“เศรษฐา” เรียกฝ่ายความมั่นคงถกแก้ยาเสพติด-แก้หนี้นอกระบบ จี้ ตร.-ฝ่ายปกครองจัดการนายทุนขูดดอกมหาโหด แย้มเลขาฯ สมช.คนใหม่ลงตัว แต่ไม่บอกเป็นลูกหม้อหรือไม่ ลือกระหึ่ม โยก “บิ๊กรอย” ข้ามห้วย รทสช.ค้านชงยุบ กอ.รมน. “ณัฐชา” เย้ยนายกฯกลัวทหารจัด แค่เจียดที่ให้นิดหน่อยทำดีใจ “พิธา” ร่วมวงเสวนาที่สหรัฐฯชำแหละอำนาจที่ไร้ความชอบธรรม ชี้ไทยเสียเปรียบมาเลเซียห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์ “ภูมิธรรม” ควง “ผู้กอง” สยบดราม่าเกาเหลากระทรวงเกษตรฯ “ธรรมนัส” ขู่ขืนงอแงไม่เลิกจะรวบกรมใหญ่มาดูเอง “ผู้พันปุ่น” ไขก๊อกทิ้ง ทสท.

หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง แสดงความชื่นชมกองทัพที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการจัดหาที่ดินของกองทัพที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้ประชาชนเข้าไปใช้สิทธิทำกิน พร้อมกับยืนยันไม่มีแนวคิดยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

เรียกฝ่ายมั่นคงถกแก้ยาเสพติด

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 1 พ.ย. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เรียก พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เข้าหารือ ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า เรียกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ส. มาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด มี พล.ต.อ.ชินภัทรมาร่วมหารือด้วย มีการพูดคุยถึงเรื่องการกำหนดการครอบครองจำนวนเม็ดยาเสพติด เรื่องดังกล่าวจะมีการพูดคุยกันภายในอีกครั้งว่าควรกำหนดจำนวนเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม และการบริหารจัดการต่อไปจะเป็นอย่างไร

...

ฝาก ตร.ดูแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ยังพูดคุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีสูงของประชาชนในต่างจังหวัด ต้องอาศัยหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงเข้ามาช่วยดูแลประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะที่ผู้ที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบอาจทำไม่ถูกกฎหมาย เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยแพง ประชาชนจ่ายเงินต้นไปแล้วหลายรอบ ต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง รวมถึงนายอำเภอ

แย้มเลขาฯ สมช.คนใหม่ลงตัว

นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่ โดยนายกฯจะเป็นประธานการประชุม สมช. ในวันที่ 2 พ.ย.ว่า ตำแหน่งเลขาธิการ สมช.น่าจะลงตัวแล้ว แต่ขอให้คอยขั้นตอนสักนิดนึง หวังว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 7 พ.ย. จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้ ไม่มีปัญหาใดๆทั้งนั้น เมื่อถามว่าเลขาธิการ สมช.จะมาจากลูกหม้อใน สมช.หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เดี๋ยวขอพูดคุยอีกที

จ่อเสนอชื่อ “บิ๊กรอย” ข้ามห้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า ล่าสุดผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สมช. คนใหม่ ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในวันที่ 7 พ.ย. คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ถือเป็นการโอนย้ายในตำแหน่งสูงขึ้นเทียบเท่าระดับซี 11 ทั้งนี้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 40 ผ่านหลักสูตร FBI และหลักสูตรสืบสวนที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ผกก.7 บก.ทล., ผกก.2 บก.ทล., รอง ผบก.ทล., รอง ผบก.สบพ., รอง ผบก.ฝรก., ผบก.ทท., รอง ผบช.ก., ผบช.สันติบาล, ผบช.ศึกษา, ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.ดูแลงานด้านความมั่นคง และมีชื่อลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. 2 สมัย เกษียณอายุราชการปี 2567

ตร.แนะ 5 เม็ด พอกันผู้ค้ารายย่อย

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ยังอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเข้าสู่คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เพื่อให้ความเห็นชอบเห็นควรกำหนดปริมาณยาเสพติดไว้ที่ 5 เม็ดเท่านั้น โดยผ่านการหารือจากหน่วยที่เกี่ยวข้องในเวทีการประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ที่มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร.เป็นประธาน ให้เหตุผลว่า เป็นปริมาณยาเสพติดที่ผู้ค้ารายย่อยไม่คุ้มค่าความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี หากกำหนดปริมาณที่ 10 เม็ด จะเป็นปริมาณที่ผู้ค้ารายย่อยนิยมจำหน่ายในชุมชน หากถูกจับกุมสามารถเลี่ยงการถูกดำเนินคดีโดยสมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้ ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดในชุมชน และเกิดผู้ค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อนาคตผู้ค้ากลุ่มนี้จะพัฒนาไปเป็นผู้ค้ารายใหญ่ต่อไป ที่ผ่านมาตลอด 2 ปี การที่ไม่มีกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดที่มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพชัดเจน ถือเป็นปัญหาอุปสรรคในการจับกุม มีการอาศัยช่องว่างนี้แอบอ้างว่าเป็นผู้เสพ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ

ป.ป.ส.ข้อมูลตรงกันยึดหลัก 5 เม็ด

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.เลขาฯ ป.ป.ส. กล่าวว่า ส่วนตัวมีข้อเสนอว่าเกณฑ์การครอบครองยาบ้าควรอยู่ที่ 5 เม็ด เป็นเกณฑ์ที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานยึดหลักนี้มาตลอด มาจากหลายองค์ประกอบทั้งฝั่งวิชาการการแพทย์ ผู้บังคับใช้กฎหมาย นายกฯได้สั่งการเร่งด่วนในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ quick win ให้เร่งดำเนินการนำผู้ใช้ยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด ปัจจุบันมีผู้ใช้ยาเสพติดทั่วประเทศประมาณ 530,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสพที่มีอาการทางจิตเวช และอาจก่อเหตุความรุนแรง 32,623 คน แบ่งเป็นกลุ่มเฝ้าระวังสูงสุด 1,963 คน กลุ่มเฝ้าระวังสูง 5,024 คน และกลุ่มเฝ้าระวังทั่วไป 25,636 คน นโยบายดังกล่าวจะเริ่มวันที่ 1 ธ.ค.66 จากนั้นเดือน ก.พ.67 จะดำเนินนโยบาย “1 โรงพัก 1 ตำบล” ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับชุมชน นอกจากนี้นายกฯยังกำหนดพื้นที่เร่งด่วนควบคุมการลักลอบนำเข้ายาบ้าเข้าไทย ประกอบด้วย พื้นที่ จ.เชียงใหม่ 5 อำเภอ จ.เชียงราย 6 อำเภอ และ จ.นครพนม 4 อำเภอ โดยหน่วยงานความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจจะร่วมกันบูรณาการ ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยประสานข้อมูลจับตาความเคลื่อนไหว

“ธนกร” ค้าน ก.ก.ชงยุบ กอ.รมน.

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเชิญชวนประชาชนแสดงความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อยุบ กอ.รมน.ว่า ขอคัดค้านไม่เห็นด้วยอีกคน กอ.รมน.มีบทบาทสำคัญในการปกป้องรักษาความมั่นคงภายใน หากยุบไปอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ได้ เห็นด้วยกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่ไม่มีแนวคิดจะยุบ กอ.รมน. ผู้ที่สนับสนุนให้ยุบ กอ.รมน.อาจมองว่ามีอำนาจมากเกินไปอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน และถูกมองว่าเป็นหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่มีอยู่ ขอตั้งข้อสังเกตว่าการให้เหตุผลเหล่านี้อาจมีเรื่องอื่นแฝงอยู่หรือไม่ การตัดสินใจว่าจะยุบ กอ.รมน.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร ควรพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ

“ณัฐชา” เย้ย “เศรษฐา” กลัวทหาร

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะ ผอ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ยืนกรานไม่ยุบ กอ.รมน.ว่า นายเศรษฐาเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งไม่ต้องกลัวทหารขนาดนั้น การยุบ กอ.รมน. เป็นเรื่องที่เมื่อครั้งอยู่ฝั่งเดียวกันก็คิดเหมือนกันว่ามันเป็นรัฐซ้อนรัฐ แต่พอมีอำนาจวันนี้เห็นอาการขี้หดตดหาย กลัวอะไรทหารขนาดนั้น บอกจะแถลงข่าวใหญ่อุตส่าห์ดีใจคิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ที่แท้ก็แค่ไปขอร้องทหารมีอะไรพอคืนให้ประชาชนได้ ขอนายกฯเอาไปแถลงข่าวใหญ่หน่อย สุดท้ายได้มา แค่ที่ดินที่เป็นของประชาชน เอามาคืนประชาชนแล้วจะบังคับให้ประชาชนดีใจอีกหรือ ในวันที่ให้ความเห็นสนับสนุนการอยู่ต่อของ กอ.รมน. ท่านก็ไม่ได้คิดถึงคนที่ต่อสู้เคียงข้างพรรคเพื่อไทยที่ทำให้ท่านเป็นนายกฯ วันนี้ดีใจนายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล ความจำยังดียังเห็นด้วยกับการเสนอยุบ กอ.รมน. ไม่ให้อยู่ๆกันไปเป็นรัฐซ้อนรัฐอีก

