ข่าวหนังสือพิมพ์และรายการข่าวทีวีหลายช่องในหลายวันที่ผ่านมา กลายเป็นรายการ “อภินิหารหมูเถื่อน” พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ถูกเด้งจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังจากที่เอาจริงเอาจังในการปราบปรามหมูเถื่อน นำกำลังบุกถึงยักษ์ใหญ่ในการค้าส่ง
แม้อธิบดีจะถูกย้ายฟ้าผ่า ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของประชาชน แต่ดีเอสไอก็ประกาศลุยต่อ และเปิดเผยว่าพบข้อมูลใหม่มีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2566 ตรวจพบ 2 บริษัทนำเข้าหมูเถื่อน 2,365 ตู้คอนเทนเนอร์ นำเข้าจากอเมริกาและยุโรปและค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
มูลเหตุที่ต้องนำหมูเถื่อนเข้าจากต่างทวีป เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้นในไทย จึงเริ่มนำเข้ามาตั้งแต่ปี 2564 ส่วนที่ตกค้างอยู่ที่แหลมฉบังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่า 3 พันล้านบาท บริษัทแม็คโครยืนยันว่านำเข้ามาอย่างถูกต้อง และได้ยกเลิกสัญญากับ 2 บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เพราะนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพ
หมูเถื่อนกลายเป็นปัญหา “การเมือง” ในรัฐบาลปัจจุบัน เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จากพรรคพลังประชารัฐกับรัฐมนตรีช่วยว่าการจากพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีช่วยโวยว่าได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ที่ควบคุมเรื่องหมู แต่ไม่มีอำนาจในการควบคุมข้าราชการ
รัฐมนตรีว่าการอ้างว่า เรื่องงบประมาณและการบริหารงานบุคคลเป็นอำนาจของตน รมช.ไม่เกี่ยว แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไม่มีอำนาจจะให้บริหารงานได้อย่างไร และไม่ทราบว่าปัญหานี้ลงเอยอย่างไร รู้แต่ว่าในที่สุด อธิบดีดีเอสไอโดนย้าย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีแสดงความไม่พอใจเรื่องหมูเถื่อนล่าช้า
หมูเถื่อนนอกจากจะผิดกฎหมาย โยงใยถึงนักการเมือง ข้าราชการหลายฝ่ายที่จะต้องถูกสอบสวนดำเนินคดี ยังอาจกระทบต่อสุขภาพของคนไทยด้วย เนื่องจากเป็นของเถื่อน กระทรวงสาธารณสุขจึงไม่ได้ตรวจสอบ เป็นภัยต่อประชาชนหรือไม่ กลายเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงการบริหารประเทศของรัฐบาล
...
ปัญหาหมูเถื่อนกลายเป็นข่าวโด่งดังแข่งกับข่าว “เสี่ยแป้ง” นักโทษที่ออกมาปล่อยคลิปร้องเรียนว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการและศาล สิ่งที่สังคมไทยต้องการที่สุดขณะนี้ คือการปกครองตามหลักนิติธรรม ทุกคนเสมอหน้ากันตามกฎหมาย ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย.