ศาลอาญา สั่งจำคุก-ปรับเงิน 6 แกนนำ กปปส.คดีร่วมกันกบฏ ขัดขวางเลือกตั้ง ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปี 56-57 แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา คนละ 2 ปี ทำ "ตั๊น" จิตภัสร์-ทนายนกเขา รอด เพราะไม่เคยต้องโทษมาก่อน ยกฟ้อง "กิตติศักดิ์ ปรกติ" จำเลยที่ 7

ที่ศาลอาญา เช้าวันที่ 1 ธ.ค. 2566 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส.ร่วมกันกบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายอุทัย ยอดมณี, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา, น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร, นายพานสุวรรณ ณ แก้ว, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือเรียกกันว่า คดีกบฏ กปปส.ชุดเล็ก

...

อัยการฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556-1พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จำเลย ที่ศาลพิพากษาลงโทษได้ร่วมกันกับพวกจำเลยคดีนี้ มั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดิน และขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง

พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว วันนี้กลุ่มจำเลยทยอยเดินทางมาศาล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความในคดี กล่าวว่า คดีนี้เป็นกบฏ กปปส. ชุดกลาง จำเลย 7 คน โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมฯ เช่นเดียวกับกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำ กปปส.

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มคำพิพากษาของศาลจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวของนายสุเทพ ที่พิพากษาจำคุกหรือไม่ ตอบว่า ต้องยอมรับว่า การชุมนุมมีผู้รักชาติรักแผ่นดินมาเป็นร่วมจำนวนมาก ดังนั้นพฤติการณ์ก็จะแยกออกเป็นกลุ่ม และในแต่ละกลุ่มพฤติการณ์ก็จะต้องแยกออกเป็นรายบุคคลอีก ซึ่งมองว่า ตามหลักการทางอาญาแล้ว การจะพิจารณาแบบเหมารวมไม่สามารถทำได้

ส่วนแนวทางในการต่อสู้ทางคดีนั้น ขอยืนยันว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง รวมถึงลักษณะของการปราศรัย เช่น น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ก็เป็นการแปลเนื้อหาข่าวสารให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความคาดเคลื่อนในการรายงานข่าว อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล

ต่อมา ศาลออกนั่งบัลลังก์ พิพากษาว่า พิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกันเห็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฏฯ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมข้อหาอื่นๆ อาทิ เช่น ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน โดยพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 เดือน จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 9 เดือน ปรับ 40,000 บาท จำเลยที่ 2-3 กระทำความผิดหลายข้อหา รวมจำคุก 5 ปี 9 เดือน ปรับ 200,000 บาท จำเลยที่ 5-6 จำคุกรวม 4 ปี 9 เดือน ปรับ 180,000 บาท

ยกฟ้องจำเลยที่ 7 ส่วนจำเลยที่ 2-6 ไม่เคยจำคุกมาก่อน มีข้อมูลการกระทำความผิดของนักการเมือง ไม่ใช่การกระทำความผิดเพื่อตัวเอง มีเจตนารมณ์แสดงออกต่อสู้เพื่อหลักนิติรัฐ มีความกล้าหาญมอบตัวต่อสู้คดีไม่หลบหนี ให้รอการลงโทษคนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่เข้าเกณฑ์รอการลงโทษให้ออกหมายขัง ล่าสุด จำเลยที่ 1 ศาลก็ตัดสินให้ รอลงอาญา ด้วย