“เศรษฐา” ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โทรศัพท์แจ้งข่าวด้วยตัวเอง ขอให้สบายใจ 20 ตัวประกันคนไทยในอิสราเอลยังปลอดภัย ตามหาอีก 3 คนว่าอยู่จุดใด เผย สั่งเตรียมเครื่องบิน-เส้นทางการบิน พร้อมอพยพ
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า ขณะนี้กำลังคอยให้ความรุนแรงของสงครามในบางเขตที่สามารถจะพอนำตัวประกันออกมาได้ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้โทรศัพท์มาหาตน แจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ตัวประกันคนไทยจำนวน 12 คนกลุ่มหนึ่ง และอีกกลุ่ม 8 คน รวม 20 คน กำลังถูกลำเลียงมาอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อเตรียมเมื่อมีจังหวะดีก็จะย้ายออกมาอยู่รวมกัน ส่วนอีก 2-3 คน กำลังหาว่าอยู่จุดใด
เมื่อถามว่าครอบครัวของตัวประกันสบายใจได้แล้วใช่หรือไม่ว่ายังมีความปลอดภัยอยู่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ครับ อย่างที่บอกไปตามนั้น เพียงแต่ยังหาตัวไม่ได้อีก 2-3 คน แต่จำนวน 20 คน นายกฯ มาเลเซียยืน ยันว่าขอให้สบายใจได้ว่าปลอดภัย”
...
นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า เราก็ยังมีความกังวลอยู่ว่าสถานภาพของตัวประกันจะเป็นอย่างไร แต่จากการที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งได้กรุณาโทรศัพท์มาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นมิตรกับเราดีและรู้ว่าทางพี่น้องประชาชนคนไทย มีความเป็นห่วง รวมถึงจากการที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เดินทางไปเจรจาอย่างหนักที่มาเลเซียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านจึงให้ความสำคัญตรงนี้ ซึ่งได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และท่านก็เลยบอกว่าหากมีความคืบหน้าจะโทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบ อีกทั้งการที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปที่กาตาร์และอียิปต์ ต่างฝ่ายต่างช่วยกันอย่างเต็มที่
หลังจากนี้ ตนจะสั่งการให้เตรียมพร้อมเครื่องบินไว้ แม้ว่าขณะนี้ไม่มีคนไทยในอิสราเอลแสดงเจตจำนงแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมเส้นทางการบินไว้ หากมีความต้องการจะอพยพคนไทยในประเทศอื่นที่ไม่ใช่อิสราเอล จะได้เคลียร์เส้นทางการบินไว้ก่อน ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้า
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในเมืองเล่าก์ก่ายว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานที่จะนำตัวคนไทยเหล่านั้นออกมาให้ได้ แต่ยืนยันว่าตอนนี้ปลอดภัยแน่นอน และอยู่ในความดูแลของทหารเมียนมา ไม่ได้ถูกจับตัวไปอย่างที่มีการพูดกัน และทางกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงความชัดเจนให้ทราบต่อไป.