“ครม.เศรษฐา” ประเดิมสัญจรหนองบัวลำภู เมืองประชากรรายได้ต่อหัวต่ำสุด เล็งยกระดับชีวิต เพิ่มรายได้ รับอานิสงส์ 15 ธ.ค. ดีเดย์แปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด 9.5 แสนไร่ นายกฯฟุ้งไม่ได้มาสร้างภาพ แต่มาแก้ปัญหาที่ไม่มีใครเหลียวแล สั่งคมนาคมเชื่อมเส้นทาง “กลุ่มจังหวัดบึงกาฬ เลย หนองคาย อุดรฯ” ดัน 5 จังหวัดเมืองรอง กระตุ้นเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว ควง “อุ๊งอิ๊ง” ลุยตีปี๊บซอฟต์พาวเวอร์ แจงสัปดาห์นี้ส่งหนังสือถามเรื่องเงินกู้ถึงมือกฤษฎีกา “จุลพันธ์” ชี้แค่ส่งคำถามความชอบด้วยกฎหมายโครงการเงินดิจิทัลฯ ถ้ากฤษฎีกาเห็นชอบค่อยยกร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ คาดตั้งแท่นเข้าสภาฯสมัยประชุมหน้า ได้แจกเงิน พ.ค.67 ตามไทม์ไลน์เดิม พท.ยึกยักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯประกบร่างพรรคก้าวไกล “อ้วน” ยักท่ารอดูเนื้อหา “ชลน่าน” ชี้ไม่เคลียร์กันก่อนเดินหน้ายาก อนุ กมธ.ชงเลือกตั้งส.ส.ร.ยกพวง ขีดเส้นเว้นวรรค 3-5 ปี
รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ประเดิมลงพื้นที่ออกไปประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกที่ จ.หนองบัวลำภู จังหวัดที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวต่ำที่สุดของประเทศ โดยนายกฯระบุมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่มาเพื่อสร้างภาพ

...
นายกฯถก ครม.สัญจรหนองบัวลำภู
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ห้องประชุมโรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุม ครม.สัญจรอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 ครั้งแรก บรรยากาศเป็นไปอย่าง คึกคัก นายกฯและ ครม.สวมเสื้อผ้าทอขิดสลับหมี่ “ลายขอ” ลายพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผสม “ลายบัวลุ่มภู” ลายอัตลักษณ์และเป็นซอฟต์พาวเวอร์ประจำ จ.หนองบัวลำภู รวมทั้งผ้าพันคอมัดหมี่ลายขอประยุกต์สีน้ำตาลย้อมจากเปลือกมะพร้าวและหมักลงโคลนสระบัวหลวง โดยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านกุดดู่ของจังหวัด ก่อนประชุมนายกฯถ่ายภาพร่วมกับ ครม. และ ผวจ.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ตอนบน 1 (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) และผู้แทนภาครัฐ นายกฯเดินมาหาสื่อมวลชนนำผ้ามัดหมี่สีชมพูเข้มลายลูกแก้วที่ทอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” โดยทีมงานนายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส.หนองบัวลำภู เขต 1 มอบให้เป็นที่ระลึกมาโชว์ ใช้ 40 ลำหมี่ ยาว 7 เมตร ทอ 1 เดือน แต่นายกฯได้จ่ายเงินให้ไป 7,000 บาท ระบุจะนำไปตัดเสื้อ
ควักกระเป๋าช็อปผ้าทอ-สินค้าโอทอป
ก่อนการประชุม นายกฯเยี่ยมนิทรรศการบูธภาพรวมการดำเนินงานของ จ.หนองบัวลำภู เกษตรเพิ่มมูลค่า จังหวัดสีขาว เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว เทคโนโลยีระบบสูบน้ำพลังงาน แสงอาทิตย์และโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบการให้ความรู้ทางการเงินและมาตรการแก้ปัญหาหนี้รายย่อย ผลิตภัณฑ์ โอทอป มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ต้อนรับนำเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์โอทอป จ.หนองบัวลำภู โดยนายกฯให้ความสนใจบูธผ้าทอพื้นเมือง สินค้าการเกษตร พร้อมลองประทับทองคำเปลวหรือจ้ำคำลงบนผ้าพื้นเมืองด้วย เมื่อนายกฯมาถึงบูธกลุ่มแม่บ้านโนนสัง ผู้ทอผ้าให้นายกฯได้โชว์ผ้ามัดหมี่สีชมพูเข้มทอเป็นชื่อ “อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร” ที่เตรียมมอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มาร่วมลงพื้นที่กับนายกฯ นายกฯจึงบอกว่า เดี๋ยวขอซื้อไปให้ น.ส.แพทองธารในราคา 6,000 บาท พร้อมอุดหนุนซื้อข้าวอินทรีย์มะลิดำหนองคาย ลองชิมข้าวพันธุ์นางสาวไทยและเหมากล้วยตาก ช่วงหนึ่งนายกฯหันมาพูดคุยกับนายอนุทินให้ไปพิจารณาพื้นที่จัดประชุม ครม.สัญจรครั้งต่อไป
ไม่ได้มาสร้างภาพมาปลุกชีพคนพื้นที่
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายกฯกล่าวก่อนเริ่มประชุม ครม.ว่า เหตุผลที่เลือก จ.หนองบัวลำภู มาประชุม ครม.สัญจรเป็นจังหวัดแรก เพราะต้องการให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ดินทำกิน ปัญหาภาคการเกษตร ขอให้มั่นใจว่าพวกเราไม่ได้สร้างภาพอะไร แต่ที่นี่ประชากรมีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ พี่น้องประชาชน อ.สุวรรณคูหา ไม่ใช่เพิ่งประสบปัญหานี้ แต่ประสบปัญหากันมานานเป็นชั่วอายุคน แต่ไม่มีใครสนใจที่จะยกระดับชีวิตของพวกเขา ทั้งนี้ อาหารที่ จ.หนองบัวลำภู จัดเตรียมให้นายกฯ และ ครม. ประกอบด้วยน้ำพริกลงเรือ ผัดเห็ดหอมกุ้งสด ลาบปลาคังโนนสัง แกง ปลาช่อนนาใส่ดอกแค ลอดช่องกะทิแตงไทย เมี่ยงคำ ลำภู สังขยาข้าวเหนียวดำ แก้วมังกร ฝรั่งกิมจู และกล้วยหอมทอง
ดัน 5 จว.เมืองรองกระตุ้นท่องเที่ยว
ภายหลังประชุม ครม. สัญจร นายกฯแถลงว่า จ.หนองบัวลำภู มีรายได้ต่อหัวต่ำสุดและมารับฟังปัญหากลุ่มจังหวัดบึงกาฬ เลย หนองคาย และอุดรธานี ผวจ.มาเสนอปัญหาแนวทางในหลายเรื่องไม่ว่าการเกษตร ที่ดินทำกินจะให้เอกสารสิทธิ ความยากจนจะยกระดับรายได้ผ่านมาตรการต่างๆไม่ว่าราคาพืชผลหรือการท่องเที่ยว ส่วนยาเสพติดทุกจังหวัดถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องบำบัดและจัดการผู้ค้ายาอย่างชัดเจน ส่วนการท่องเที่ยว จังหวัดเหล่านี้เป็นเมืองรองมีสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหารการกินน่าสนใจ จึงได้สั่งการผ่านไปถึงผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้มาดูแลเป็นพิเศษและกำชับสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดหรือเขตนั้นๆ ให้มาดูแลและขุดศักยภาพออกมาเผยแพร่ให้คนไทยทราบ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดเหล่านี้ สินค้าโอทอปที่นำโชว์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ สมควรได้รับการสนับสนุน ช่องทางการจัดจำหน่ายสำคัญ โดย รมว.คมนาคมกรุณาให้สถานีกลางบางซื่อเป็นห้างสรรพสินค้า จะพัฒนาหน้าร้านต่อไป การค้าขายออนไลน์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จะจัดทำแพลตฟอร์มขึ้นมา ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เข้าถึงสินค้ามากขึ้น ใน 5 จังหวัดนี้อยากให้การค้าขายออนไลน์สินค้าโอทอปดีขึ้นได้
สั่ง คค.เชื่อมเส้นทางหลาย จว.
นายกฯกล่าวว่า เราได้พิจารณาทำฝายแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง 92 ฝาย และได้สั่งการให้กรมประมงนำพันธุ์สัตว์น้ำไปปล่อยให้พี่น้องได้หาปลาได้ ปัญหาที่ดินทำกินจะมีการแปลงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ให้เป็นโฉนด ให้พี่น้องมีที่ดินทำกินได้อย่างถูกต้อง เหตุผลที่ความเจริญยังมาไม่ถึง จ.หนองบัวลำภู เพราะระบบคมนาคมทั้งหลายยังไม่ดีพอ จึงได้พิจารณา หลายเส้นทาง เพื่อให้เชื่อมต่อกับหลายจังหวัด เพื่อกระตุ้นความเจริญให้เกิดขึ้นได้
จะดูอีกครั้งงบฯซอฟต์พาวเวอร์
เมื่อถามถึงกรณีมีการมองว่าคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติใช้งบประมาณ 5,164 ล้านบาท งบฯสูงเกินไปหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เดี๋ยวต้องมาพิจารณาอีกที เพราะงบฯทุกบาท ทุกสตางค์รัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องชี้แจงได้และต้องเป็นประโยชน์กับประชาชน เมื่อถามว่าคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์จะดูแลทั้งกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย นายกฯกล่าวว่า มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย ต้องให้เจ้ากระทรวงเห็นชอบ ไม่ใช่แค่กระทรวงวัฒนธรรมอย่างเดียว มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่าคณะกรรมการ ซอฟต์พาวเวอร์ฯขับเคลื่อนงานผ่านกระทรวงและ ครม. ใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ใช่ ถูกต้องเป็นการขับเคลื่อนที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา
ส่งหนังสือถามกู้เงินถึงกฤษฎีกาสัปดาห์นี้
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ได้มีการพูดคุยกันกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะมีการส่งหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงการออก พ.ร.บ.กู้เงินในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ เมื่อถามย้ำว่าภายในสัปดาห์นี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ใช่ครับ ภายในสัปดาห์นี้”
“จุลพันธ์” รับส่งแค่คำถามไม่ใช่ร่าง ก.ม.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า สัปดาห์นี้จะส่งหนังสือเป็นคำถามถึงความชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับโครงการไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านที่จะใช้ในโครงการ เมื่อถามว่าคำถามที่จะส่งไปตั้งประเด็นไปอย่างไรบ้าง นายจุลพันธ์ตอบว่า ต้องเข้าใจว่าคำถามที่จะถามไปยังคณะกรรมการ กฤษฎีกา จะต้องถามในรูปแบบของข้อกฎหมายสิ่งที่เราเขียนต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์วิธีการและเติมรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น ตัวเลขที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแถลง ที่เราทำช้าเพราะรอตัวเลขตรงนี้ เพื่อให้ครบองค์ประกอบ จะได้ส่งความเห็นไปได้ครบถ้วน
คาดส่งเข้าสภาฯสมัยประชุมหน้า
เมื่อถามอีกว่า หากคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นชอบ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราจะกลับมายกร่างซึ่งใช้เวลาไม่นาน เพราะ โดยหลักการแล้วการยกร่าง พ.ร.บ.กู้เงินจะมีไม่กี่มาตรา จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุม ครม. หากเห็นชอบ จะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจทานอีกครั้ง คงใช้ เวลาไม่นานแล้ว และจะนำร่างเข้าสู่การพิจารณาของ สภาฯ ในสมัยประชุมหน้านี้ ขอยืนยันว่าประชาชนจะได้ใช้โครงการดังกล่าวในเดือน พ.ค.67 ตามที่วางกรอบเวลาไว้

“นายกฯ-อิ๊ง” ซิ่งมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฯ พร้อม น.ส.แพทองธาร เยี่ยมชมการทำเกษตรผสมผสานแบบ พื้นบ้านของนางหนูปาน พรมโคตร แปลง ส.ป.ก.เลขที่ 1 กลุ่ม 839 เนื้อที่ 10-0-00 ไร่ วันที่ออกหนังสือ อนุญาต 2 มิ.ย.2551 มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช. มหาดไทย และ สส.พื้นที่ร่วมคณะ ทันทีที่ น.ส.แพทองธารมาถึงได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากชาวบ้าน เมื่อนายกฯ มาถึงได้นำผ้ามัดหมี่สีชมพูจากกลุ่มแม่บ้านโนนสังที่ซื้อมอบให้ น.ส.แพทองธาร เป็นของฝาก จากนั้นนายกฯ และคณะรับฟังการทำงานเกษตรผสมผสาน เจ้าของที่ดินขอให้นายกฯ ช่วยพัฒนาระบบกระจายน้ำรดแปลงผักเข้ามาให้ทั่วถึง ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ให้ใช้เงินกองทุน ส.ป.ก.เข้าช่วยเหลือ จากนั้นนายกฯ นั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคู่ไปกับ ร.อ.ธรรมนัส นำ น.ส.แพทองธาร และคณะไปติดตามการทำเกษตรแปลงใหญ่ การแปรรูป สินค้าเกษตร และพบปะประชาชนในพื้นที่ที่วัดสว่างชัยศรี ต.ยางหล่อ อ.ศรีบุญเรือง ระหว่างทางนายกฯ โบกมือทักทายประชาชนที่รอต้อนรับตลอดเส้นทางและมีประชาชนนำดอกไม้มอบให้ด้วย
ชูป้ายเชียร์พร้อมใช้เงินดิจิทัลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดต่อไปนายกฯ เยี่ยมชมตลาดชุมชน ยลวิถีชาวบ้าน นิทรรศการกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เดินหน้าศรีบุญเรืองเมือง 4D” โดยซื้อ ไข่ไก่ ชิมกล้วยหอม ระบุว่า ตั้งแต่ รมว.เกษตรฯ ไปเปิดตลาดที่ญี่ปุ่น ทำให้ขายกล้วยหอมดีขึ้น ช่วยให้ เกษตรกรมีรายได้ พร้อมเดินทักทายประชาชน มีบางส่วน มาถือป้าย อาทิ พวกเราต้องการพร้อมใช้เงินดิจิทัล 10,000 แล้ว ท่านนายกฯ อีกนานแค่ไหนจะได้ 10,000 ดิจิทัล วอนท่านนายกฯ ช่วยชาวบ้านให้หลุดพ้นจาก หนี้นอกระบบด้วย
เป็นสักขีพยานมอบ ส.ป.ก.4–01
จากนั้นนายกฯ เป็นประธานสักขีพยานในโอกาส ร.อ.ธรรมนัส มอบ ส.ป.ก.4-01 และใบรับรองแหล่งผลิตพืช GAP ให้ผู้แทนเกษตรกร โดยนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำเรื่องเกษตรและเกษตรแปรรูป ทำผลผลิตให้เป็นมาตรฐานสากล ดำเนินการตลาด นำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ เพื่อเพิ่มงานเพิ่มอาชีพ หาตลาดให้รองรับเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบไปสู่อุตสาหกรรม แปรรูป จะสนับสนุนสินค้าชุมชน ยกระดับผ้าไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก จากนั้น นายกฯ และ น.ส.แพทองธาร เดินทางกลับ กทม.

ครม.เร่งยกระดับรายได้ให้ชาวบ้าน
เมื่อเวลา 13.30 น. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำ สำนักนายกฯ แถลงว่า จ.หนองบัวลำภู มีรายได้ต่อหัวประชากรเป็นอันดับที่ 76 ของประเทศ เฉลี่ยจีดีพีรายได้ต่อหัว 6.3 หมื่นกว่าบาทต่อปี การท่องเที่ยว อยู่อันดับ 77 ของประเทศ รายได้ต่อปีเพียง 274 ล้านบาท ภัยแล้งหนักหนาสาหัส มีพื้นที่ 2.5 กว่าล้านไร่ เป็นพื้นที่เกษตร 1.9 ล้านไร่ อยู่ในพื้นที่ชลประทานเพียง 1.1 แสนกว่าไร่ มีปัญหายาเสพติดเยอะมาก ที่ประชุม ครม.จะเพิ่มจีดีพีเพิ่มรายได้ผ่าน การท่องเที่ยวและเกษตรเป็นหลัก มีที่เที่ยวสวยงามหลายแห่ง เช่น ภูแอ่น อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ มีสกายวอล์กอยู่ รัฐบาลจะเพิ่มซิปไลน์ (เครื่องเล่นสลิง) ให้ 1 กม. ดึงดูดนักท่องเที่ยวสัมผัสชีวิตทาซานงบฯไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยให้ ผวจ.หนองบัวลำภูดำเนินการเร็วที่สุด และจะสร้างศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนา ยกระดับฝีมือการทอผ้าขิดสลักหมี่เอกลักษณ์ของ จ.หนองบัวลำภู เพิ่มอีก 4 ศูนย์ รวมเป็น 7 ศูนย์
15 ธ.ค.ดีเดย์ ส.ป.ก.เป็นโฉนด 9.5 แสนไร่
นายชัยกล่าวว่า ยังมีข่าวดีมาบอกชาวหนองบัวลำภู ที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ในจังหวัด 9.5 แสนไร่ ให้เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร โดยวันที่ 15 ธ.ค. กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา อนุญาตให้ เปลี่ยนเอกสารจาก ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ซื้อขายได้ วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเกษตรหากเปลี่ยนมือต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการเกษตร และยังเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ เข้าถึงแหล่งเงินทุน ได้มากขึ้น ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเสริมว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายของสำนักงาน ส.ป.ก.ไม่เกี่ยวกับการออก โฉนดของกรมที่ดินและประมวลกฎหมายที่ดิน
เน้นเมืองรองสัญจรครั้งหน้าลุยระนอง
นายชัยกล่าวอีกว่า การประชุม ครม.สัญจร ครั้งต่อไปจะมีการจัดขึ้นที่ จ.ระนอง แต่ยังไม่ได้กำหนด วัน เวลา การเลือกจังหวัดดังกล่าวเป็นดำริของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เสนอขึ้นมาเอง โดยนายกฯจะเน้นจัดประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเมืองรอง
พม.จัดเต็ม 11 ของขวัญปีใหม่
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า พม.จะออกมาตรการของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนคือ 1.สำนักงานธนานุเคราะห์ฟรีดอกเบี้ยให้ผู้ที่จำนำไม่เกิน 5,000 บาท ในเดือน ม.ค.-ก.พ.67 2.อบรมถ่ายทอดความรู้ทางการเงิน และอาชีพ 2,200 คน 3.เรียนฟรี สร้างงานสร้างรายได้ให้เยาวสตรี-สตรี และผู้ประสบปัญหาทางสังคม 4.โครงการเข้าถึงสิทธิ ครอบครัวเด็กแรกเกิดอย่างมีคุณภาพ ค้นหาเด็กตกหล่น เร่งรัดลงทะเบียนรับสิทธิเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 389,727 คน 5.พัฒนาต้นแบบสถานพัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ 6.ปรับสภาพที่อยู่อาศัยเพื่อคน ทุกวัย 1 แสนครัวเรือน 7.สนับสนุนการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ 8.โครงการสนับสนุนครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ 1,107 ครอบครัว 9.ตั้งศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ให้บริการ 24 ชั่วโมง 10.สร้างรายได้แก่สมาชิกนิคมสร้างตนเอง 43 แห่ง และราษฎรบนพื้นที่สูง 16 แห่ง ภายใต้แนวคิดบีซีจีโมเดล และ 11.พัฒนาศักยภาพคนพิการผ่านหลักสูตรอาชีพ ส่งเสริมครอบครัวอุปการะ คนพิการที่ไม่มีผู้ดูแลในชุมชน และออกบัตรประจำตัวคนพิการแบบวันสต็อปเซอร์วิส
“อ้วน-ท็อป” ให้รอบคอบกระเช้าขึ้นภูกระดึง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรับผิดชอบเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขออนุมัติงบฯออกแบบกระเช้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย 28 ล้านบาท คงต้องหารือหลายฝ่าย เพราะมีกลุ่มอนุรักษ์เห็นต่างอยู่หลายเรื่อง ต้องระดมความคิดกันเสนอและพิจารณาร่วมกันให้รอบคอบ ถ้าทุกอย่างไม่มี ปัญหา ทุกฝ่ายเข้าใจ รัฐบาลนี้พร้อมทำได้ ขณะที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ (พม.) ในฐานะอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ต้องดูหลายมิติ มีทั้งคนเห็นด้วยและฝ่ายที่ยังมีข้อกังวล คงต้องพิจารณากัน ทางที่ดีคงต้องฟังเสียงทั้งฝ่ายอนุรักษ์และฝ่ายสนับสนุน มาชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียกัน

“พวงเพ็ชร” ยัน ครม.ไฟเขียวหลักการ
ด้านนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนัก นายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.สัญจร ถึงการขออนุมัติงบฯเขียนแบบก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า ใน ที่ประชุม ครม.มีการเสนอโครงการตามที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เสนอ ในนั้นมีโครงการกระเช้าภูกระดึงรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเป็นรายโครงการ ครม.เห็นชอบในหลักการตามที่จังหวัดเสนอ แล้วให้มอบให้สำนักงบประมาณไปพิจารณารายละเอียดความลำดับความสำคัญก่อนหลังต่อไป
ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุม ครม.ไม่มีการหารือประเด็นกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงแต่อย่างใด ไม่สามารถให้ความเห็น หรือรายละเอียดได้
กทม.นำโด่งแชมป์ลงทะเบียนแก้หนี้
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า วันที่ 4 ของการเปิดรับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ณ เวลา 15.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. มีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 54,325 ราย แบ่งลงทะเบียนผ่านออนไลน์ 51,355 ราย และการลงทะเบียน ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 2,970 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 29,936 ราย มูลหนี้ 2,382.996 ล้านบาท มีพื้นที่ 5 ลำดับแรก คือ 1. กทม. 3,517 ราย เจ้าหนี้ 2,340 ราย มูลหนี้ 196.973 ล้านบาท 2. จ.สงขลา 2,335 ราย เจ้าหนี้ 1,360 ราย มูลหนี้ 118.442 ล้านบาท 3.จ.นครศรีธรรมราช 2,212 ราย เจ้าหนี้ 1,241 ราย 81.995 ล้านบาท 4. จ.นครราชสีมา 2,117 ราย เจ้าหนี้ 1,040 ราย 97.461 ล้านบาท 5. จ.ชลบุรี 1,370 ราย เจ้าหนี้ 757 ราย 70.189 ล้านบาท ส่วนจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.จ.แม่ฮ่องสอน 63 ราย เจ้าหนี้ 31 ราย มูลหนี้ 2.462 ล้านบาท 2. จ.ระนอง 109 ราย เจ้าหนี้ 56 ราย 2.715 ล้านบาท 3. จ.สมุทรสงคราม 158 ราย เจ้าหนี้ 104 ราย 5.192 ล้านบาท 4. จ.ตราด 161 ราย เจ้าหนี้ 62 ราย 2.560 ล้านบาท และ 5. จ.สิงห์บุรี 180 ราย เจ้าหนี้ 85 ราย 5.834 ล้านบาท
“อ้วน” ย้ำขอรอดูเนื้อหานิรโทษ
อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบร่างของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า กฎหมายนิรโทษกรรมขณะนี้เป็นฉันทามติของหลายส่วนแล้วว่าอยากเห็นการนิรโทษกรรมและการแก้ปัญหา แต่ยังติดค้างประเด็นมาตรา 112 หลายพรรคยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรค ก.ก.ในสังคมยังไม่มีข้อยุติ ส่วนประเด็นอื่นๆไม่มีใครขัดข้อง พอมีเรื่องมาตรา 112 ยังเป็นข้อขัดแย้งยังหาข้อยุติไม่ได้ แนวคิดเราจึงต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อน จะเสนอร่างประกบกันอย่างไรต้องดูอีกที เมื่อถามย้ำว่ามาตรา 112 พรรคพท.ไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า พรรคพท.บอกชัดเจนแล้วว่าเรื่องใดเป็นความขัดแย้งในสังคม ต้องเคลียร์กันให้ได้ข้อยุติ ไม่ใช่จะเอาหรือไม่เอา ถ้าทุกอย่างเป็นข้อสรุปชัดเจนว่าทุกคนเห็นด้วยและเข้าใจสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่อยากเห็นการสร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่แทนความขัดแย้งเดิม ไม่เป็นประโยชน์ กรอบความคิดไม่มีใครเห็นต่าง แต่ขอให้รอดูรายละเอียดก่อน
“ชลน่าน” ชี้ไม่เคลียร์ก่อนเดินหน้ายาก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะ สส.น่าน พรรค พท. กล่าวถึงกรณีพรรค พท.เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบร่วมกับของพรรค ก.ก.ว่า ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายและผู้บริหารว่าเห็นควรอย่างไร จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเสนอเป็นร่างของพรรค ต้องไปพิจารณารายละเอียด เพราะเนื้อหาสาระแต่ละร่าง อาจแตกต่างกัน เป็นกลไกของสภาฯว่าจะใช้ร่างใดเป็นหลัก แต่เท่าที่ทราบพรรค พท.ยังไม่น่ามีการพูดคุยกัน น่าจะเป็นแนวคิดของเลขาธิการพรรคที่อาจนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ไปประกบ แต่การนิรโทษกรรมจะเดินต่อไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องดำเนินการ ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งก็ไปได้ หากเกิดประโยชน์โดยรวม แต่หากเป็นความเห็นที่นำไปสู่ความขัดแย้ง การนิรโทษกรรมจะเป็นไปไม่ได้ ต้องลดข้อจำกัดลง

ชทพ.ลั่นไม่ล้างผิดความผิด ม.112
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)ให้สัมภาษณ์กรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรค พท.จะเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบร่างของพรรค ก.ก.ว่า ยังไม่เห็นร่างของพรรค พท. แต่พรรค ชทพ.ยังยืนในจุดยืนเดิมว่าการจะนิรโทษกรรมใด หากเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 หรือเป็นความผิดร้ายแรงเกี่ยวข้องกับความเสียหาย บุคคลภายนอก รวมไปถึงคดีอาญาเราไม่สนับสนุน รายละเอียดแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไร ขอไปดูรายละเอียดก่อน เมื่อถามว่ามีบางพรรคไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมที่จะครอบคลุมไปถึงคดีทุจริตระหว่างที่มีความขัดแย้งทางการเมือง นายวราวุธตอบว่า การทุจริตไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น อาจคนละประเด็นกัน
ชง ส.ส.ร.เลือกตั้งทั้งหมดเว้นวรรค 3-5 ปี
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ที่มาจากการเลือกตั้งในคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก.และประธาน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เป็นประธานการประชุม เชิญผู้เกี่ยวข้องมารับฟังความเห็น อาทิ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา กรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติและอดีต ส.ส.ร. นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะ กรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ เป็นต้น นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อเสนอเรา อาทิ ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จะมีบทกำหนดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ห้าม ส.ส.ร.ลงเลือกตั้งเป็น สส. สว. องค์กรอิสระระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3-5 ปี
“พงษ์เทพ” ชู ส.ส.ร. 99 คน ยกร่าง 240 วัน
ด้านนายพงษ์เทพกล่าวว่า สนับสนุนการใช้รูปแบบที่มา สสร.ปี 40 ที่มี 99 คน มีกรอบเวลายกร่างรัฐธรรมนูญ 240 วัน เพราะว่าเหมาะสมไม่เสียงบฯมาก การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีคณะทำงาน 2 ชุดสำคัญ คือ กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อสสร.ยกร่างแล้ว เสนอรัฐสภาให้ความเห็น โดยรัฐสภาไม่มีสิทธิบอกว่ารับหรือไม่ แต่ชี้ว่าข้อบกพร่องผิดพลาดใด ส่วนการปรับหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ สสร. จากนั้นจึงส่งไปออกเสียงประชามติ หากจะมีสัดส่วนผู้มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญ อาจมาจากตัวแทนฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เป็นต้น
“นิกร” คาดมีคำถามพ่วงปมที่มา ส.ส.ร.
นายนิกรให้สัมภาษณ์ว่า ได้ลงนามหนังสือถึงประธานรัฐสภา และประธาน สว.ให้ส่งคำถามประชามติ ส่วนที่จะขอความเห็น สส. และ สว.พิจารณาหลังรัฐสภาเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค. คาดว่าจะมีข้อสรุปช่วงวันที่ 21 ธ.ค. ที่ส่งไปเป็นคำถามเชิงลึกมีมากกว่า 1 คำถาม เช่น เห็นด้วยหรือไม่ต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เห็นควรทำประชามติก่อนการดำเนินการใดๆหรือไม่ ความเห็นที่รวบรวมมาจะเสนอกรรมการชุดใหญ่ปลายเดือน ธ.ค. ก่อนส่งให้ ครม.พิจารณา เบื้องต้น อาจมีคำถามพ่วงประเด็นรูปแบบหรือที่มาของ สสร.ด้วย สำหรับข้อเสนอแก้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ได้ทำข้อเสนอไปยังคณะกรรมการชุดใหญ่ พร้อมร่างแก้ไข มาตรา 13 เบื้องต้นจากเดิมให้ใช้เกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ และเสียงที่มาลงคะแนน (Double Majority) ได้เสนอให้ใช้เกณฑ์เกินกึ่งหนึ่งเพียงชั้นเดียว ส่วนผลการลงคะแนนให้ใช้เฉพาะเสียงข้างมาก แต่ข้อสรุปต้องรอผลการศึกษาจากนายวุฒิสาร ตันไชย ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
อดีต รมช.คมนาคมรอดคดีทุจริต
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงการณ์ไต่สวนคดีกล่าวหานายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีต รมช.คมนาคม กับพวกพิจารณาให้ผู้เสนอราคาที่ไม่ผ่านคุณสมบัติประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง เป็นผู้ชนะประกวดราคาโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งหาดสมิหลา จ.สงขลา ว่า กรมเจ้าท่าจ้างเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าวโดยวิธีอีบิดดิ้งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2559 ในราคากลาง 269.9 ล้านบาท โดยคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา รายงานผลการประกวดราคาต่อนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่าในขณะนั้นว่า กิจการร่วมค้านราบางกอก เสนอราคา 254,330,000 บาท ไม่ผ่านคุณสมบัติ เห็นควรจ้างบริษัทเค.พี.ซี.เอนเตอร์ไพร้ส์ จำกัด ที่เสนอราคา 269,600,000 บาท ทั้งที่ผลงานผู้เสนอราคาทั้ง 2 ราย ใช้เทคนิคก่อสร้างเดียวกัน เสนอให้นายออมสิน ลงนามอนุมัติวันที่ 26 พ.ค.2559 และอธิบดีกรมเจ้าท่า เร่งรัดทำสัญญาจ้าง ไม่รอให้อุทธรณ์ผลการประกวดราคา 15 วัน ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วนายออมสิน ไม่ทำผิดตามที่กล่าวหา ส่วนนายศรศักดิ์ และคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา มีมูลความผิดตาม ป.อาญามาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ และผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดและผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการต่อไป
ฟัน 4 สรรพากรทุจริตรวยผิดปกติ
นายศรชัยกล่าวว่า ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดนายดนัย ดำรงชัยโยธิน นักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่สรรพากรอำเภอ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง จ.สมุทรปราการ กับพวกรวม 4 ราย ร่ำรวยผิดปกติ ยักยอกเงินคืนภาษีอากรในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ไต่สวนพบเงินฝากในธนาคารได้มาไม่สัมพันธ์กับรายได้เกินกว่าฐานะ และรายได้จากราชการ ไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ดังนี้ 1.บัญชีเงินฝาก 7 บัญชี ของนายดนัย 1,189,273, 347 บาท 2.บัญชีเงินฝาก 5 บัญชีของนางชลธาร คงมั่น 559,946,602 บาท 3.บัญชีเงินฝาก 3 บัญชีของ น.ส.ดวงกมล ปลื้มสวาสดิ์ 334,246,632 บาท 4.บัญชีเงินฝาก 1 บัญชีของ น.ส.อุทุมพร เข็มวิชัย รวม 1,882,000 บาท ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติเป็นเงินรวม 2,085,348,581.53 บาท ให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ สั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้แจ้งกรมสรรพากรลงโทษไล่ออก
ปลัดคลังแจงให้ออกไปเป็นปีแล้ว
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายดนัย ดำรงชัยโยธิน นักวิชาการสรรพากร พร้อมพวก 4 ราย นั้นกรมสรรพากรได้ให้ข้าราชการ 3 ราย ออกจากราชการไปตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.65 รวมถึงให้พ้นสภาพการเป็นลูกจ้างชั่วคราวไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 อีก 1 ราย แต่หลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว กรมจะนำสำนวนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนั้น กรมสรรพากรเป็นผู้ตรวจพบความผิด และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานรัฐ โดยความผิดที่ตรวจพบเกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้ง 4 รายร่วมกันกระทำความผิดในคดีโกงเช็ค ที่ประชาชนนำมาชำระภาษีต่อกรมสรรพากร
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่