“ดิจิทัลวอลเล็ต” ยังคงเป็นมหากาพย์ประชานิยมที่วนอยู่ในอ่างไม่หลุดพ้นไปจากวงจรเดิมๆเสียที ทำให้รัฐบาลมีแต่เสียคะแนนเสียความน่าเชื่อถือ
หากไม่สามารถเคาะให้จบให้เร็วดีไม่ดีจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ที่เป็นปัญหาก็คือความไม่ชัดเจนว่าจะเอายังไงกันแน่ถ้าวันหนึ่งอย่างอีกวันไปอีกอย่างแบบไม่รู้จบ
ก็มีแต่เสียกับเสียทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มต้น
ล่าสุด ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่านโยบายจะเริ่มดำเนินการก็ต้องรอไปจนถึงเดือน ก.ย.67 โน่น
พูดแบบนี้ก็ยุ่งซิ...คนระดับนี้พูดใครก็เชื่อไว้ก่อน
กระทั่งนายกรัฐมนตรีต้องออกมาบอกว่าทุกอย่างยังไม่ชัดเจน และยังไม่มีข้อสรุป เป็นเพียงแค่ความเห็นของคนคนหนึ่งเท่านั้น
ต่อไปจะต้องหาคนออกมาพูดเพียงคนเดียวจะได้ไม่สับสน ขอให้ฟังผมเท่านั้น...ความจริงเรื่องนี้ควรจะดำเนินการอย่างนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว
เมื่อยังไม่ชัดเจนก็ไม่ควรปล่อยให้พูดกันไปเรื่อยอย่างที่ผ่านมา จนทำให้รัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ
นายกรัฐมนตรีต้องรับไปเต็มๆ
แต่ละก้าวเดินจากนี้ไปของนายกรัฐมนตรีนั้น แม้เส้นทางดูจะราบเรียบ แต่แรงกดดันจะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ยิ่งการที่ “เพื่อไทย” ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ “อุ๊งอิ๊ง”-“แพทองธาร ชินวัตร” ที่แน่นอนคือ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ไม่ช้าก็เร็ว
ในสถานการณ์อย่างนี้มันก็ต้องถูกโยงไปว่ามีนายกรัฐมนตรีทับซ้อนกันอยู่ แม้ต่างคนต่างก็พยายามที่จะสงวนท่าทีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสองคนสองฝ่าย
ความพยายามที่จะให้อีกฝ่ายได้มีบทบาทและเข้ามามีส่วนร่วมในรัฐบาล ไม่ว่าจะตั้งให้เป็นรองประธานซอฟต์พาวเวอร์และสุขภาพถ้วนหน้า
หรือบางคนแนะว่าให้เข้ามามีตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ก็ได้ เพื่อการเรียนรู้งานก่อนที่จะรับงานใหญ่ในวันข้างหน้า
...
แต่เชื่อว่าคงไม่รับมากกว่า!
เพราะคนเราเมื่อถูกวางบทบาทในตำแหน่งที่สูงกว่านั้น เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม การที่จะตั้งให้ไปเป็นหัวโขนในตำแหน่งที่ไม่ใช่ สู้ไม่เป็นเสียดีกว่า
ยิ่งทุกคนและสังคมเห็นตรงกันว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำรัฐบาลได้ ก็รอจนกว่าจะถึงวันนั้นดีกว่า
นี่เป็นเรื่องของ “เศรษฐา” ที่จะต้องคิดเองและสร้างผลงานด้วยตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับอันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตัวเอง
เพราะวันนั้นกับวันนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างน้อยก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้อยู่รอดครบเทอม 4 ปี ให้ได้เสียก่อนเป็นเบื้องต้น เพราะมันคล้ายกับว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างคน 2 คนโดยปริยาย
โอกาสที่จะต่อไปให้มากกว่านี้ได้ก็ต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อให้ได้รับการยอมรับโดยเฉพาะคนใน “เพื่อไทย”
เมื่อ “นายหญิง” ตัวจริงของเขามาแล้ว
นี่เป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ที่ปฏิเสธได้ยาก!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม