เป็นไปตามความคาดหมาย ของบรรดานักวิเคราะห์การเมืองส่วนใหญ่ และเป็นไปตามความคาดหมายของพรรคก้าวไกล เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการรณรงค์แก้ไข ป.อาญา ม.112 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครอง อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ศาลไม่ได้สั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล ตามความคาดหมายของบางฝ่าย แต่ศาลสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง คือนายพิธากับพรรคก้าวไกล ให้เลิกการกระทำ เนื่องจากเป็นผู้เสนอให้แก้ไข ป.อาญา ม.112 ทั้งใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา และยังกระทำอย่างต่อเนื่อง จึงต้องสั่งให้ยุติ

คำวินิจฉัยของศาลระบุว่าการแก้ไข ม.112 เป็นการเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่เหนือการเมือง ให้เป็นการเมืองเพื่อเอาชนะในทางการเมือง ทำให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นคู่ขัดแย้ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญม.6 ที่ระบุว่าองค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

คอการเมืองส่วนใหญ่อาจเชื่อว่า คดีนี้น่าจะยังไม่ยุติ อาจมีผู้ร้องให้ยุบพรรคต่อไป เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดแล้วว่า มีการล้มล้างการปกครอง แม้จะยังไม่สำเร็จ แต่อาจมีการร้องให้ยุบพรรคตามกฎหมายการเลือกตั้ง ม.92 ในข้อหาล้มล้างการปกครองฯ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

แต่ผู้ถูกร้องคือนายพิธากับพรรคก้าวไกล อาจต่อสู้ว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า การแก้ไข ม.112 เป็นการล้มการปกครองฯก็ตาม แต่ยังไม่สำเร็จ ประเด็นนี้อาจเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันต่อไป ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายเสรีนิยม ที่ยึดมั่นหลักการที่ว่ากฎหมายที่คนทำมา คนก็ต้องแก้ไข

เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นสำคัญ ในการแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฝ่ายเสรีนิยมอาจเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา หลังจากที่ 250 สว.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร คสช. จะต้องครบวาระและพ้นจากตำแหน่ง ในเดือนพฤษภาคมนี้ อาจมีผู้เสนอให้เขียนให้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ จะเอาไงกันแน่

...

ผู้ที่ยึดมั่นในหลักการ กฎหมายที่คนตราขึ้นมาโดยชอบด้วยวิถีทางรัฐธรรม นูญ และมอบให้อำนาจนิติบัญญัติเป็นผู้ออกกฎหมาย แก้กฎหมาย หรือยกเลิกกฎหมาย ย่อมจะสามารถทำได้ แม้แต่รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ก็สามารถแก้ไขได้ ในประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศ นี่คือประชาธิปไตย.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม