“พิธา” ขู่ รัฐบาล หากตอบคำถามงบปี 67 ฝ่ายค้าน ไม่ได้ จ่อ ยื่นอภิปรายทั่วไป ม.151 ต้นปีหน้า เมิน ปชป. เปลี่ยนหัวหน้าพรรค ย้ายขั้วซบรัฐบาล ยิ่งมั่นใจ ก้าวไกลพัฒนายิ่งขึ้น น้อมรับ สส.ก้าวไกล ผลงานไม่โดดเด่น แต่โว มาตรฐานทำงานสภาฯ ไม่มีลด

วันที่ 15 ธ.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลจะยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 151 ว่า หลังจากเปิดสมัยประชุม โดยในปีหน้าพรรคก้าวไกลได้รวบรวมวาระสำคัญไว้แล้ว ทั้งพระราชบัญญัติงบประมาณฯ หากไม่มีรายละเอียด อย่างที่พรรคก้าวไกลร้องขอไปครั้งนี้ จึงคิดว่าการยื่นมาตรา 151 เป็นสิ่งที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน จะยื่นในไตรมาสที่ 1 หรือ ไตรมาส 2 ขึ้นอยู่กับผลการชี้แจงของรัฐบาล

โดยพรรคก้าวไกล จะใช้โอกาสนั้นชำแหละงบประมาณฯ ว่า ตรงตามวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่บอกไว้หรือไม่ รวมถึงคำชี้แจงจากคำถามของฝ่ายค้าน ถ้าทำได้ไม่ดี ก็จะยื่นแน่นอนอภิปราย ม.151 แน่นอน

ทั้งนี้พรรคก้าวไกลยังคงดำเนินงานตรวจสอบการใช้งบประมาณฯ ไม่ถูกต้อง ว่ามีการทุจริตหรือไม่หากมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลในต้นปีหน้า

ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค และมีท่าทีจะเข้าร่วมรัฐบาล จะส่งผลให้การทำงานพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเป็นพรรคที่โดดเดี่ยวหรือไม่ นายพิธา บอกว่า ไม่ว่าใครจะจับมืออยู่ควบพรรคไหน พรรคก้าวไกล ก็ยังเป็นพรรคอันดับ 1 ของไทยอยู่ดี และมีสส.มากที่สุด และมีประธานคณะกรรมาธิการหลายคณะ โดยพรรคมีความตั้งใจทำงาน ผ่านชุดคณะกรรมาธิการให้กับประชาชน รวมถึงการทำงานในสภาและนอกสภา และตั้งเป้าเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทำงานให้เกิดความผาสุกกับประชาชนให้มากที่สุด

...

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เปลี่ยนขั้ว นายพิธา ตอบว่า ส่วนตัวมั่นใจในพรรคก้าวไกลว่า จะมีการพัฒนายิ่งขึ้น และ จะทำงานให้กับประชาชนให้สมกับคะแนนที่ได้รับมา

เมื่อถามต่อว่า จากงานของพรรคก้าวไกล สส.ของพรรคถูกมองว่า เป็นสส.ส้มหล่น เนื่องจากไม่มีผลงานที่โดดเด่น พรรคจะมีแนวทางพัฒนาสส.อย่างไร นายพิธา ระบุว่า พรรคเองพยายามเต็มที่ และขอขอบคุณกับสิ่งที่เตือนมา และจะพยายามพัฒนาบุคลากรของพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ผลงานของพรรคฝ่ายค้านยังไม่โดดเด่น เพราะยังต้องแก้ไข ปัญหาภายในพรรค ทั้งพรรคก้าวไกลเอง และทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย นายพิธา แสดงความเห็นว่า ปัญหาของพรรคเป็นปัญหาภายในองค์กร แต่การทำงานอยู่สภา ซึ่งสมรรถภาพของการทำงานก็สามารถทำงานร่วมกันได้ เช่น การผลักดันพ.ร.บ.ก้าวหน้า และพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ก็ทำควบคู่ได้ พร้อมย้ำว่า การทำงานไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล จะทำให้กฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน สามารถเกิดขึ้นได้ ขณะที่บางครั้งยอมรับว่า มีการรอ ร่างกฎหมายบางฉบับของรัฐบาล ซึ่งก็อาจทำให้ดูว่า การทำงานนั้นล่าช้า โดยแน่นอนว่า ปัญหาของพรรค ทางพรรคพร้อมน้อมรับ และจะแก้ปัญหา แต่การทำงานอยู่ที่รัฐสภา ก็ยังทำงานยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้ ทำงานที่จ้องจะล้มรัฐบาลอย่างเดียว แต่เป็นฝ่ายค้านที่จะทำงานให้กับประชาชนไม่แพ้รัฐบาล