“ภูมิธรรม” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เยือน "ระนอง" เร่งผลักดันการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ หนุนเซ็น MOU มังคุดใต้ พร้อมรุกตลาดเอเชีย โกยเงินเข้าประเทศกว่า 65 ล้านบาท
วันที่ 22 ม.ค. 67 ณ ห้องราชาวดี ชั้น 3 โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ก่อนมีการประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง เพื่อเร่งผลักดันการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดระนอง และเป็นประธานการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซื้อขายมังคุด เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนด้านการตลาดสินค้ามังคุดของภาคใต้ เพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยเฉพาะยกระดับการส่งออก และการแปรรูป โดยนำนวัตกรรมมาใช้สร้างมูลค่า เป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจจากฐานรากให้เกิดความเข้มแข็ง ยกระดับเพิ่มมูลค่าสู่การส่งออก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า จังหวัดในภาคใต้มีศักยภาพในการผลิตที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ และสินค้าเกษตรประเภทผลไม้ที่มีคุณภาพ อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ ฯลฯ ตลอดจนศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่
...
วันนี้มีถึง 2 กิจกรรม ได้แก่ ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) ซื้อขายมังคุด 2 คู่ เกิดมูลค่ารวม 65 ล้านบาท (ปริมาณ 2,250 ตัน โดยเป็นมังคุดเกรดเอ 250 ตัน มูลค่า 25 ล้านบาท และมังคุดเกรดบี 2,000 ตัน มูลค่า 40 ล้านบาท)
ผลจากการ (MOU) ในครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันผลักดันเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นผู้ส่งออกในสินค้ามังคุดในพื้นที่ภาคใต้ โดยผลักดันช่องทางการจำหน่ายให้เหมาะสมสอดคล้องกับเกรดคุณภาพ และตลาดทั้งในประเทศและส่งออก รวมถึงการแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งนำมาสู่การดำเนินการที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเพิ่มการส่งออกมังคุดเกรดเอจากภาคใต้ (นครศรีธรรมราช) ไปประเทศจีน ผ่านกลไกของล้งไทย พร้อมขยายต่อไปสู่จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เพิ่มการส่งออกมังคุดเกรดบีจากภาคใต้ไปประเทศญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นอนุมัติให้นำเข้ามังคุดไทยโดยไม่ต้องอบไอน้ำ ซึ่งเป็นโอกาสของมังคุดไทย สำหรับจังหวัดระนองจะเป็นครั้งแรกในการส่งออกมังคุดไปประเทศญี่ปุ่น และเพิ่มมูลค่าให้มังคุดที่ไม่ได้มาตรฐานส่งออก โดยพัฒนาการแปรรูปเป็นขนม โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของทุกฝ่าย และพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ รวมถึงกรมที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกันผลักดันต่อไป ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกันทำงานเพื่อผลักดันให้เกิดผลสำเร็จในการลงนาม MOU
“การซื้อขายมังคุดในวันนี้ ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มเกษตรกรที่ได้เปิดตลาดมังคุดไปยังประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีนเพิ่มขึ้น ขอให้การลงนาม MOU ในวันนี้เป็นจุดเริ่มที่ดีในการร่วมมือกันระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ บริษัทผู้ส่งออก และทางมหาวิทยาลัยทักษิณ ในการพัฒนาคุณภาพมังคุดเพื่อขยายการค้าส่งออกต่อไปในอนาคต ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องเกษตรกร ผู้ประกอบการ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมมือกันผลักดันสร้างโอกาส ยกระดับสร้างรายได้ให้กับการค้าสินค้ามังคุดภาคใต้อย่างต่อเนื่องต่อไป โดยความท้าทายในวันนี้คือการที่เราเอาชนะธรรมชาติ โดยใช้ศักยภาพของพี่น้องเกษตรกร นักธุรกิจ ทำให้เกิดพลัง หวังว่าทั้งทูตพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการทำงานเชิงรุกคิดล่วงหน้า หาตลาดให้กับสินค้าเกษตร บอกเอกชนที่ทำการค้าขาย ชี้ช่องทางการตลาดทั้งภายใน และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ” นายภูมิธรรม กล่าว.