ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบฯ ปี 66 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 750 ล้านบาท เยียวยาแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล
วันที่ 12 ธันวาคม 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 750 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเยียวยาแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ปีงบฯ 67 ต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ
สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 และยังมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไป ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของคนไทยซึ่งพำนักในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และถูกจับเป็นตัวประกัน รวมทั้งยังมีความกังวลถึงค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับ และกังวลว่าจะไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานได้ภายหลังจากสถานการณ์สงบลง
ทั้งนี้ ครม. มีมติ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 มอบหมายให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือชดเชยให้แก่แรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอลให้เหมาะสมเป็นกรณีพิเศษ และต่อมา ครม. ได้มีมติ (7 พฤศจิกายน 66) เร่งรัดการพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือชดเชยดังกล่าวให้แล้วเสร็จครบถ้วน รวมทั้งเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยต่างๆ ให้ถึงมือแรงงานไทยถูกต้อง ทั่วถึงโดยด่วน
กระทรวงแรงงาน จึงขอรับการจัดสรรงบฯ ปี 66 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 750 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเยียวยาแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ปีงบประมาณ 2567 สรุปได้ดังนี้
...
กรอบวงเงินโครงการ-จำนวน 750 ล้านบาท (แรงงานไทยกลุ่มเป้าหมาย 15,000 คน) ได้รับเงินเยียวยา คนละ 50,000 บาท
กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 4 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 15,000 คน วงเงิน 750 ล้านบาท
1. แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล และเดินทางกลับไทยหลังวันที่ 7 ตุลาคม 2566 จำนวน 9,475 คน วงเงิน 473.75 ล้านบาท
2. แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล จำนวน 39 คน วงเงิน 1.95 ล้านบาท
3. แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอลและเดินทางกลับไทยก่อนวันที่ 7 ตุลาคม 2566 โดยใช้ Re-entry Visa แต่ไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้ เนื่องจากกรมการจัดหางานชะลอการเดินทางด้วยเหตุภัยสงครามในอิสราเอล จำนวน 960 คน วงเงิน 48 ล้านบาท
4. ประมาณการแรงงานไทยที่คาดว่าจะประสงค์เดินทางกลับไทย/เดินทางกลับไทยเพิ่มเติม รวมถึงแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จำนวน 4,526 คน วงเงิน 226.30 ล้านบาท
วิธีดำเนินการ
1. สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รับคำร้องขอรับเงินเยียวยาเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล
2. ตรวจสอบเอกสารข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานกำหนด
3. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินเยียวยาให้กับแรงงานไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของแรงงานไทย
4. ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนินการ เดือนธันวาคม 2566 - กันยายน 2567 หรือจนกว่าจะดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแล้วเสร็จ
การติดตามผล
1. รายงานผลการเบิกจ่ายเงินเยียวยาฯ เป็นประจำทุกวัน
2. กระทรวงแรงงาน ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ได้เห็นชอบด้วยแล้วและควรกำกับดูแลค่าใช้จ่ายงบฯ ให้เป็นไปอย่างรัดกุม พร้อมทั้งควรเร่งดำเนินการสื่อสารให้แรงงานกลุ่มเป้าหมายทราบถึงสิทธิและช่องทางเยียวยาและการช่วยเหลือ ทั้งด้านการจัดหางาน และเพิ่มพูนทักษะที่ดำเนินอยู่ เพื่อให้แรงงานสามารถกลับเข้าสู่การจ้างงานและการประกอบอาชีพทั้งในและต่างประเทศ อันจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในระยะยาว.