ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานฉันใด บุคคลใดที่กระทำอย่างนี้ได้ย่อมได้รับผลในที่สุด
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย
เป็น “องคมนตรี” รับใช้เบื้องพระ ยุคลบาทต่อไป
หลังจากวางมือทางการเมืองลาออก จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ตัดขาดจากการเมืองแบบไม่มีอะไรติดค้าง
เพราะเป็นนายกรัฐมนตรียาวนานถึง 9 ปีเต็มๆ ก็ควรถอยฉากออกไปเพื่อให้คนอื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามารับใช้ชาติแทน
ก็เป็นวิถีทางของ “คน” บนความเป็นไปของชีวิต
แต่นายกรัฐมนตรีที่เข้ามารับไม้ต่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ภายใต้รัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง ที่กำลังแหวกว่ายบนเส้นทางอำนาจและภารกิจใหญ่หลวง
จากวันเริ่มต้นมาถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปราว 3 เดือนแล้ว ผลงานเข้าตาหรือไม่คนไทย 60 กว่าล้านคนก็ให้คะแนนกันเองแล้วกัน
ช่วงต้นของการทำหน้าที่ยังถือว่าเป็น “มือใหม่” ทางการเมืองผ่านอาชีพนักธุรกิจไม่มีประสบการณ์มากนัก
จึงเน้นหนักไปทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลักและการทำงานฉับไวจนแทบไม่มีเวลาหยุดพักทำให้ได้ใจไปพอสมควร
อีกทั้งนับแค่เป็นนายกรัฐมนตรีมานั้น ปรากฏเดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น แทบจะพูดได้ว่าอยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทยเสียอีก
การได้พบกับผู้นำประเทศต่างๆรวมถึงนักธุรกิจระดับชั้นนำของโลกก็เท่ากับทำให้เป็นการเปิดประเทศกลายๆอีกครั้ง
เหมือนแหวกม่านประเทศไทยให้คนทั้งโลกได้เห็นและรับรู้ด้วยภารกิจเหล่านี้จึงเอาตัวรอดผ่านพ้นไปได้อย่างสบายๆ
อีกทั้งผลงานจากการเก็บรวบจาก นโยบายที่หาเสียงเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากจึงเก็บเบี้ยเหล่านี้โชว์เป็นผลงาน
...
ยิ่งประกาศว่าจะไม่ยุ่งการเมืองก็เลยไม่เกิดแรงปะทะหรือความขัดแย้ง
แต่ห้วงจากนี้ไปกำลังจะเข้าสู่วงโคจร “การเมือง” อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะในฐานะผู้นำประเทศมาจากการเมืองก็ต้องเดินอยู่ในระนาบการ เมืองด้วย
12 ธ.ค.66 รัฐสภาจะเปิดสมัยประชุมเท่ากับตีระฆังให้รู้ว่าจะต้องเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว เพราะสภาฯจะมีการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆที่จ่อรออยู่ในระเบียบวาระ
ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม งบประมาณ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทจากนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญอันเนื่องมาจากนโยบายประชานิยมที่หาเสียงเอาไว้
แต่ละเรื่องที่ว่ามานั้นล้วนมีปัญหาในตัวของมันคือ มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่เป็นจุดสำคัญอันจะพาไปสู่ความขัดแย้งได้
ซึ่งรัฐบาลจะวางบทบาทอย่างไร ...นี่คือประเด็นสำคัญ!
พูดง่ายๆว่านายกรัฐมนตรีจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ เพราะรัฐบาลต้องยืนอยู่ฝ่ายหนึ่งซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่จะมีผลต่อรัฐบาลอย่างแน่นอนก็คือ วันที่ 22 ธ.ค.66 นั้นตรงกับวันครบรอบ 3 เดือนที่ “ทักษิณ” ต้องโทษจากการจำคุกครบ 1 ใน 3 สามารถที่จะขอ “พักโทษ” ได้ตามกติกา
“ทักษิณ” ที่มีบารมีทางการเมืองคงได้กลับไปพักที่บ้าน ได้มีความเป็นอิสระ ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าฝ่ายไหน ก็ตาม
ถนนทุกสายมุ่งไปที่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ตามวิถีทาง
คราวนี้คงได้เห็นนายกรัฐมนตรีสองคนในประเทศเดียวกันแน่!
“ลิขิต จงสกุล”