สารตั้งต้นจากคำวินิจฉัยคดีร้องเรียน พรรคก้าวไกล เสนอยกเลิก ม.112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียงของ ศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นก้าวแรกของ ชนวนการเมือง ที่จะผูกพันไปถึง เสถียรภาพของรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะยุบไม่ยุบก็ขึ้นอยู่กับข้อ วินิจฉัยของ กกต. ในฐานะมีหน้าที่จัดการการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมตาม กฎหมาย ซึ่งต้องมองข้ามช็อต การร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต. ให้พิจารณาว่า การรับบริจาคโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเงินผิดกฎหมาย ที่มีผลพวงมาจากคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีถือหุ้นบริษัทเอกชนของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคมและอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายยุบพรรคเช่นกัน
จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้
สมมติมีคำวินิจฉัยให้ยุบทั้งก้าวไกลและภูมิใจไทย ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลไปเกิดใหม่กันเป็นแถว กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งสส.เขตกันใหม่บานตะไท จำนวนเสียงของฝ่ายค้านและรัฐบาลก็จะระส่ำไปด้วย แล้วถ้าเกิดก้าวไกลแรงจริงตามที่โพลสำรวจความเห็นชาวบ้าน ทีนี้แหละว้าวุ่นเลย
ก็เลยมีการสรุปกันล่วงหน้าว่า ก้าวไกล ก็จะไม่ถูกยุบ ภูมิใจไทย ก็จะไม่ถูกยุบ ถูๆไถๆกันไปก่อน เพราะถ้ายุบแล้วบ้านเมืองจะวุ่นวาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาฟันธงว่า ก้าวไกลยิ่งยุบก็ยิ่งโต ที่น่าสังเกตคือ ก้าวไกล จะไปโต ในภาคใต้ มากที่สุด รองลงมาเป็น กทม. ภาคกลาง และ ภาคอีสาน ที่ไม่โตคือ ภาคเหนือ เพราะฉะนั้น ฝั่งอนุรักษ์ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ จะได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะ ประชาธิปัตย์ ว่ากันว่าแทบจะสูญพันธุ์
ถึงตอนนั้นใครจะเป็นแกนนำรัฐบาล ยังไม่รู้ แต่ระยะนี้กลับมีการพูดกันหนาหูว่า เก้าอี้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน จะสั่นคลอนไปจนกว่าจะครบวาระของ สว.ชุดปัจจุบัน เริ่มนำร่องจากการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลจะมีการออกมาทวงสัญญาอะไรกันไว้ ระดับท็อปซีเคร็ต ประเด็นนักร้องกับนักการเมืองแค่น้ำจิ้ม ถ้าจะเขย่าเก้าอี้ เศรษฐา ก็ต้องเขย่ากันตอนที่ สว.ยังอยู่ในวาระ จะครบวาระปลายเดือน พ.ค. เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ต้องจับขึ้นเขียงเชือดให้เรียบร้อย
...
มีข่าวลือการปรับ ครม.ทุกวัน คนปล่อยข่าวก็ปล่อยไป คนปฏิเสธข่าวก็ปฏิเสธไป สุดท้ายก็จะนำไปโยงกับการขอพักโทษของ ทักษิณ ชินวัตร ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือน ก.พ.นี้เสียด้วย
บางข่าวก็อ้างว่า มีการประเมินผลงานของ ครม.ชุดนี้แล้ว ไม่ผ่าน บางแหล่งข่าวก็บอกว่า วีซ่าหมดอายุ บางข่าวก็อ้างว่า ผู้มีอำนาจไม่พอใจเรื่องการทำงาน ไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวมากเกินไป แล้วแต่จะสรรหาเหตุผลกันมา
ที่มีจริงอยู่เรื่องเดียวคือ เก้าอี้ รมต.มีแค่ 35 ตำแหน่ง แต่คนจะรอคิวเป็น รมต.เป็นร้อย
กระทรวงเศรษฐกิจถูกโฟกัสมากที่สุด รองลงไปเป็นกระทรวงความมั่นคง โจทย์ยาก ดิจิทัลวอลเล็ต และเรือดำน้ำจีน ยังคาราคาซังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มีแต่เส้นสาย แต่ไม่มีบารมี เดินต่อไปยาก
จิ้งจกทักยังต้องฟัง ครึ่งปีถ้าผลงานไม่เข้าตากรรมการ สารตั้งต้นทำงาน ก็ตัวใครตัวมัน.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม