“ต้องกวาดบ้านตัวเองให้สะอาด...” “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศอย่างองอาจหลังจากเกิดเหตุ “ตบทรัพย์” อธิบดีกรมการข้าว ปรากฏว่าทำกันเป็นขบวนการพันกันไปหมด จนทำให้เกิดความเสียหายไปทั้งกระทรวง

เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ได้แง่คิด 2 ประเด็น

1.บรรดานักร้องที่ดูเหมือนจะดี แต่คงไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว

2.พรรคการเมืองต่างๆจำไว้อย่าง การรับคนเข้าพรรคหรือแต่งตั้งให้ไปตำแหน่งทางการเมืองนั้น ต้องพิจารณาให้รอบคอบพลิกปูมประวัติให้ดี ไม่ใช่เห็นแค่ชื่อเสียงเรียงนามก็เอาแล้ว

ว่ากันถึงเรื่องนี้จากการติดตามความคืบหน้าไม่ได้มีตัวละครแค่ 3 คนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องทั้งระดับสั่งการและตัวเชื่อมพาดพิงไปถึงนักการเมืองและที่ปรึกษารัฐมนตรีก็มี

พูดง่ายๆว่าทำกันเป็นทีมเจาะไข่แดงแล้วแบ่งปันกัน

กระทรวงเกษตรฯนั้นมีเรื่องอื้อฉาวก่อนหน้านี้คือ “หมูเถื่อน” แม้มีตัวละครสำคัญๆที่พอจะดำเนินคดีได้

แต่ก็ยังไม่ค่อยจะแทบทะลุถึงเนื้อในว่าใครเป็นใครกันบ้าง คล้ายกับยังไม่สุด ทำให้เกิดความไม่ชัดเป็นเรื่องเป็นราวได้

ผมว่าต้องเป็นหน้าที่ของ “เจ้ากระทรวง” ที่จะต้องสะสางออกมาให้หมด เพราะมิฉะนั้นจะถูกมองว่าลูบหน้าปะจมูก

คือไม่เคลียร์...

แล้วก็มาถึงรายการ “ตบทรัพย์” ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องที่ถูกโยงพัวพันไปถึงคนหลายคนหลายกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่แค่นี้เท่านั้นมีการพูดกันว่าอีกหลายกระทรวงก็มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น

เอาเป็นว่ากระทรวงนี้ทำท่าจะ “เน่า” ก็สามารถพูดอย่างนั้นได้

“เจ้ากระทรวง” จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏ ไม่ใช่รายงานนายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว เพราะนายกรัฐมนตรีทำได้ก็แค่สั่งเท่านั้น

...

ที่ว่าอย่างนี้ก็ห่วงท่านรัฐมนตรีจะอยู่ไม่ได้ยาว เนื่องจากกระทรวงมีเหตุที่ไม่พึงประสงค์บ่อยครั้งทำให้รัฐบาลเสียไปด้วย

ทำอะไรก็รีบทำเสียวันนี้ยังไม่มีการปรับ ครม. แต่ในอีกเดือนข้างหน้าไม่แน่...

ความจริงแล้วคดี “ตบทรัพย์” นี้มีหน่วยงานหลายหน่วยงานได้ร่วมมือกัน ทำให้สามารถจับได้ “คาหนังคาเขา” และกำลังสาวโยงไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวอธิบดีและภรรยาที่รู้เรื่องดีและถูกกลุ่มตัวร้ายติดต่อเจรจา

ทำให้มีข้อมูลมากพอสมควรโดยเฉพาะใครร่วมขบวนการบ้าง

จากนี้ไปคงไม่ยากที่จะสอบไล่ไปถึงว่าใครเป็นใครบ้าง ที่สำคัญก็คือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองต้นสังกัดก็ไม่ได้ใช้อิทธิพลเข้ามาช่วยเหลือหรือบิดเบือนคดี

แค่ “ตำรวจ” เดินหน้าเต็มสูบก็ไม่น่าจะหลุดรอดไปได้

ดังนั้น การทำคดีจากนี้ไปคงจะคืบไปข้างหน้าและสามารถที่จะเปิดโฉมหน้าขบวนการนี้ว่าใครเป็นใครบ้าง

วางแผนกันอย่างไร?

หากคดีนี้ดิ้นหลุดไปได้ประเทศไทยเห็นท่าจะสิ้นหวังแล้ว

อย่างหนึ่งที่เห็นก็คือ ประเทศไทยนั้นการทุจริตประพฤติมิชอบด้วยวิธีการต่างๆนานายังไม่เคยลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด

มีแต่จะพลิกแพลงรูปแบบที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม