สภาพสังคมป่วยวิปริต สลดหดหู่จิตตกกันไปตามๆกัน

ข่าวคราวอาชญากรรมที่เกิดขึ้น นับวันยิ่งพัฒนาไปในทางเลวร้าย สะท้อนภาวะเสื่อมทรามของจิตใจที่ไม่ได้พัฒนาขึ้น

ที่หนักกว่าคือผู้บังคับใช้กฎหมาย กลายเป็นโจรผู้ร้ายเสียเอง ตำรวจระดับสัญญาบัตรขืนใจเด็ก ม.5 ตั้งแต่หัววันก่อนเข้าเรียน ใช้เล่ห์เหลี่ยมโขกสับ เรียกค่าปรับ 2,000 บาท ข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก

เด็กวัยนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่มีเงินติดตัวมาจ่ายค่าปรับขนาดนั้นแน่ ข่มขู่ คุกคาม ก่อเหตุอุกอาจขืนใจแลกค่าปรับสังคมจะอยู่กันยังไง ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน แม้แต่สิทธิมนุษยชนยังโดนปล้นกลางแดด

ต้องยกเป็นปัญหาระดับชาติ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง อย่ามุ่งแต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ภัยสังคมใกล้ตัวประชาชน ถ้าไม่จัดการให้เหมาะสมอาจลามหนักบั่นทอนเครดิตรัฐบาลอย่างไว

จริงอยู่แม้ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจวิกฤติซบเซา แต่ก็เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขก่อน จะรอให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาคงไม่ทัน ถึงตอนนั้นสังคมคงเละเทะไปแล้ว

ครั้นดูโรดแม็ปเส้นทางแก้ไขเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังเจอแต่ทางวิบาก ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายทาง

ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม เวชยชัย

...

มองมุมหนึ่งก็น่าเห็นใจ ตามที่ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย บอกรัฐบาลเข้าสู่อำนาจมาในจังหวะวิกฤติเศรษฐกิจซบเซาซึมลึก งบประมาณไม่มี

ดังนั้น น่าจะได้ทำงานแบบจริงๆจังๆตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 เป็นต้นไป

ไอ้ที่คาดหวังจะกู้เงินมาบริหารจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ก็เจออุปสรรคตลอดเวลา

ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้กับนโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกเงิน 10,000 บาทให้ประชาชน ส่อเค้าไม่ผ่าน หรือล่าช้ากว่ากำหนดแน่นอน

หลังมีเอกสารหลุดจากคณะทำงานเฉพาะกิจ ที่ ป.ป.ช.ตั้งขึ้นมาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล

เนื้อหาถล่มโจมตี ด้อยค่าแหลกลาญ พร้อมแนบคำสั่งสอนมาให้ด้วย

แต่พอเป็นข่าวไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่ารายงานผลศึกษานั้นไปไหนต่อ ส่งให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่แล้วไม่มีอะไรในกอไผ่เงียบไปเฉยๆ จบไปดื้อๆ

อุตส่าห์ทำมาขนาดนี้ก็ควรส่งต่อให้รัฐบาลอย่างเป็นทางการ ทำขัดๆเขินๆ เงียบไป คนนินทา แค่หลอกด่าฟรี

ขณะที่ “รองอ้วน” แอบแค้นจับใจ บอกกลับไปเป็นแค่ข้อควรระวังพึงสังวรไว้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำตาม

แต่แม้ใจจะบอกว่าอย่าไปสนใจ แต่ก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อเสียงขององค์กรอิสระ ที่มีอำนาจให้คุณให้โทษได้

บอกขนาดนี้แล้วไม่แก้ ก็โดนคว่ำแน่ เลยต้องเสียเวลาเปลี่ยนแผนใหม่หมด

“นิด้าโพล” ถามประชาชนแล้วเข้าใจ ไม่โกรธรัฐบาลถ้าดิจิทัลวอลเล็ต ล่าช้า หรือแม้แต่จะยกเลิก แต่ไม่บอกว่าเพราะอะไร เพราะไม่คาดหวังเชื่อมั่นรัฐบาลอยู่แล้ว หรือเห็นใจรัฐบาลที่เจออุปสรรค

แต่ “นายกฯนิด” และพรรคเพื่อไทยยืนยันเดินหน้าจนสุดทาง เพราะประชาชนเลือกมาสั่งให้ทำ

ไม่ถอย ไม่ขัดขืน แต่แสดงออกว่าไม่ยอมรับองค์กรอิสระ

ไม่ต่างกับพรรคเพื่อนบ้านค่ายส้ม “ก้าวไกล” ที่กำลังตั้งป้อมเผชิญหน้าองค์กรอิสระด้านกฎหมายเหมือนกัน

วันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย คดีพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขมาตรา 112

และใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่

พลพรรคก้าวไกลแสดงออกกลายๆ ไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาที่แปรเจตนาไปจนผิดเพี้ยน

โชว์อารยะขัดขืนไม่ไปฟังคำตัดสินให้เสียเวลา ขออยู่สภาทำงานตามหน้าที่ที่ประชาชนสั่งดีกว่า

ปิยบุตร แสงกนกกุล
ปิยบุตร แสงกนกกุล

“อ.ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เคยบอกไว้ เจตนาแรกเริ่มเราสร้างศาลรัฐธรรมนูญมาเพื่อตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่นานวันไปก็เพิ่มอำนาจแปลกใหม่ ทั้งยุบพรรค ตัดสิทธิ

หลังการรัฐประหารปี 2557 จนมีรัฐธรรมนูญปี 2560 สว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะเป็นผู้เคาะว่าใครได้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

แม้ฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะพยายามแก้ไขปรับรื้อองค์กรอิสระเรื่อยมาแต่ก็ไร้ผล

และวันนี้เป็นอีกครั้งที่คำตัดสินเป็นโทษต่อฝ่ายเลือกตั้ง และอาจนำไปสู่การยุบพรรครอบใหม่

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเจตนาการกระทำของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

พร้อมสั่งให้ยุติทุกความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับมาตรา 112 ไม่ว่าแก้ไข ยกเลิก หรือแม้แต่แสดงความเห็น

มาตรา 112 เปรียบเหมือนกล่องดวงใจ สัญลักษณ์ก้าวไกลไปแล้ว

วัดใจว่าจะลุยไฟเดินหน้าท้าทายให้ยุบพรรคทันที

หรือชะลอตั้งหลักสับเปลี่ยนบุคลากร หรือจะเลือกยอมแพ้ยกธงขาว.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม