ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ฉากทัศน์ทางการเมืองจะวนกลับ มาที่เดิมเหมือน “อนาคตใหม่” ที่ถูกยุบไปหรือไม่?
อีกไม่นานคงได้รู้กัน!
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค “ก้าวไกล” และ พรรคก้าวไกลมีความผิดฐาน
เป็นปฏิปักษ์และล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข เพราะมีนโยบายในการหาเสียงให้แก้ไข ม.112
เนื่องจากคำสั่งศาลเป็นที่สุดและมีผลต่อทุกองค์กร
ดังนั้นจึงส่งผลต่อเนื่องไปถึง 2 กรณีคือ ยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองผู้ที่เกี่ยวข้อง
เรื่อง “ยุบพรรค” นั้นได้มีการยื่น คำร้องไปยัง กกต.ไปแล้ว เพื่อให้ส่งผ่านไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย “ยุบพรรค” ก้าวไกล
หากผลออกมาว่า “ยุบพรรค” ผลก็คือ หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองทันที
สส.ก็ต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดตามกำหนด มิฉะนั้นจะต้องพ้นจากสมาชิกภาพ
อีกประเด็นก็มีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการยื่นคำร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อ พิจารณาเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง สส.ก้าวไกลจำนวน 44 คน ซึ่งได้ลงในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112
ปมนี้เรียกว่าแจก “ใบดำ” หากพบว่ามีความผิดก็จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ถือว่ามีความร้ายแรงไม่ต่างกับการ “ประหาร” ในทางการเมือง
ด้วยสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น ถนนทุกสายจึงพุ่งไปที่ “ก้าวไกล” ว่าจะแก้ปัญหาและดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ที่เห็นและเป็นไปคือ การประกาศที่จะสู้ต่อไปทุกรูปแบบ
...
ด้านหนึ่งในเว็บของพรรคได้ลบ ประเด็นการแก้ไข ม.112 ในส่วนนโยบายของพรรคออกไปแล้วเพื่อหวังผลด้านกฎหมาย หมายความว่า “ก้าวไกล” หยุดแล้ว เรื่องนี้อย่างที่บอกว่าไม่ได้มีเจตนาล้มล้างเพราะจะต้องไปสู้ในแง่มุมกฎหมายอีก 2 ด่าน
ขณะเดียวกันก็คงเตรียมหาพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งน่าจะมีแล้วเพื่อให้ สส.มีพรรคใหม่สังกัดและเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป
เป็นหนทางที่ดีที่สุดในยามนี้
ส่วนที่มีข้อเสนอให้ “ก้าวไกล” เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้ก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ หรือเลยไปถึงให้ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อเป็นการแก้เผ็ดหรือตอบโต้
แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ “ก้าวไกล” ยังคงไม่ผลีผลามเดินเกมนี้เพราะมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขเฉพาะหน้าและการต่อสู้ในทางการเมืองอยู่
อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะนอกจากพรรคการเมืองอื่นๆไม่เอาด้วยแล้ว แล้วยังมี 250 สว.เป็นก้างขวางคอด้วย
พูดง่ายๆว่าไม่มีทางสำเร็จ
ว่าไปแล้ว “ก้าวไกล” น่าจะรับรู้สถานการณ์และความเป็นไปทางการเมืองหลังจากที่ “พิธา” ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี และ “ก้าวไกล” ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลเนื่องจากประเด็น ม.112
สัญญาณมันบอกตั้งแต่ตอนนี้แล้ว
การที่ “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาลพิเศษสลายขั้วการเมือง โดยนำพรรค “2 ลุง” เข้ามาร่วมก็คือความชัดเจนแล้วว่าต้องการ “โดดเดี่ยว” ก้าวไกลออกจากวงจรอำนาจ
นั่นคือดาบที่ 1
จนมาถึงดาบที่ 2 คือการยุบพรรคเพื่อตอนไม่ให้โตไปมากกว่านี้ ทำให้แกนนำ คนสำคัญๆต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองทั้งระยะสั้นและตลอดชีวิต
ไปลิดรอนอำนาจและบ่อนเสาะหวังทำลายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ก็เลยถูกตลบหลังในสถานการณ์ที่เป็นต่อทุกด้าน!
“ลิขิต จงสกุล”