ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 เหมือนเนื้อในลอย สะเปะสะปะ จับต้องไม่ได้ ไม่ยึดโยงนโยบายเร่งด่วน อัดเงินดิจิทัล บอกว่าจะไม่กู้ แต่ก็ไม่มีตั้งงบประมาณในปีนี้ เพราะรอ พ.ร.บ.เงินกู้ แถมยังไปรวมกับอำนาจเก่า

วันที่ 3 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 11.26 น. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลุกกล่าวอภิปรายว่า ได้ฟัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่านคำแถลงงบฯ ทำให้นึกถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เพราะเต็มไปด้วยถ้อยคำสวยหรู นายกฯ คนก่อนก็อ่านแบบนี้ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ที่เป็นการแถลงแผนงานงบประมาณแบบกว้างๆ หากไปดูเนื้อใน พบว่าลอย สะเปะสะปะ จับต้องไม่ได้ 

โดยประเทศมีปัญหาวิกฤติ 3 ด้าน คือ วิกฤติรัฐธรรมนูญ ปากท้องประชาชน และปัญหาสังคม เมื่อไปดูแผนงานในแต่ละกระทรวง ก็พบปัญหาเต็มไปหมด ไม่สามารถวัดความสำเร็จจากนโยบายได้จริง ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปี เหมือนเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ พูดแบบนี้ไม่ได้โทษหน่วยงานราชการ เพราะรัฐบาลสั่งก็ต้องทำ รัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ข้าราชการเป็นผู้ตาม 

อีกทั้งก่อนจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เมื่อเดือนกันยายน 2566 ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดทำร่างงบฯ ใหม่ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเป้าหมายรัฐบาล แต่ 3 เดือนผ่านไป เมื่อมาดูร่าง พบว่าแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง


“อย่างน้อย พ.ร.บ.ฉบับนี้ ควรยึดโยงนโยบายเร่งด่วน แต่ก็ไม่ ทั้งที่รัฐบาลบอกว่ามีนโยบายเร่งด่วน เช่น นโยบายเร่งด่วนแก้ปัญหาหนี้สิน ในภาคเกษตร ภาคประชาชน ที่เมื่อดูเนื้อใน พบว่ามันเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้ตอบโจทย์ ที่หัวข้อสวยหรู แต่เนื้อในตอบไม่ได้” 

...

นายชัยธวัช ยังกล่าวต่อว่า รวมไปถึงเรื่องการเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน โดยเฉพาะค่าไฟ เพราะตอนนี้รัฐบาลผลักให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตต้องรับภาระ อีกทั้งยังไม่เห็นการตั้งงบประมาณในการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนนโยบายเติมเงินดิจิทัล ที่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่กู้ แต่ก็ไม่มีตั้งงบประมาณในปี 67 แน่นอนว่ารัฐบาลกำลังรอร่าง พ.ร.บ.เงินกู้เข้าสู่สภา

“งบประมาณปี 67 เหมือนเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ หลายเรื่องหน้าปกดูดี พอดูไส้ในไม่ได้ยึดโยงนโยบาย เปลี่ยนปกแบบมั่วๆ แถมยังนับรวมทุกรายจ่ายมาเคลมว่าเป็นงบฯ ของรัฐบาลใหม่” 

นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า การจัดทำงบประมาณคาดการณ์รายได้เกินจริงไปมาก ประมาณ 1 แสนล้านบาท และการตั้งงบฯ รายจ่ายก็ตั้งไว้ไม่พอ เช่น เรื่องบำเหน็จบำนาญ งบสวัสดิการ เงินเดือนข้าราชการ ไม่ต่างจากรัฐบาลที่แล้วที่ทำแบบนี้ จึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลในการทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ โดยทั้ง 3 วันนี้ พรรคฝ่ายค้านจะผลัดกันชำแหละเพื่อให้ได้เห็น


“รัฐบาลชุดนี้เป็นการรวมการเฉพาะกิจที่แบ่งกันกินกันใช้ชั่วคราว เพราะเป็นแบบนี้จึงเห็นการตั้ง ครม.แบบผิดฝาผิดตัว เพราะแบ่งตามโควตา พรรครัฐบาลซึ่งเป็นเรือธงก็ไม่ได้วางคนตามเป้าหมาย วันนี้จากที่บอกว่าคิดใหญ่ ทำเป็น ก็เป็นคิดสั้น ทำยาว บางทีก็เป็นคิดอย่าง ทำอย่าง”

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ก่อนการรัฐประหารปี 2549 ผู้นำในขณะนั้นเล็งเห็นว่าจะต้องปฏิรูประบบที่ล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันกลับไปรวมกับอำนาจเก่าแล้ว เราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิมๆ ได้อีกแล้ว แม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่พร้อมสนับสนุนฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาล ในการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ เพราะมีส่วนสร้างอนาคตร่วมกันของพวกเรา โดย 3 วันต่อจากนี้ ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ซื่อตรง สร้างสรรค์ ขอให้รัฐบาลเปิดใจรับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ ข้อเสนอแนะ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชน