เรียกร้องขอเอกสารสิทธิ ในที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่เสื่อมโทรมที่ไม่สามารถจะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม ได้ตามมติ ครม.ปี 2513 และปี 2517 และขอออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเป็นโฉนดตามกฎหมายที่ดินตามที่ดินเพื่อการครองชีพ มาตั้งแต่ปี 2533

“สุทิน” ขึ้นเบี้ยดำรงเกียรติทหารผ่านศึก

ที่ รพ.ทหารผ่านศึก นายสุทิน คลังแสง รมว. กลาโหม กล่าวถึงการดูแลสวัสดิการทหารผ่านศึกเนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 ก.พ. ว่า ได้ตั้งคณะทำงาน ศึกษาและปรับปรุง เรื่องสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับ ในระดับกลางจนถึงชั้นผู้น้อย รวมถึงทหารผ่านศึกด้วย มี ผบ.ทหารสูงสุดเป็นประธาน รัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมมีนโยบายที่จะส่งเสริมรายได้ ทั้งทางตรง และทางอ้อม ทางอ้อมคือเป็นการส่งเสริมอาชีพ และอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทหารผ่านศึกต้องการคือเบี้ยดำรงเกียรติ อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเข้าสภาฯ เมื่อกฎหมายผ่านทหารผ่านศึกทุกคนจะได้คนละ 2,000-3,000 บาท หากใช้งบฯก้อนใหญ่หลายคนอาจไม่เห็นด้วยแต่เรามีสูตร การจ่ายเงินอาจจะเป็นขั้นบันไดไป เชื่อว่าถ้าอยู่ครบ 4 ปี จะเห็นเป็นรูปธรรม

“บิ๊กโจ๊ก” กล่อมม็อบกลับบ้านสำเร็จ

ที่หน้ากระทรวงการคลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้ไปพบกับนายยศวัจน์ ชัยวัฒน สิริกุล อดีตผู้แทนเกษตรกรภาคกลาง และนายดรณ์ พุมมาลี อดีตผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ เป็นครั้งที่สองเพื่อหารือกรณีที่เรียกร้องขอให้ชะลอการนำเสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการที่ได้เลือกตั้งแล้วเสร็จไปในวันที่ 16 ม.ค. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ นายสุภาพ คชนูด ผู้สมัครเป็นผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ ได้ยื่นฟ้อง ศาลปกครอง คัดค้านผลการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกร 4 ภาค จนศาลปกครองนครศรีธรรมราชให้ระงับการแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในส่วนของภูมิภาคที่ 4 (ท้องที่จังหวัดภาคใต้) ไว้ชั่วคราวก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์รับปากจะนำข้อเรียกร้องและประเด็นข้อกฎหมายเข้าไปหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ในวันที่ 5 ก.พ. เพื่ออำนวยความเป็นธรรม แก่เกษตรกร ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจพากันเดินทางกลับภูมิลำเนา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่