“ก้าวไกล” ร่อนแถลงการณ์กดดัน “ไชยามพวาน” แถลงรับผิดขอโทษคุกคามเหยื่อกาม พร้อมเยียวยาเหยื่อ “ปูอัด” ตั้งโต๊ะแถลงขอโทษแบบมีเชิง ทำพรรคเกิดรอยร้าว อ้างสารพัดคู่กรณียินยอม ถ่ายรูปทำคอนเทนต์โอนเงินเดือนไม่ได้จ่ายปิดปาก เสียงแข็งไม่ลาออกรอ กกต.ชี้ขาดความผิด อึกอักไม่ตอบมอมเหล้าลวงเหยื่อ “ชัยธวัช” ซัดไร้สำนึก ไม่ขอโทษอย่างจริงใจ ย้ำ กก.บห.รู้ข้อเท็จจริงพฤติกรรมมอมเหล้าลากสาวขึ้นคอนโดกินตับ นัดหลัง 4 พ.ย. ถก กก.บห.โหวตขับพ้นพรรคหรือไม่ “เศรษฐา” งดตอบโต้ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เล็งปิดจ๊อบเคาะดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทศุกร์หน้า “สุทิน” ปัดปอดแหกหงอกองทัพ ยันไร้นโยบายยุบ กอ.รมน. “โรม” แฉ 11 ปีสูบงบฯแสนล้านบาท สร้างความมั่งคั่งให้คนในกองทัพแฉผลาญงบ 4 พันล้านอธิบายไม่ได้ จี้เปิดทางหา หน่วยงานอื่นทดแทน

จากกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือแจ้ สส.ปราจีนบุรี ที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ขณะที่กรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด สส.กทม. ที่ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศเช่นเดียวกัน แต่มติของพรรคมีเสียงไม่เพียงพอที่จะขับพ้นพรรค จึงพิจารณาลงโทษตัดสิทธิพึงมีในฐานะสมาชิกพรรค พร้อมให้แถลงยอมรับผิด ขอโทษต่อสังคมและผู้เสียหายอย่างจริงใจ

ก.ก.จี้ “ไชยามพวาน” รับผิดรีบขอโทษ

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ส่งหนังสือลงนามโดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถึงนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ “ปูอัด” สส.กทม. พรรค ก.ก. แจ้งให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก.ก. ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ระบุว่า นายไชยามพวาน ฝ่าฝืนวินัยสมาชิกพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค กรณีแสดงออกในทางตรงข้ามกับอุดมการณ์ อันเป็นค่านิยมที่สำคัญของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง กระทำการล่วงเกินคุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อบุคคลอื่น อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับพรรค ต่อมา กก.บห.พรรคได้พิจารณากำหนดโทษด้วยการตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค และกำหนดเงื่อนไขให้ต้องดำเนินการต่อไปนี้ (1) แถลงยอมรับผิดและขอโทษในทางสาธารณะต่อสังคมกับผู้เสียหายทั้ง 3 ราย อย่างจริงใจต่อการกระทำผิดทางวินัยดังกล่าว ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พ.ย.

...

ไม่ปฏิบัติประชุมขับอีกรอบ

หนังสือดังกล่าวระบุอีกว่า (2) ชดเชยเยียวยาความเสียหายตามสมควรแก่กรณี ต่อผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ภายในระยะเวลาอันสมควร โดยกำหนดให้ต้องแจ้งหลักฐานการเยียวยาความเสียหายต่อ กก.บห.พรรค และตามข้อ 1 ต้องแถลงมาตรการเยียวยาความเสียหายโดยสังเขปด้วย (3) ยุติการก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายทั้ง 3 ราย โดยทางตรงและทางอ้อมทันทีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งนี้ (4) ยุติการกระทำอันเป็นการล่วงเกิน คุกคามหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ หรือกระทำการขัดหรือแย้งต่ออุดมการณ์และข้อบังคับพรรค ต่อบุคคลอื่นใด ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกพรรค ตลอดสมัยการเป็น สส. หากนายไชยามพวาน ไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดภายในเวลา
ดังกล่าว ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งหรือมติของ กก.บห.พรรค อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือการให้พ้นจากสมาชิกภาพ จะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากำหนดโทษโดยที่ประชุมร่วมฯต่อไป

“ธิษะณา” รับสนิทแต่โหวตขับ

น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม.พรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเป็น 1 ในรายชื่อที่เกิดกระแสในโลกออนไลน์ตามหา สส.พรรค ก.ก.ที่โหวต
ไม่ขับนายไชยามพวานออกจากพรรคว่า ยกมือให้ขับทั้งนายไชยามพวานและนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ตอนแรกลังเลเพราะนายไชยามพวานเคยทำงานด้วยกัน สนิทสนมกันส่วนตัวด้วย แต่ว่าสุดท้ายยกมือให้ขับ น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ นั่งข้างตนลองโทร.ไปถามได้ มันเป็นประชาธิปไตย แล้วเสียงข้างน้อยต้องได้รับการเคารพด้วย ในเมื่อมติพรรคมันออกมาเป็นแบบนี้ ไม่ควรไปล่าแม่มดหรือไม่ ถ้าไปเลือกตั้งไปเข้าคูหา แล้วคุณบอกไหมเหมือนกันไปเลือกตั้งเป็นสิทธิของผู้มีสิทธิออกเสียงถูกไหม

“ปูอัด” อ้างยินยอม-ทำคอนเทนต์

เมื่อเวลา 13.35 น. ที่ศูนย์ประสานงาน พรรค ก.ก.เขตจอมทอง ถนนสุขสวัสดิ์ นายไชยามพวาน ตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าว โดยนำเอกสารหลักฐานที่นำเข้าที่ประชุม กก.บห.พรรคเพื่อพิจารณามาชี้แจงต่อสื่อมวลชน ทั้ง 3 กรณีถูกร้องเรียน โดยเฉพาะข้อความในไลน์ที่คุยกับผู้ร้องที่ 1 มาอ้างว่าบทสนทนาเป็นไปในทำนองยินยอมตกลงไปทานข้าวด้วยกันหลังชนะเลือกตั้ง ผู้ร้องที่ 1 ยังส่งข้อความแสดงความยินดี หากเป็นการคุกคามทางเพศใช้อำนาจบีบบังคับตามที่คณะกรรมการวินัยพรรควินิจฉัย ตนต้องขอโทษจริงๆ ส่วนผู้ร้องที่ 2 ที่อ้างว่าแอบถ่ายรูประหว่างผูกเนกไทเป็นการคุกคามทางเพศ รูปดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อเป็นคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียที่ผู้ร้องที่ 2 คิดคอนเทนต์ บ่งชี้ได้ว่าผู้ร้องรู้ตัวว่าถูกถ่ายและมีผู้ช่วยคนอื่นอยู่ด้วย ไม่ใช่ 2 ต่อ 2 อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง ส่วนสลิปเงินที่ปรากฏในโซเชียลฯที่ตีความกันว่า ตนให้เงินเพื่อปิดปาก เป็นเงินเดือนตามข้อตกลงร่วมงาน แต่หากรูปดังกล่าวถือว่าคุกคามทางเพศและโอนเงินเพื่อกลบเกลื่อนความผิด ต้องขอโทษจริงๆ

ขอโทษ ปชช.ทำให้พรรคมีรอยร้าว

นายไชยามพวานกล่าวอีกว่า ส่วนผู้ร้องที่ 3 ร้องว่า ตนแตะเนื้อต้องตัวคุกคามทางเพศ ไม่มีเจตนาสัมผัสตัวใครเพื่อเป้าประสงค์ทางเพศ การสัมผัสตามคำร้องนั้น เป็นการแตะเนื้อต้องตัวตามธรรมดาเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้ก้าวล่วงในส่วนที่พึงประสงค์ หากผิดพลาดไม่คิดให้รอบคอบถึงขอบเขตเหล่านี้ให้ดีพอ ต้องขออภัย ท้ายที่สุด เคารพการตัดสินใจของมติพรรค ฝากสื่อ ประชาชน ช่วยพิจารณาตามเอกสารหลักฐานว่าเป็นพฤติกรรมคุกคามทางเพศและเข้าข่ายหรือไม่ ขอโทษเพื่อนๆที่ทำให้พรรควันนี้มีรอยร้าว และขอโทษประชาชนในพื้นที่ หลังเสร็จแถลงข่าวจะลงพื้นที่ต่อ เดินหน้าพบประชาชนที่ตนรักทุกคน เพื่อแก้ปัญหาให้กันต่อไป

เสียงแข็งไม่ลาออกรอ กกต.ชี้ขาด

จากนั้นผู้สื่อข่าวจะพยายามซักถาม แต่นายไชยามพวาน พยายามหลีกเลี่ยงบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมตอบคำถาม ยืนกรานไม่ขอตอบประเด็นที่ถาม อาทิ คำถามกรณี สส.พรรค ก.ก.กดดันให้ลาออก ถ้าไม่ออกจะคลางแคลงใจกันหรือไม่ เป็นต้น เมื่อถามว่าได้ขอโทษผู้เสียหายหรือไม่ นายไชยามพวานอ้างว่าพรรคจะเป็นคนกลางคุยเรื่องเยียวยา การจะติดต่อผู้เสียหายหรือไม่ขึ้นอยู่ที่พรรค เมื่อถามย้ำว่ามีการล่วงละเมิดหรือไม่ นายไชยามพวานตอบว่า ขอให้ดูที่เอกสารเป็นตัวพูดดีกว่า ท้ายที่สุดต้องไปพิจารณาในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรอ กกต. สอบสวน ถ้าผิดจริงพร้อมจะลาออก

อึกอักไม่ยอมตอบมอมเหล้าเหยื่อ

เมื่อถามว่า มีข้อมูลว่าไปมอมเหล้าแล้วล่วง ละเมิดทางเพศ นายไชยามพวานตอบว่า “ดูเอกสารได้เลยครับ” เมื่อถามว่า แต่เอกสารไม่ได้ระบุรายละเอียด นายไชยามพวาน ตอบแบบอึกๆอักๆว่า “ผมขอให้เอกสารเป็นตัวพูดดีกว่า ท้ายที่สุด กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้” อย่างไรก็ตาม ตลอดการแถลงข่าว นายไชยามพวานโน้มตัวโค้งชนิดศีรษะแทบจดกับพื้นโต๊ะแถลงข่าวเพื่อขอโทษถึง 3 ครั้ง ช่วงที่ถูกผู้สื่อข่าวซักถามถึงกับต้องถอดแว่นใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าและดวงตา แต่ยังฉีกยิ้มได้ ก่อนขอตัวเดินเลี่ยงออกจากวงผู้สื่อข่าวไป

“ต๋อม” ซัดไม่สำนึกพาขึ้นคอนโดกินตับ

ต่อมาเวลา 17.42 น. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นส่วนตัว 12 ข้อ หลังได้ฟังนายไชยามพวานแถลงข่าว สรุปว่าแม้นายไชยามพวานแถลงน้อมรับมติพรรคและขอโทษ แต่ไม่ได้สำนึกยอมรับว่าพฤติการณ์เข้าข่ายคุกคามทางเพศแม้แต่น้อย ไม่ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ กก.บห.ทราบข้อเท็จจริงข้อโต้แย้ง ข้อกล่าวหาทั้งหมด ที่พยายามแสดงหลักฐานสื่อว่าการล่วงเกินทางเพศต่อผู้เสียหายรายที่ 1 เกิดขึ้นโดยอีกฝ่ายไม่เคยแสดงอาการไม่ยินยอมใดๆ การล่วงเกินทางเพศเกิดขึ้นโดยผู้เสียหายอยู่ในสภาพมึนเมา ย่อมไม่อยู่ในสถานะที่จะให้การยินยอมหรือไม่ ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์พาผู้เสียหายไปคอนโด แม้ความสัมพันธ์กับผู้เสียหายก่อนและหลังเกิดเหตุดูเป็นปกติดีต่อกัน แต่ผู้เสียหายไม่เคยยินยอมให้นายไชยามพวานมีเพศสัมพันธ์ด้วยอีกเลย กรณีรายที่ 2 กก.บห.ไม่ได้พิจารณาจากรูปและคลิป แต่พิจารณาข้อเท็จจริง ขณะนายไชยามพวานเป็น สส.ชักชวนผู้เสียหายรายที่ 2 ไปต่างจังหวัดสองต่อสอง 2 ครั้ง โดยไม่เกี่ยวกับงาน โดยผู้เสียหายปฏิเสธ ส่วนรายที่ 3 ผู้เสียหายเห็นว่านายไชยามพวานพยายามเข้าหา พูดคุยลักษณะที่ทำให้รู้สึกถูกคุกคามทางเพศ จนต้องขอลาออก

