เอาคืนทันควัน ตำรวจโรงพักช้างเผือก ปฏิบัติการ “สยบสัปเหร่อ” บุกจับร้านอาหารชื่อดังกลางเมืองเชียงใหม่ เปิดให้บริการและขายเหล้าเกินเวลา ผงะเจอลูกค้าเป็นเจ้าพนักงานปกครองจากส่วนกลาง 1 ในชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการ “ป่าช้าแตกคืนวันฮาโลวีน” ทลายผับเถื่อนปล่อยโจ๋นับร้อยคนเข้าไปเที่ยว จนเป็นเหตุให้ 5 เสือโรงพักโดนเด้ง “บิ๊กเต่า” ส่งตำรวจ ปปป.ลงพื้นที่ ชี้หากคนมหาดไทยผิดจริงโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่แน่ “มท.1” ลั่นไม่ปกป้อง แต่ต้องตรวจสอบให้ชัด ยันเจรจา ผบ.ตร.-อธิบดีกรมการปกครอง เคลียร์ใจสงบศึกสองหน่วยงานแล้ว ด้าน “ผอ.รณรงค์” โต้ส่งลูกน้องไปสืบหาข้อมูลในร้านไม่ได้จัดเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ขู่ฟ้องสื่อเสนอข่าวบิดเบือน

นโยบายจัดระเบียบสังคม กลายเป็นความขัดแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ 2 หน่วยงาน ถึงขั้นเปิดปฏิบัติการเอาคืนกันทันที ท่ามกลางความสับสนของประชาชน เปิดเผยเมื่อเวลา 02.50 น.วันที่ 3 พ.ย. พ.ต.ต.พีระพล ขวาของ สว.สส.สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ต.อมรเทพ สุขันธ์ สวป.สภ.ช้างเผือก พร้อมชุดสืบสวน และชุดป้องกันปราบปราม สภ.ช้างเผือก สนธิกำลังกว่า 30 นาย ออกตรวจสถานบริการและร้านจำหน่ายสุราในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พบร้าน Level 9 ยังเปิดไฟและมีเสียงดนตรี เข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบยังเปิดให้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มาใช้บริการ มีนายเรืองศักดิ์ พงศ์ธีรธัญ อ้างเป็นผู้จัดการดูแลร้าน

ตำรวจตรวจสอบพยานหลักฐาน พยานบุคคล ภาพถ่าย พบมีลูกค้าใช้บริการหลายโต๊ะประมาณ 40-50 คน นั่งดื่มกินอยู่ในร้าน เมื่อตรวจสอบบัตรประชาชนผู้มาใช้บริการพบว่า ในจำนวนนั้นมีกลุ่มเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองจากส่วนกลาง นั่งดื่มกินอยู่ในร้านด้วย ในร้านยังมีหญิงสาวที่เป็นเด็กเอ็นฯ และหญิงสาวอายุ 17 ปีนั่งดื่มด้วย สอบถามนายเรืองศักดิ์ ผู้จัดการร้านยอมรับว่า ร้านของตนยังเปิดให้บริการอยู่ ตำรวจแจ้งข้อหา “จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด” นำหลักฐานพยานส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดี

...

ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. ต่อเนื่อง 1 พ.ย. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดดังกล่าวได้เข้าตรวจสอบสถานบันเทิง “ร้านเลอเนิร์ฟ” ในเขตพื้นที่ สภ.ช้างเผือก หรือเรียกกันว่าปฏิบัติการ “ป่าช้าแตกคืนวันฮาโลวีน” จับผู้ดูแลร้านปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการกว่า 200 คน ส่งผลให้ 5 เสือโรงพักช้างเผือกถูกเด้งเข้ากรุ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยทันที กลายเป็นข่าวความขัดแย้งของสองหน่วยงานในการปฏิบัติงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านดังกล่าวเป็นร้านเส้นใหญ่ อันดับต้นๆของ จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่บนตึกสูงชั้น 9 หลังมีการบุกจับผับในพื้นที่ สภ.ช้างเผือก ทุกสถานบริการทั้งที่เปิดปิดตามเวลาหรือผิดกฎหมายต่างพากันปิดบริการไปจำนวนมาก แต่ในคืนที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้ามาใช้บริการร้านอ้างว่าได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นกรณีพิเศษ กระทั่งตำรวจ สภ.ช้างเผือก สืบทราบยังมีร้านแอบเปิดบริการผิดกฎหมาย ได้นำกำลังบุกเข้ามาจับกุมในที่สุด

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การจับสถานบริการเปิดเกินเวลาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเอาคืน แต่เป็นการปฏิบัติการตามนโยบาย หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย. จังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดปฏิบัติการ “เชียงใหม่ Kick off ” ระดมกำลังพลออกปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ การบุกจับผับดังกล่าวเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ตำรวจต้องนำกำลังตรวจสอบ ปรากฏว่า พบมีการเปิดสถานบริการเกินเวลาจริง และได้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รรท.ผบก.ปปป. นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด เพราะเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบอยู่ในร้านเหล้าที่เปิดเกินเวลาจริง แต่กลับไม่ยอมดำเนินการตามกฎหมาย ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยืนยันพร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

เวลา 12.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมแผนบูรณาการการท่องเที่ยว ในการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. นำร่อง จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และ กทม. ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ในสถานบันเทิงเปิดเกินเวลาที่ จ.เชียงใหม่ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดก็ตาม ถ้าไม่ได้เข้าไปเพื่อปฏิบัติงาน เช่นไปสืบหรือหาข่าว ถ้าไปแบบเฮฮาก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย อธิบดีกรมการปกครองต้องดำเนินการ แต่ทั้งหมดต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปทำอะไร ยืนยันว่ากฎหมายต้องเท่าเทียมกันทุกคน ไม่ต้องกังวล

เมื่อถามว่าหากขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง อำนาจในการตรวจสอบจะอยู่ที่ฝ่ายปกครองเป็นผู้เข้าไปดูแลใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ฝ่ายปกครองดูแล และตำรวจก็ต้องดูแล แต่กรณีที่เกิดขึ้นได้หารือกับ ผบ.ตร. อธิบดีกรมการปกครอง จะร่วมกันมีชุดเฉพาะกิจร่วมปฏิบัติงานด้วยกันทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลั่นแกล้งใคร หรือชิงกันทำงานเอาหน้าเอาตาให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ปัญหาจะได้หมดไป ถึงอย่างไรต้องทำงานด้วยกัน ในระดับบนผู้บริหารทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอย่างมาก เมื่อพูดคุยกับ ผบ.ตร.ได้รับความร่วมมืออย่างดี ขณะที่มหาดไทยจะให้ความร่วมมือเต็มที่ จากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจท้องที่จะประสานงานและร่วมมือกันจัดระเบียบให้สังคมสงบเรียบร้อย

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนัก การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง (วังไชยา) เขตดุสิต กทม. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง/ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย พนักงานฝ่ายปกครอง แถลงข่าวกรณี สภ.ช้างเผือก จับร้านอาหาร Level 9 เชียงใหม่ แล้วพบเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองนั่งอยู่ในร้านว่า หลังจับกุม “เลอเนิร์ฟผับ” ย่านช้างเผือก กลางเมืองเชียงใหม่ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้วางแผนสืบสวนหลังปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบว่ายังมีสถานประกอบการใน จ.เชียงใหม่ ฝ่าฝืนกฎหมายอยู่หรือไม่ และสั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฯ 2 นาย อยู่สืบสวนตามคำร้องเรียน ต่อมาเวลา 00.15 น.

วันที่ 2 พ.ย. ชุดสืบสวนทราบว่าร้าน Level 9 ตั้งอยู่ชั้น 9 อาคารไอคอนไอที อ.เมืองเชียงใหม่ ยังเปิดขายอาหารและเครื่องดื่ม ได้เข้าสืบสวนพบข้อเท็จจริงว่าเป็นแค่ร้านอาหาร ไม่ใช่ผับ บาร์ ไม่ต้องขออนุญาตตั้งสถานบริการ ในเวลาดังกล่าวโซนภายนอกร้านปิดให้บริการแล้ว แต่ด้านในยังเปิดให้บริการอยู่ มีผู้ใช้บริการ 6 โต๊ะ

นายรณรงค์กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นตำรวจ สภ.ช้างเผือก เข้าตรวจสอบร้านพอดี เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองได้แสดงตัวและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยุติการสืบสวนในเวลา 03.00 น. และเดินทางกลับทันที ส่วนกรณีมีข่าวว่าในร้านมีเยาวชน อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ ข้อเท็จจริงพบว่าเป็นแฟนของบาร์เทนเดอร์ที่มารอรับกลับบ้านหลังเวลาเลิกงานทุกวัน เจ้าของร้านได้ให้ข้อมูลกับตำรวจขณะเข้าตรวจสอบไปแล้ว และได้กันตัวเยาวชนดังกล่าวออกไปเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนการดำเนินคดี กับร้าน Level 9 ตำรวจได้แจ้งข้อหาผู้จัดการร้าน “จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด” ปรับ 3,000 บาท และปล่อยตัวผู้จัดการกลับแล้ว

“กรณีมีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวบิดเบือน ว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเลี้ยงฉลองความสำเร็จหลังจับ “เลอเนิร์ฟผับ” นั้น ขอชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่เดินทางกลับกรุงเทพฯ ทีมแรกตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. และอีกทีมกลับมาวันที่ 2 พ.ย. ก่อนร่วมประชุมที่กรมการปกครอง (วังไชยา) เป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงฉลองกัน ขอฝากไปยังสื่อมวลชนบางสำนักที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ขอให้แก้ไขข่าว หากไม่แก้ไขข่าว ให้ถูกต้องจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายรณรงค์กล่าว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่