"แพทองธาร" ลั่น "ครอบครัวชินวัตร" ไม่ใช่เจ้าของเพื่อไทย แต่เป็นของทุกคน บอก ผู้นำที่ดีต้องมีทีมที่แข็งแกร่ง ยกพระราชดำรัส "ในหลวง" หลอมรวมคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเสาหลัก 3 ขา เพื่อประโยชน์ประชาชน
วันที่ 7 ธ.ค. 2566 บรรยากาศงานสัมมนาประจำปี พรรคเพื่อไทย ที่กรีนเนอรี่ รีสอร์ต เขาใหญ่ วันที่ 2 ซึ่ง สส.และสมาชิกพรรค ได้รับฟังการบรรยายพิเศษในห้อข้อ “ถอดบทเรียนเพื่อไทยผ่านวิกฤติเลือกตั้งฯ” จาก ดร.กฤติกร วงศ์สว่างพานิช
ส่วนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย หลายคนไม่ได้อยู่ร่วมงานสัมมนาในวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจงานราชการ จากนั้นได้รับฟังการบรรยายพิเศษ จากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
โดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บางคนอาจจะไม่ได้อยู่นานตลอดเวลา อาจจะมาแค่บางช่วง แต่ก็ขอขอบคุณที่ทำให้เห็นถึงความพยายามที่อยากจะมาร่วมงาน เพราะมีโอกาสมาดีกว่าไม่มา แม้จะไม่มาก็ยังส่งกำลังใจมาก็ถือว่าดีกว่า ซึ่งพอมาร่วมงานแล้วรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น เพราะได้คุยกันมากขึ้น รู้สึกถึงความใกล้ชิด ซึ่งก็มีคนมาบอกตนว่าอยากให้จัดงานแบบนี้ทุกเดือน คิดว่าจึงอยากจะหาโอกาสมารับประทานอาหารนอกสถานที่บ้าง โดยจะพยายามจัดให้ได้ทุกๆ ปี
...
เมื่อวานนี้ได้ช่วยกันระดมสมองว่า หากมอง 4 ปี ข้างหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเช่นไร ซึ่งก็ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนที่พูดแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ไม่โฟกัสที่ว่า จะอายุเท่าไร หรือตำแหน่งอะไร ซึ่งได้เปิดทางให้พูดคุยกันแบบผ่อนคลาย
ตอนนี้พรรคเพื่อไทยทราบอยู่แล้วว่า เรามี DNA มาจากพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคมี DNA มาจากผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ DNA ที่หมายถึงไม่ได้หมายถึงสายเลือด หรือตระกูล แต่หมายถึงจุดรวมของพวกเราที่เป็นพรรคการเมืองที่นำประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นพรรคการเมืองที่อยากทำงานให้ประชาชนมีความสุข เน้นเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่ ปากท้อง มากกว่าที่จะสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง
ตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และได้เกิดผลงานมากมาย และปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงรัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มที่
โอกาสนี้ จึงขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทย ที่ได้เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ตรัสถึงคนรุ่นใหม่ว่า ทุกคนในที่นี้ และพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น ประโยคนี้สั้นๆ ลึกซึ้ง มีความหมายอย่างมาก แปลว่าคนเก่าของเราก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน เราทุกวันนี้เป็นคนรุ่นใหม่ แต่เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร และมีความคิดที่จะช่วยกันรักษาประเทศไทยของเราได้อย่างไร นั่นก็คือการหาอัปเดตความรู้ อัปเดตในสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้มากขึ้น ปรึกษากัน ให้ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ของเรา ซึ่งก็ต้องติดตามเรื่องของเทคโนโลยีด้วย เพื่อให้วัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่าสามารถเอื้อประโยชน์ให้กันและกันได้
ดังนั้นพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของดิฉัน ก็จะทำงานให้มีประสิทธิภาพ นั่นก็คือการทำให้เสาหลักของเราทั้ง 3 ขา คือ รัฐบาล พรรค และสภาฯ โดยรัฐบาลก็ต้องสร้างผลงานในการบริหารประเทศ ส่วน สส. ในสภาก็ต้องทำงานในการที่จะรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน เพื่อที่จะใช้พื้นที่ของสภาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนพรรคที่ตอนนี้กำลังทำอยู่ เช่นเรื่อง digital life หรือข้อมูลทุกอย่าง โดยตลอด 20 กว่าปีที่ได้ตั้งพรรคมา ให้อยู่ในระบบที่เป็น digital ทั้งหมด สามารถเข้าถึงและใช้งานใช้ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อที่จะทำงาน และสื่อสารกับพี่น้องประชาชนต่อไป
อย่างที่สอง คือ ระบบเครือข่ายที่จริงจัง ที่เราจะทำระบบเครือข่ายเกี่ยวกับครอบครัวของพรรคเพื่อไทยให้มั่นคงมากขึ้น ทำให้พี่น้องสามารถเข้าใกล้เราได้ และเข้าใกล้การเมือง เข้าใจการเมืองเข้าใจการสื่อสารมากขึ้น ได้เข้าใจการทำงานมากขึ้น
อย่างที่สาม คือ การนำกลับมาทำใหม่ จะเปลี่ยนองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งวันนี้ก็มีวิทยากรมาสรุปภาพรวมให้ฟัง ว่าที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง การมองความจริงต่างๆ ที่พรรคนำมาใช้การเลือกตั้ง ในการหาเสียงที่ผ่านมา เป็นอย่างไร อะไรได้ผล อะไรไม่ได้ผล อะไรที่ควรที่จะต้องปรับปรุงใหม่ จึงอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้ และได้ทบทวนตัวเอง เพื่อที่จะถอดบทเรียนออกมา และนำมาเรียนรู้กันต่อไป
อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่า ดิฉันคิดว่า ครอบครัวของตน ไม่ใช่ครอบครัวของพรรคเพื่อไทย แต่ทุกคน คือครอบครัวของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของผู้นำที่เก่ง ไม่ว่าจะเป็น นายกฯ ทักษิณ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และนายกฯ เศรษฐา จะทำสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่มีทีมที่คอยให้ข้อมูล ทีมที่ดี ทีมที่เก่ง ทีมที่บอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว สิ่งนี้ควรเพิ่มเติม ซึ่งการนำที่ดี คือมีผู้ตามที่แข็งแรง เหมือนพรรคเพื่อไทยของเรา จึงจะทำให้ผู้นำที่ดี สามารถนำได้สำเร็จได้
อยากจะบอกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ความสำเร็จทุกอย่างเป็นของพวกเราทุกคน ดิฉันขอให้ทุกคนคิดว่านี่คือบ้านของเรา พรรคเพื่อไทยคือบ้านของเรา ตั้งแต่ สส. เก่ายัน สส. ใหม่ นี่คือบ้านของเรา ต่อจากนี้จะสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน ให้พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน และมีอะไรสามารถปรึกษาช่วยกัน ให้กำลังใจกัน แน่นอนว่ามีวันที่ทุกข์ แต่จะมีวันที่สุขก็ต้องมาอย่างแน่นอนเช่นกัน