หลัง 4 พ.ย.ถก กก.บห.โหวตขับทิ้ง

นายชัยธวัชระบุอีกว่า กก.บห.พิจารณาพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง 3 รายประกอบกันเห็นว่านายไชยามพวานมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศต่อผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อระบบอาสาสมัครของพรรค การแถลงข่าวนอกจากไม่สำนึกยอมรับผิดและขอโทษอย่างจริงใจแล้ว ยังอาจก่อความเสียหายซ้ำเติมต่อผู้ถูกกระทำ ดังนั้นหลังวันเสาร์ที่ 4 พ.ย.ในฐานะหัวหน้าพรรคจะเรียกประชุม กก.บห.เพื่อให้พิจารณาว่า นายไชยามพวาน กระทำการตามมติ กก.บห.หรือไม่ หากเห็นว่ากระทำขัดต่อมติจะนำไปสู่กระบวนการทางวินัยจากฐานฝ่าฝืนมติดังกล่าว เป็นความผิดวินัยร้ายแรง หากผิดจริง จะนำไปสู่การจัดประชุมร่วม กก.บห.กับ สส.เพื่อมีมติให้นายไชยามพวานพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ก.ก.หรือไม่ต่อไป

ม็อบ “สีดาไม่ทน” บุกกดดัน

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น.ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อาคารอนาคตใหม่ ตัวแทนเฟซบุ๊กแฟนเพจ “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” พากันเดินทางมาในนาม “กลุ่มสีดาไม่ทน” พร้อมด้วยนายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปราศรัยเรียกร้องให้พรรค ก.ก.เปิดเผยรายชื่อ สส.ที่ร่วมประชุม กก.บห.และ สส.พรรค ก.ก.ที่โหวตสนับสนุนนายไชยามพวาน จนไม่ถูกขับออกจากพรรค มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ และ กก.บห.พรรค ก.ก.ประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหาย ออกมาพูดคุย โดย “เค สามถุยส์” สอบถามว่า ทำไมพรรค ก.ก.อ้างว่ามติพรรคเป็นมติที่ประชุมลับ น.ส.เบญจาตอบว่า เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ข้อเท็จจริงเราเปิดเผยให้สมาชิกรับทราบ พรรคพร้อมดูแลผู้เสียหาย ในกรณี สส.ปราจีนบุรี พรรคพร้อมช่วยเหลือผู้เสียหายในเรื่องคดี ส่วนกรณี สส.กทม.พรรคพร้อมคุ้มครองเยียวยา ผู้เสียหายที่ขณะนี้อยู่ในช่วงเสียใจ และไม่มี “ตั๋วไอติม” ไม่มีพวกมาลากไป จากนั้นตัวแทนกลุ่มสีดาไม่ทน พากันผูกริบบิ้นขาวที่มือแล้วชี้ไปที่อาคารพรรค ก.ก.

กกต.แจงไม่มีอำนาจสอบจริยธรรม

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า กรณีนายไชยามพวาน ระบุพร้อมให้ กกต.ตรวจสอบกรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ตามที่นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี อดีต สส. กทม. เขตจอมทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยื่นคำร้องนั้น พฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรค ที่อยู่ในอำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาว่าจะให้พ้นหรือไม่พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งไม่ได้เป็นลักษณะต้องห้ามของ สส.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 แต่อาจเป็นพฤติกรรมด้านจริยธรรม ตามมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภา และจริยธรรมตามข้อบังคับพรรคการเมือง แต่ถ้าสมาชิกที่ถูกพรรคขับออกเห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม มาร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ เพราะมีหน้าที่ดูแลให้พรรคดำเนินกิจการทางการเมืองให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมาย

รทสช.ได้ทีขยี้ดูภูมิหลัง สส.ให้ดี

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึง สส.พรรค ก.ก.คุกคามทางเพศว่า ไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรค ก.ก.กรณีที่จะดำเนินการ กับ สส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็น สส.ในสภา ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย ดูว่ามีภูมิหลังอย่างไร มีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณาพรรคการเมืองให้เกียรติประชาชน ส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือก ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายเหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง

นายกฯลุยแก้หนี้นอกระบบ

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมหารือ ภายหลังการประชุม นายกฯแถลงว่า สิ้นเดือน พ.ย.จะมีการแถลงข่าวใหญ่วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ นายเศรษฐายังได้ทวีตข้อความผ่าน x ว่า “ความรับผิดชอบในการจัดการเรื่องหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินกฎหมาย ลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้ที่เกินเงินต้นจำนวนมากเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้น ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องหาแนวทางจัดการแก้ไขหนี้สินรายย่อยเชิงรุก เพื่อแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้นทางให้ประชาชน”

ไม่ต่อความยาวสาวความยืด

ต่อมาเวลา 11.53 น. นายเศรษฐากล่าวถึง กรณีที่สื่อบางสำนักวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนายกฯหุ่นเชิด เพราะไม่กล้ายุบ กอ.รมน. โดยได้ทวีตชี้แจงผ่าน X แล้วว่า ก็ตามนั้นชัดเจนอยู่แล้ว คิดว่าได้พูดและเขียนชัดเจนไปแล้ว ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด อย่าให้ความสำคัญกันมากนักเลย ถ้ามีข้อสงสัยหรือข้อข้องใจอะไร ตอบไปตามที่ตัวตนเป็นอยู่ แค่นั้นแหละ ไม่ได้ต้องการจะให้เกิดความขัดแย้งหรืออะไร

หวังจบเงินดิจิทัลฯศุกร์หน้า

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ส่วนความชัดเจนนโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ในวันที่ 3 พ.ย. เวลา 15.00 น. จะประชุมกันภายใน แล้วเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบว่าจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อไหร่ ทุกอย่างหวังว่าน่าจะจบภายในอาทิตย์หน้า ชัดเจนนะ อย่าไปถามรัฐมนตรีคนอื่น หรือที่ปรึกษาคนอื่นแล้วกัน ฟังจากตนนี่แหละ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย น่าจะ มีการประชุมคณะอนุกรรมการก่อนจึงจะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เพราะเดี๋ยววันที่ 12 พ.ย.ต้องเดินทางไปประชุมเอเปก อยากจะให้จบภายในวันศุกร์หน้าให้ได้

ถกเซ็นทรัลฯ ผุดโปรเจกต์ยักษ์

จากนั้นเวลา 13.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาให้การต้อนรับ นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลและคณะผู้บริหารเข้าเยี่ยมคารวะ ต่อมาเวลา 15.00 น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า เครือเซ็นทรัลฯบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ตนได้แจงนโยบายท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง รับฟังหลายเรื่อง รวมถึงมาตรการภาษี มาตรการการแข่งขันค้าปลีกที่ไม่เป็นธรรมจะรับไปดำเนินการ และจะมีโปรเจกต์ใหญ่ประมาณกลางเดือนหน้าจะประกาศได้ อย่างน้อยคุยกับรายใหญ่รายแรกไปได้รับการตอบรับที่ดี หวังว่าจะมีรายอื่นๆเข้ามาทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐเอกชนได้ หวังว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการพัฒนาเมืองรอง แต่ไม่ใช่มาตรการภาษีแบบช้อปดีมีคืน แต่ใหญ่กว่านั้นและครอบคลุมเยอะกว่านั้น จากนี้จะมีมาตรการด้านการท่องเที่ยวออกมาเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่าบางส่วนติดข้อกฎหมายแต่ที่ไม่ติดข้อกฎหมายเร่งดำเนินการเลย ต้องการให้ทันช่วงปีใหม่นี้ อะไรที่ทำได้ก่อนเราทำเลย

แฮปปี้จีนไฟเขียวรับโคไทย

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ช่วงบ่ายได้พบกับนายหาน จื้อ เฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย หารือข้อราชการหลังไปประชุมที่กรุงปักกิ่ง ได้ติดตามหลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านการเกษตร การส่งออกโค ฝ่ายจีนรับพิจารณาจะให้ส่งโคออกไปขาย โดยไม่ต้องผ่านด่านกักกันที่ สปป.ลาว ฝ่ายจีนยินดีจะรับส่งโคโดยตรงจากประเทศไทย ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ เอกอัครราชทูตจีนได้ถามขั้นตอนต่อไปจะทำอย่างไรจึงจะได้รับข้อมูลเพิ่มมากขึ้น สัปดาห์หน้าหรือ 2 สัปดาห์หลังกลับจากประชุมเอเปก ที่เมืองซานฟรานซิสโก จะให้กระทรวงคมนาคมและบีโอไอไปอธิบายให้ฟัง ฝ่ายจีนจะได้เข้าใจนโยบายนี้ จะได้กลับมาพูดคุยว่าอยากมีส่วนร่วมพัฒนาหรือลงทุนอะไรได้บ้าง และหารือการสร้างสะพานมิตรภาพ 2 เชื่อมระหว่าง จ.หนองคายไปลาว รองรับการส่งออกสินค้าไปจีน และยังได้สอบถามความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำ ถือว่าก้าวหน้าดีต้องพูดคุยต่อ สื่อมวลชนและประชาชนสนใจมาก ขอให้รอข้อสรุปจะดีกว่าแล้วค่อยพูดกัน แต่ถือว่าพัฒนาไปในทิศทางที่ดี รวมทั้งได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ติดตามความคืบหน้าตลาดซาอุดีอาระเบียที่ไปฟื้นความสัมพันธ์มา

พท.ลั่นนายกฯ–พรรคไม่ใช่หุ่นเชิดใคร

นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีความเข้าใจผิดและมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง และพรรคเพื่อไทยในประเด็นกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่า การสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนนโยบายยุบ กอ.รมน. พรรค พท.ทั้งช่วงก่อนและระหว่างหาเสียงหรือหลังตั้งรัฐบาล ไม่เคยมีนโยบายสนับสนุนการยุบ กอ.รมน. ความตั้งใจของพรรคสอดคล้องกับความต้องการในการบริหารประเทศของนายเศรษฐา ที่ตั้งใจปรับปรุงพัฒนากองทัพให้ทันสมัย เป็นประชาธิปไตย ช่วยเหลือและเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด พรรคขออนุญาตกล่าวแทนนายเศรษฐาว่าเราขอยืนยันว่าไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร ไม่ได้ประนีประนอมกับอำนาจฝ่ายใดเพื่อความอยู่รอดทางการเมือง แต่บริหารงานและวางยุทธศาสตร์ทุกอย่างตามหลักประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์อันสูงสุดของประชาชน อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นใน พรรคและนายเศรษฐาจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง และหากเราต้องบริหารประเทศโดยอยู่ภายใต้อำนาจใคร อำนาจเดียวที่เราจะยอมคืออำนาจของประชาชน

สั่งเข้ม สส.ลงพื้นที่ส่งต่อการบ้าน รบ.

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯจนไปถึงวันที่ 12 ธ.ค. พรรคเน้นย้ำให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่พบปะประชาชน สส.เขตขอให้อยู่ติดพื้นที่มีงานบุญเยอะ อยากให้ใช้เวลาช่วงปิดสมัยประชุมไปใกล้ชิดชาวบ้าน ไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแล้วนำมาแจ้งให้พรรครับทราบเพื่อหาทางแก้ปัญหา ออกเป็นนโยบายหาทางช่วยเหลือประชาชนต่อไป รวมถึงไปอธิบายความเข้าใจถึงทำงานของรัฐบาลบางเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ เช่นดิจิทัลวอลเล็ต ให้ไปบอกว่าที่วิพากษ์วิจารณ์ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนงานอยู่ ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากโครงการตามที่พรรค พท.ออกเป็นนโยบายหาเสียงแน่นอน ขณะที่ สส.บัญชีรายชื่อให้ประสานงานทำงานร่วมกับรัฐบาลลงพื้นที่ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ลงพื้นที่ต่อเนื่อง อยากให้ สส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ไปช่วยขับเคลื่อนงานของรัฐบาล

มท.1 ยกนิ้วให้ กฟภ.ช่วยคนจน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กรณีที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีแนวคิดให้ประชาชนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 บาท ค้างชำระค่าไฟได้ 3 เดือน ก่อนยกมิเตอร์ เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นตอนที่ไปมอบนโยบายให้กับ กฟภ.และทราบว่าหากผู้ใช้ไฟค้างชำระเพียง 1 เดือนจะถูกถอดมิเตอร์ทันที ได้เสนอให้ยืดเวลาชำระออกไปอีก 3 เดือน ขอบคุณที่ กฟภ.สนองนโยบาย และถ้ามีนโยบายอะไรที่ถูกต้องครบถ้วน ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดระเบียบ กระทรวงมหาดไทยพร้อมสนองทันที

รทสช.ยึดมารยาทหนุนแจก 1 หมื่น

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า มั่นใจว่านายกฯไม่ต้องการให้เกิดปัญหาแบบที่ประชาชนห่วง โดยมารยาทเราต้องปฏิบัติตามนโยบาย เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบประชาชนตามที่ประชาชนและภาคธุรกิจเป็นห่วง ถ้าสามารถดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบตรงนี้ได้ พยายามตัดส่วนที่ไม่ดีออกไปหรือให้เหลือน้อยที่สุด ให้เหลือแต่ส่วนที่ดีไว้ จะเดินหน้าได้ เท่าที่ทราบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามปรับปรุง ปรับลด ปรับแต่ง เปลี่ยนแปลงกันอยู่

“สุทิน” ปัดปอดแหก ลั่นไม่ยุบ กอ.รมน.

ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมสภากลาโหมถึงนโยบายของพรรค พท. ชัดเจนไม่ยุบ กอ.รมน. แต่จะปรับภารกิจและกำลังคนให้กระชับ ไม่ทับซ้อน จะดูผลไปอีกสักระยะ อาจมาทบทวน ถ้าบริบทเปลี่ยนไปแล้วภารกิจไม่สอดคล้อง จะยุบค่อยว่ากัน แต่ระยะเวลานี้ยังไม่มี เมื่อถามว่าไม่ได้เกรงกลัวใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้กลัวอะไร แต่ข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติ แม้กระทั่งบุคลากร คนไม่ใช่เครื่องจักร ไม่ใช่วัตถุที่จับโยกหมุนเวียน จับตั้งได้ ไม่ได้กลัว เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล ผบ.เหล่าทัพ รมว.กลาโหม ชื่นมื่นหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า จนถึงวันนี้ร่วมมือกันดี ทำงานกันได้ดี

ส่ง “บิ๊กเล็ก” ถกจีนสางเรือดำน้ำ

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนการเจรจาเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตจีนแทน เร็วๆนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม จะหารือกับกองทัพเรือตามกรอบเวลาสัญญาที่เคยขยายการต่อเรือดำน้ำจากช่วงโควิดสิ้นสุดช่วง ธ.ค.66 ส่วนตนจะคุยกับจีนในงาน Defence and Security สัปดาห์หน้าที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริษัทต่อเรือจีนมาร่วมงาน รวมทั้งจะพูดคุยกับจีนที่อินโดนีเซีย ในงานประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน กลาง พ.ย.ให้ได้ชัดเจนและข้อสรุป เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า ทร.ต่อรองอยากได้เรือดำน้ำกลับมาแม้เป็นเครื่องยนต์จีน นายสุทินตอบว่า ไม่ได้มาต่อรองอะไร ทร.รู้ข้อจำกัด ทั้งนี้ ยังไม่ทราบข่าวว่าเยอรมันจะเปลี่ยนใจขายเครื่องยนต์ให้จีน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง กลับมาที่ข้อตกลงเดิมได้ ไม่มีปัญหา

“โรม” ชี้ 11 ปี กอ.รมน.ดูดงบฯแสนล้าน

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.แถลงข่าวจับตานโยบาย (Policy Watch) กรณีข้อเสนอยุบ กอ.รมน.เรียกร้องรัฐบาลเปิดทางให้ร่างกฎหมายของพรรค ก.ก.ได้รับการพิจารณาในสภาฯว่า กอ.รมน. คือโครงสร้างที่ทำให้กองทัพแทรกซึมไปยังส่วนต่างๆของระบบราชการ บทบาทของ กอ.รมน.มีปัญหาอีกหลายด้าน ในแง่งบฯ ปีล่าสุด กอ.รมน.ได้รับงบฯ ไปมากถึง 7.7 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับงบฯกระทรวงดิจิทัลฯ มากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้งบฯเพียง 4 พันล้านบาท รวม 11 ปีที่ผ่านมา กอ.รมน.ใช้งบฯไปกว่าแสนล้านบาท

4 พันล้านเพิ่มความมั่งคั่งคนในกองทัพ

“4 พันล้านบาท จาก 7.7 พันล้านบาท ถูกใช้ไปในรายการอื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ สืบสวนลึกลงไปพบว่าถูกนำไปสร้างความมั่งคั่งให้คนของกองทัพที่เข้าไปทำงานใน กอ.รมน. เป็นต้น ในฐานะประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ มอบหมายให้นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ในฐานะกมธ.ฯ ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคงแทนที่ และจัดทำรายงานเหตุผลที่นำไปสู่การยุบ กอ.รมน.ศึกษารอบด้าน เพื่อนำเสนอสู่ชั้น กมธ.ส่งต่อสภาฯ ก่อนส่งต่อรัฐบาลตามลำดับต่อไป หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วรัฐบาลจะศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง” นายรังสิมันต์กล่าว

“ศรีฯ” ร้อง กกต.สอยพรรค ก.ก.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ตรวจสอบเอาผิดต่อพรรค ก.ก. และนักการเมืองที่มีแนวคิดออกกฎหมายยุบกองอำนวยการรักษาความั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้เหตุผลว่าสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 52 ระบุชัดว่ารัฐมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของประชาชน สส.ทุกคนต้องปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายหรือเอาผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่คิดอยากจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจไม่ได้ และอาจเข้าข่ายการทำลายระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 (2) เป็นเหตุแห่งการยุบพรรค

จ่อส่งคำถามประชามติให้ สส.–สว.

วันเดียวกัน นายนิกร จำนง ประธานอนุกรรมการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรับฟังความเห็นของประชาชนและฝ่ายการเมืองในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญว่า หลังอนุกรรมการได้รับฟังความเห็นแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญจาก กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯแล้ว อนุกรรมการฯจะส่งร่างคำถามประชามติไปยังสมาชิกรัฐสภาทั้ง สส.และ สว.ให้ตอบแสดงความเห็นช่วงการเปิดประชุมสภาฯสมัยหน้าเดือน ธ.ค.จะส่งเป็นรายบุคคลในวันที่มาประชุมสภาฯฝากเจ้าหน้าที่สภาฯที่รับเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมแจกไปทีเดียว ไม่ใช้วิธีส่งเป็นจดหมายไปที่บ้านหรือที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เนื่องจากกังวลว่าสมาชิกจะไม่กลับภูมิลำเนา

ตั้งคำถามไร้ตัวเลือกแก้ทั้งฉบับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างคำถามการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เบื้องต้นที่จะสอบถามสมาชิกรัฐสภา มี 3 ประเด็น ดังนี้ 1.เห็นสมควรให้แก้รัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ 2.ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 (1) ทั้งฉบับ คงไว้ซึ่งหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือ (2) แก้ไขรายมาตรา 3.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ท่านเห็นสมควรจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาดำเนินการหรือไม่ และคณะอนุกรรมการฯจะสอบถามถึงประเด็นจำนวนครั้งการทำประชามติในการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ว่า เห็นสมควรจัดออกเสียงประชามติกี่ครั้ง มีตัวเลือกคือ 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้งหรือมากกว่า 3 ครั้ง

“พิธา” แจ้งทรัพย์สินไร้หุ้นไอทีวี

วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. 90 คน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ที่สนใจ อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. มีทรัพย์สิน 65,530,955 บาท โดยไม่พบการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อเทียบกับกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินพ้นตำแหน่ง สส.วันที่ 20 มี.ค.66 มีทรัพย์สินลดลง 19.1 ล้านบาท นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. มีทรัพย์สิน 14,727,352 บาท เป็นของนายชัยธวัช 6,014,799 บาท และของ น.ส.งามเพ็ญ ไชยบุรินทร์ คู่สมรส 8,640,956 บาท มีหนี้สิน 730,235 บาท นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. มี 12,868,291 บาท มีหนี้สิน 6,535,400 บาท นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. มี 10,040,454 บาท มีหนี้สิน 27,568 บาท นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม. พรรค ก.ก. 456,873,264 บาท มีหนี้สิน 6,154,288 บาท และนายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรค ก.ก. มี 71,417 บาท มีหนี้สิน 56,807 บาท

“หม่อมปืน” รวยที่ดิน 1.7 พันล้าน

ม.ล.ชโยธิต กฤดากร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช.มี 2,581,704,853 บาท มีหนี้สิน 71,252, 818 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 14 แปลง มูลค่า 1,776,210,000 บาท โดยเฉพาะที่ดิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 7 ไร่ มูลค่า 883,260,000 บาท ที่ดินเขตพระโขนง กทม. 1 ไร่ มูลค่า 454 ล้านบาท ที่ดินเขตบางกะปิ กทม. 1 ไร่ 29 ตารางวา มูลค่า 107,250,000 บาท น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช พรรค รทสช. และ รมว.อุตสาหกรรม มี 81,599,205 บาท นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรค ปชป.มีทรัพย์สินรวม 586,610,839 บาท มีหนี้สิน 4,693,582 บาท ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. มี 107,931,832 บาทเป็นของนายจาตุรนต์ 29,038,968 บาท ของนางจิราภรณ์ ฉายแสง คู่สมรส 78,892,863 บาท

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่