ไม่มียกให้ ไม่ใช่พักหนี้ สูตรสำเร็จของนโยบายแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาล ต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เพราะมิฉะนั้นจะเกิดความสับสน ยืนยันว่าพร้อมลงทะเบียนแล้ว ก็หมดหนี้หมดสินกันไปเลย
โดยรัฐบาลรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำไปแล้ว
ประเด็นนี้ยังมีชาวบ้านยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก เพราะเริ่มต้นไม่ได้มีการแถลงชี้แจงว่า จะดำเนินการอย่างไรก็เลยคิดกันไปเอง
กว่าจะแจ่มแจ้งก็ตอนที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งเป็นแม่งานคนหนึ่ง ได้ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจ จึงรู้ว่ารัฐบาลเป็นเพียงตัวกลาง ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น
ที่เป็นปัญหาก็เพราะนายทุนเงินกู้นั้น คิดดอกเบี้ยสูงกว่ามาตรฐาน รวมถึงได้มีกำหนดกฎเกณฑ์ที่เอาเปรียบลูกหนี้
นั่นเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ 1 ธ.ค.66 ซึ่งเป็นวันแรกที่รัฐบาลประกาศดีเดย์ ให้ลูกหนี้ทั้งหลายไปลงทะเบียนขึ้นบัญชีเพื่อแก้ไขปัญหา
ปรากฏว่าไม่คึกคักเท่าที่ควร
ทั่วประเทศไปลงทะเบียนกันราว 22,090 คน ยอดหนี้รวม 235.31 ล้านบาท จำนวนเจ้าหนี้ 11,539 ราย
กทม. ลงทะเบียนสูงสุด 1,529 ราย เจ้าหนี้ 879 ราย ยอดหนี้รวม 78.48 ล้านบาท สงขลา 959 ราย เจ้าหนี้ 507 ราย ยอดหนี้ 55.36 ล้านบาท
นี่แค่วันแรกเท่านั้น ก็ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะมีการลงทะเบียนแจ้งยอดเป็นเท่าใด
ปัญหาหนึ่งที่ประชาชนไม่ต้องการลงทะเบียน หรือจะพูดว่าไม่ร่วมด้วย น่าจะมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ
1.ไม่มั่นใจในนโยบายว่าจะแก้ไขได้จริงหรือไม่ ว่ากันตรงๆ ก็คือไม่เชื่อใจ
2.เกรงว่าจะมีปัญหาจาก “เจ้าหนี้” เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีอิทธิพล
3.หากไม่ลงทะเบียน จะทำให้เกิดปัญหาเพราะ “นายทุน” จะไม่ยอมให้กู้ในรอบต่อไป นั่นหมายถึงว่าเป็นการตัดอนาคตของตัวเอง
...
ประเด็นที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นว่า เป็นนโยบายที่จะทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าไปตามกระแสหรือหาเสียง อีกทั้งยังต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลและให้ความคุ้มครองพวกเขาด้วย
อีกทางหนึ่งคือ ต้องสร้างโอกาสให้พวกเขาได้เข้าถึง “เงิน” ด้วยการหาช่องทางเพื่อช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำเป็นระบบ ด้วยการออกมาตรการต่างๆ โดยให้สถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชนเร่งดำเนินการ
เพราะต้องทำคู่ขนานกันไปด้วย
เพราะมิฉะนั้นแล้ว ด้านหนึ่งเป็นเรื่องที่ดีในการช่วยเหลือพวกเขา ด้วยการไกล่เกลี่ยหนี้สินให้ และทำให้ดอกเบี้ยถูกลง
แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องสร้างหลักประกันให้พวกเขา ด้วยการหาช่องทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เนื่องจากสภาพความเป็นจริงที่ปรากฏนั้น “นายทุนเงินกู้” พวกนี้มีวิธีการจัดการกับลูกหนี้ด้วยวิธีการต่างๆ นานา
เพราะมีอิทธิพลและมีเจ้าหน้าที่รัฐปกป้องคุ้มครองด้วย!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม