ประเทศไทยสอบตกซํ้าซาก ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ผลการสำรวจครั้งล่าสุด 2566 อันดับและคะแนนยังทรุดลงอีก จากผลการศึกษาขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ (ทีไอ) ไทยได้อันดับที่ 108 จากทั้งหมด 180 ประเทศ ได้ 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 ลดลงจาก 36 คะแนน จากผลการศึกษา 2565

นับตั้งแต่องค์กรทีไอได้สำรวจดัชนีความโปร่งใสในประเทศไทยมานานนับทศวรรษ ไทยเคยได้คะแนนดีที่สุดในปี 2557 และ 2558 ได้ 30 คะแนน แต่ก็ยังสอบตกเรื่องการคอร์รัปชันอยู่ดี ปี 2566 ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดได้แก่ เดนมาร์ก ได้ 90 คะแนน ตามด้วยฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ และสิงคโปร์

องค์กรความโปร่งใสนานาชาติหรือทีไอ ซึ่งตั้งอยู่ที่เบอร์ลิน เยอรมนี ระบุว่าผลการศึกษาทั่วโลกพบว่ามีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของโลก ดัชนีการแก้ปัญหาโดยเฉลี่ยยังอยู่ที่ 43 ติดต่อกันมา โดยไม่เปลี่ยนแปลง มีประเทศที่ได้คะแนนตํ่ากว่า 50 ที่ถือว่าสอบตกถึง 2 ใน 3 ของโลก

ไม่ใช่สอบตกด้านความโปร่งใสเพียงอย่างเดียว แต่ผลการศึกษายังพบด้วยว่าแม้แต่ “ดัชนีนิติธรรม” ก็ยังทรุดตํ่า นิติธรรมเป็น 1 ในเสาหลักของประชาธิปไตย การที่ดัชนีนิติธรรมตกตํ่าแสดงว่าประชาธิปไตยของโลกก็ทรุดตํ่าหรืออยู่ในช่วงขาลง ประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้น

ประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยตรงหลายสิบฉบับ และมีองค์กรผู้บังคับใช้กฎหมายหลายสิบองค์กรเช่นเดียวกัน ทั้งที่เป็นหน่วยราชการปกติ เป็นองค์กรอิสระและศาล มีตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง เช่นเดียวกับองค์กร “นักร้อง” ที่ถูกล่อซื้อข้อหารีดเงิน

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เคยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ระบุว่าการทุจริตฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมไทย เพราะเรามีระบบการเรียกเก็บส่วยมาตั้งแต่ยุคโบราณ ที่มีการส่งข้าราชการออกไป “กินเมือง” ในหัวเมืองต่างจังหวัด ต้องรีดส่วยกินเอง เพราะเงินเดือนไม่พอยาไส้

...

ผลการสำรวจดัชนีความโปร่งใสของโลกครั้งล่าสุด แม้องค์กรผู้สำรวจก็ยังแสดงความท้อแท้ เพราะมีประเทศที่ “สอบตก” ได้คะแนนไม่ถึง 50 ถึง 2 ใน 3 ของ 180 ประเทศทั่วโลก หลายประเทศอาจสอบตกซํ้าซากเหมือนกับไทย แม้แต่ดัชนีนิติธรรมก็ทรุดตํ่า นักประชาธิปไตยทั่วโลกต้องลุกขึ้นมาปกป้อง.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม