โฆษกรัฐบาลเผย รมว.ยุติธรรม ชื่นชมการดำเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน ตำบลเชียงพิณ ก่อนตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางอุดรธานี พร้อมสั่งการ 4 ประเด็นสำคัญ
วันที่ 4 ธันวาคม 2566 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 ณ จังหวัดหนองบัวลำภู และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2566
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประชุมมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนศูนย์ยุติธรรมชุมชน และตรวจเยี่ยมศูนย์ยุติธรรมชุมชน ตำบลเชียงพิณ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยการตรวจเยี่ยมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีการติดตามและรับทราบถึงผลการดำเนินงานสำคัญ ได้แก่ 1. ผลการดำเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ตำบลเชียงพิณ รวมทั้งพบปะพูดคุยและให้คำปรึกษาแก่ผู้ค้ำประกันลูกหนี้ กยศ. และ 2. มอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนศูนย์ยุติธรรมชุมชน ตำบลเชียงพิณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้ชื่นชมการดำเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ตำบลเชียงพิณ ที่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน ทั้ง 5 ข้อ และกล่าวถึงหลัก 3 ดี ได้แก่
1. ประชาชนดี ประชาชนจะต้องมีรายได้ที่เพียงพอและพอเพียง ประชาชนต้องมี 5 อ. และไม่มี 1 อ. คือ อาหาร, อาชีพ, อนามัย, โอกาสในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการศึกษา และอัตลักษณ์ การเคารพในความแตกต่างหลากหลาย และสิ่งที่ประชาชนต้องไม่มี 1 อ. คือ อยุติธรรม
2. ผู้นำดี ผู้นำที่มีความยุติธรรม ความเป็นธรรม และส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี รัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย
...
3. กฎหมายดี รัฐธรรมนูญกฎหมายในการปกครองที่ดี ทำกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับที่ดิน ที่อยู่อาศัย รวมทั้งกฎหมายที่พยายามกระจายอำนาจให้แก่ชุมชน ท้องถิ่น ให้ประชาชนมีโอกาสบริหารหรือปกครองตนเอง การกระจายอำนาจมาให้ชุมชนท้องถิ่น และยกเลิกรัฐรวมศูนย์ให้มากและให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางให้มากขึ้น
พร้อมมีข้อสั่งในประเด็นสำคัญ คือ ให้เพิ่มเติมภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในการช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง, ให้นำจุดแข็งของศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้นำยุติธรรมชุมชน และมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้สนับสนุนแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนทั่วประเทศ และให้ยกระดับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่เป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาค ที่ปัจจุบันมีเพียง 18 แห่ง ตามกลุ่มจังหวัด ให้มีการขยายให้ครบถ้วนทั้ง 76 จังหวัด อีกทั้งเพื่อความต่อเนื่องและความเชี่ยวชาญ จึงมอบให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเป็นผู้นำในภารกิจกองทุนยุติธรรมและการช่วยเหลือผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานของเรือนจำกลางอุดรธานี ถนนศรีสุข ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีข้อสั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและกรมราชทัณฑ์ ในประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. มอบหมายกรมราชทัณฑ์ จัดทำข้อมูลสถิติเกี่ยวกับผู้ต้องกักขัง กรณีกักขังแทนค่าปรับ อันเป็นการแสดงถึงความเหลื่อมล้ำที่ว่า คุกมีไว้ขังคนจน ดังนั้น จึงเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับให้มีการทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ แทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30/1
2. การพัฒนาพฤตินิสัย เป็นภารกิจหลักที่แต่ละเรือนจำต้องคัดกรอง และสามารถให้ผู้ต้องขังได้มีการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามความถนัด และเตรียมความพร้อมในการกลับไปอยู่ในสังคม ไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำ
3. ผู้ต้องขังหญิงจำนวนมากถูกจำคุกทั้งที่ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม และการจำคุกถือเป็นอุปสรรคในการกลับคืนสู่สังคม จึงมีแนวทางให้มีงานทำและสนับสนุนให้มีการควบคุมตัวภายนอกเรือนจำ ตามหลักข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Bangkok Rules) มาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง มาตรการในการลงโทษโดยไม่ใช้เรือนจำ (Non-Custodial Sanctions and Measures) มุ่งใช้บังคับกับผู้กระทำผิดหญิงที่กระทำความผิดไม่รุนแรง ประกอบกับมีปัจจัยทางกายภาพที่ไม่เหมาะกับการถูกคุมขัง เช่น เยาวชนหญิง และผู้กระทำผิดที่ตั้งครรภ์ เป็นต้น โดยข้อกำหนดในส่วนที่ 3 นี้ สามารถใช้บังคับได้ตั้งแต่ในชั้นการสอบสวน จนกระทั่งหลังมีคำพิพากษา
4. เรือนจำกลางอุดรธานี อายุยาวนานถึง 108 ปี และอยู่ในเขตพื้นที่ใจกลางเมือง มีชุมชนและสถานที่ราชการรอบข้าง ประกอบกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 ในเรื่องของการย้ายเรือนจำจึงควรดำเนินการให้สมบูรณ์ โดยการย้ายเรือนจำต้องคำนึงถึงเรื่องของสาธารณูปโภค ให้มีความพร้อมทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า จึงมอบหมายอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุดรธานี ศึกษาข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน.