มีข่าวฮือฮาจากนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง ระบุว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กำหนดแผนเร่งด่วนจะแก้ปัญหานายพลล้นกองทัพ
ด้วยการลดนายพลในกองทัพลง 50 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 3 ปี!!
แต่ถ้าอ่านเนื้อข่าวให้จบครบถ้วนกระบวนความจะพบว่าอัตรานายพลที่จะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ในเวลา 3 ปี
คือตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงวุฒิพิเศษซึ่งเป็นตำแหน่งลอยๆ (คือลอยไปลอยมา) ซึ่งมีอยู่ราว 700 นาย ถึง 750 นายพล
หากลดไป 50 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเหลือนายพลตำแหน่งลอยคือที่ไม่มีงานประจำราว 300 ถึง 350 คน
ส่วนนายพลที่ครองตำแหน่งหลักและนายพลตำแหน่งคุมกำลังซึ่งมีอยู่อีก 1,300 นาย ยังต้องเต็มอัตราศึกเท่าเดิม
เพราะถ้าจะลดนายพลตำแหน่งหลัก ก็ต้องยุบเลิก หรือต้องลดหน่วยงานในสายการบังคับบัญชา
(ซึ่งบิ๊กทินคงไม่ห้าวหาญไปสั่งยุบหน่วยงานในกองทัพให้เกิดปัญหาลุกลามบานปลาย)
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการเป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่มาจากพลเรือนต้องผูกมิตรกับผู้นำเหล่าทัพเป็นเงื่อนไขสำคัญ
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องโชว์ให้เห็นว่า การเป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่มาจากพลเรือนไม่ใช่หัวหลัก หัวตอ
ต้องกล้าปรับเปลี่ยนกองทัพให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
การลดจำนวนนายพลล้นกองทัพ จึงเป็นเป้าหมายหลักที่ “นายสุทิน” ต้องทำให้เห็นผลภายใน 3 ปี
ซึ่งความจริงนโยบายลดจำนวนนายพลก็เป็นนโยบายที่ได้เริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ “ปลายยุคลุงตู่”
แต่จะเห็นผลชัดเจนในยุคลุงสุทิน!!
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าสูตรสำเร็จที่จะลดจำนวนนายพลใน 3 เหล่าทัพ ให้ได้ผลภายใน 3 ปี ซึ่ง “นายสุทิน” เตรียมเสนอที่ประชุมสภากลาโหม ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. ไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
...
คือจะจ่ายเงินชดเชยราว 7 แสนบาท สำหรับนายทหารชั้นนายพลที่สมัครใจเข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์
นอกจากได้รับเงินโบนัสก้อนโต ยังมีสิทธิรับบำเหน็จบำนาญตามระเบียบราชการเหมือนเดิม
โดยจะใช้งบอัดฉีดโครงการเออร์ลี่รีไทร์ 200 ล้านบาทต่อปี
หรือ 600 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
เพื่อให้จบก่อนรัฐบาลครบเทอม
“แม่ลูกจันทร์” เคาะเครื่องคิดเลขออกมาแล้ว เงินชดเชยปีละ 200 ล้านบาท จะสามารถลดอัตรานายพลในกองทัพได้ 285 นายต่อปี
หรือลดนายพลได้ถึง 857 นาย ภายใน 3 ปี
เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่าเท่าตัว!!
ถ้าฝันเป็นจริง ในปี 2570 หรืออีก 3 ปี จากนี้ไป
จะเหลือนายพลในกองทัพไทยเพียง 1,200 คน
เรียกว่าเปลี่ยนโฉมหน้ากองทัพไทยให้โลกตะลึง
ใครไม่เชื่อ...อย่าเพิ่งขัดคอ
ขอเวลาอีก 3 ปี เดี๋ยวบิ๊กทินจะทำให้ดู.
“แม่ลูกจันทร์”
คลิกอ่านคอลัมน์ "สำนักข่าวหัวเขียว" เพิ่มเติม