“ก้าวไกล” ประชุมร่วมอนุฯ รับฟังความเห็นของรัฐบาล เรื่องประชามติรัฐธรรมนูญ ยื่น 3 ข้อเสนอ ย้ำจุดยืนเดิม ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง และควรทำประชามติ 3 ครั้ง 1 คำถามหลัก 2 คำถามพ่วง 

วันที่ 14 พ.ย. 66 พรรคก้าวไกล นำโดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ร่วมประชุมหารือกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 นำโดย นิกร จำนง ประธานอนุกรรมการฯ ตามที่ได้มีการนัดหมายก่อนหน้านี้

ภายหลังการประชุม ชัยธวัช กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ของรัฐบาลวันนี้ เป็นไปด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนหลายเรื่อง ต่างฝ่ายต่างเข้าใจเจตนาและเนื้อหาของกันและกัน เชื่อว่าข้อเสนอของก้าวไกลจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการชุดใหญ่หลังจากนี้

พรรคก้าวไกล ยืนยันจุดยืนเดิมว่าควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด โดยเพื่อให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยและเกิดขึ้นได้จริงภายใต้ความเห็นที่แตกต่าง พรรคก้าวไกล มีข้อเสนอหลัก 3 ข้อ ที่ได้ยื่นต่ออนุกรรมการของรัฐบาลในวันนี้

1. เรื่องจำนวนประชามติ

พรรคก้าวไกลเสนอว่าควรมีการทำประชามติ 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งหลังเป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนครั้งแรก พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการจัดทำประชามติก่อนที่รัฐสภาจะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เนื่องจากเหตุผล 3 ข้อ

(i) เพื่อให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความชอบธรรมทางการเมือง
(ii) เพื่อแก้ปัญหาการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ที่ยังคงแตกต่างกัน ว่าหากจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควรจะถามประชาชนตั้งแต่แรกหรือไม่
(iii) เพื่อใช้ประชามติครั้งแรกเป็นกลไกสำคัญในการหาข้อยุติระหว่างความคิดเห็นที่แตกต่างด้วยกระบวนการประชาธิปไตย และทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ราบรื่น ประสบความสำเร็จ

...

2. เรื่องคำถามในการจัดทำประชามติครั้งแรก

แม้จุดยืนของพรรคก้าวไกลเห็นว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ควรทำใหม่ทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมดจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลและความเห็นแตกต่างกัน ทั้งจากฝั่งรัฐบาล สว. กระทั่งประชาชน ในบางประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะความคิดเห็นเรื่องการแก้ไขหมวด 1 (บททั่วไป) หมวด 2 (พระมหากษัตริย์) หรือบางความเห็นที่ว่าแม้เห็นด้วยกับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดย สสร. แต่ สสร. ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่

ดังนั้น ข้อเสนอทางเลือกซึ่งจะทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สามารถกลายเป็นเวทีที่สำคัญในการหาฉันทามติใหม่ของสังคมไทย แก้ไขคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในรอบเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา จึงควรออกแบบคำถามประชามติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ โดยไม่ทำให้ใครรู้สึกถูกกีดกันออกจากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่ต้น และสามารถทำให้เกิดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เกิดการยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แม้แต่ละฝ่ายจะไม่สามารถผลักดันเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ตัวเองต้องการได้ทั้งหมด

พรรคก้าวไกลจึงเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ ว่า ควรออกแบบคำถามในการจัดทำประชามติครั้งแรก โดยมีคำถามหลัก 1 คำถาม และคำถามพ่วง 2 คำถาม สำหรับคำถามหลัก 1 คำถาม ควรเป็นคำถามที่กว้างที่สุดและสามารถสร้างความเห็นร่วมได้มากที่สุด คือ

คำถามหลัก: “เห็นชอบหรือไม่ว่า ควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.” เชื่อว่าจะเป็นคำถามที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย และไม่มีเงื่อนไขปลีกย่อยที่จะทำให้เกิดความเห็นแตกต่างกันหรือการคัดค้านการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่ต้น

เมื่อมีคำถามหลัก ก็ให้นำคำถามหรือประเด็นที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันมาเป็นคำถามพ่วงอีก 2 ข้อ ได้แก่ คำถามพ่วง ข้อที่ 1: “เห็นชอบหรือไม่ว่า ควรล็อกเนื้อหาในหมวด 1 และหมวด 2 ให้เหมือนกับเนื้อหาในหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยที่ สสร. ไม่มีอำนาจพิจารณาแก้ไข” และคำถามพ่วง ข้อที่ 2: “เห็นชอบหรือไม่ว่า สสร. ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมด”

3. ข้อเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564

ในเมื่อบางฝ่ายโดยเฉพาะฝั่งรัฐบาล มีความกังวลว่าการใช้เสียงส่วนใหญ่สองชั้น (double majority) ใน พ.ร.บ.ประชามติ อาจเป็นอุปสรรคและสร้างความไม่เป็นธรรมในการจัดทำประชามติ ไม่ใช่เฉพาะการจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่รวมถึงทุกเรื่องที่มีการทำประชามติในอนาคต พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าหากมีความกังวล ก็ควรมีการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ อย่างรวดเร็วเร่งด่วนเพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงวิธีการเขียนเงื่อนไขเรื่องนี้ รวมถึงเสนอว่าคณะอนุกรรมการฯ และกรรมการชุดใหญ่ น่าจะหาข้อยุติในประเด็นนี้ได้ก่อน เพราะถ้าได้ข้อยุติร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็สามารถร่วมมือกันเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประชามติ ได้ทันทีที่สภาฯ เปิดในเดือนหน้า เพื่อไม่ให้กระทบต่อกรอบเวลาในการจัดทำประชามติ