“พิธา” ชำแหละอำนาจไร้ชอบธรรม

ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเป็นผู้บรรยายสถานการณ์ประเทศไทย ตามคำเชิญองค์กรกองทุนคาร์เนกี้เพื่อสันติภาพโลก Carnegie Endowment for International Peace ในหัวข้อ “What’s Next for Thailand” และร่วมตอบคำถามพิธีกรหลายประเด็น อาทิ นิยามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยหลังการเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไร นายพิธาตอบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง คือการสร้างฉันทามติร่วมของคน 1% ด้านบนสุด ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ยุติความขัดแย้งระหว่างเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แลกกับการผิดสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ขณะเดียวกันเกิดการจัดแนวร่วมใหม่ระหว่างประชาชนที่อยู่ในส่วนล่างของทั้ง 2 ข้าง จนกลายเป็นการแบ่งขั้วใหม่ในปัจจุบัน ผู้นำมีฐานของการใช้อำนาจได้ 2 อย่าง คือ อำนาจ (authority) ความชอบธรรม (legitimacy) หรือมีทั้ง 2 อย่าง แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ชนะการเลือกตั้งแต่ได้โอกาสในการปกครอง คือผู้ที่มีอำนาจ แต่ไม่มีความชอบธรรมจากประชาชนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกแล้วว่าอยากให้มีการทำตามสัญญาในนโยบายใด ในฐานะฝ่ายค้านจะพยายามทำงานอย่างสร้างสรรค์ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มอบทางเลือกให้กับประชาชน ไม่ใช่การจ้องจะล้มรัฐบาลทุกวัน เพราะตนรอได้

ไทยเสียเปรียบ “เซมิคอนดักเตอร์”

พิธีกรได้ซักถามถึงการเยือนต่างประเทศของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่มีการหารือถึงประเด็นเศรษฐกิจเป็นหลัก ในยามที่โลกกำลังเผชิญความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ มองกรณีดังกล่าวว่าเป็นโอกาสของประเทศไทยเช่นกันหรือไม่ นายพิธาตอบว่า โดยพื้นฐานไทยเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนด้านขนาดเศรษฐกิจ แต่เป็นประเทศที่เติบโตต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 สิบปีที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่สูญหาย เศรษฐกิจที่ดีอาจดีสำหรับคน 1% ไม่ใช่สำหรับคนที่เหลือ สำหรับวิกฤติเซมิคอนดักเตอร์เห็นว่ามาเลเซียมีโอกาสได้ประโยชน์มากที่สุด ผู้ว่าการรัฐปีนังเคยให้ข้อมูลแก่ตนว่า 40% ของรายได้จากการลงทุนต่างชาติของมาเลเซีย มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ มาเลเซียมีความได้เปรียบกว่าไทย ทั้งในด้านทรัพยากรมนุษย์ ทักษะ และภาษา จึงเป็นการยากสำหรับประเทศไทยที่จะแข่งขันกับแม้แต่ประเทศในอาเซียน ในการตักตวงประโยชน์จากวิกฤติห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์

รัฐบาลให้เอกสารสิทธิไปต่อยอด

วันเดียวกัน นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 3/2566 ว่า คณะกรรมการชุดนี้มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินให้เป็นนโยบายจัดสรรที่ดิน 50 ล้านไร่ ตามที่นายกฯแถลงต่อรัฐสภา ครอบคลุมทั้งพื้นที่ในเขต ส.ป.ก. พื้นที่ป่าไม้ต้องบูรณาการหลายกระทรวง การเร่งรัดให้ประชาชนมีสิทธิมีที่ดินทำกินมิใช่เพียงการให้อาชีพ ให้โอกาสสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนเท่านั้น แต่รัฐบาลยังมุ่งหวังให้สามารถใช้เอกสารสิทธิหรือหนังสืออนุญาตที่รัฐออกให้เหล่านี้ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการเข้าถึงแหล่งทุนให้ได้จริง ต่อยอดเป็นทุนประกอบอาชีพได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ ศึกษาแนวทางการทำ “โฉนดดิจิทัล” เชื่อมต่อกับระบบแผนที่ One-Map ให้ใช้ฐานข้อมูลที่ดินออนไลน์กลาง แทนการแนบแผนที่แนบท้ายในรูปแบบกระดาษ ประสานการใช้ประโยชน์จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมธีออส 2 (THEOS-2) ทำให้การทำงานของภาครัฐมีความแม่นยำ รวดเร็ว ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และภาคประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกมากขึ้น ตามหลักคิดของนโยบายรัฐบาลดิจิทัล

“ภูมิธรรม” ควง “ผู้กอง” สยบดราม่า

ช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า มีปัญหาเรื่องการบริหารงานบุคคลในกรมปศุสัตว์ว่า ปัญหาดังกล่าวได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์แล้วต่อมาเวลา 11.30 น.ที่ตึกภักดีบดินทร์ นายภูมิธรรมเดินโอบหลัง ร.อ.ธรรมนัส มาให้สัมภาษณ์สื่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า เรื่องในกระทรวงได้คุยเรียบร้อยไม่มีปัญหา ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน อาจมีเรื่องนี้บ้าง พร้อมหันไปถาม ร.อ.ธรรมนัสว่าถูกหรือไม่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสตอบกล่าวว่า ครับ นายภูมิธรรมจึงกล่าวกับสื่อว่ายืนยันเรื่องนี้จบนะ และต่างฝ่ายต่างไหว้กัน ก่อนแยกออกจากกัน

“ธรรมนัส” ขู่รวบกรมใหญ่มาดูเอง

จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ก่อนการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายไชยามาแจ้งกับตนว่าให้สัมภาษณ์กับสื่อไม่มีเจตนาพาดพิงก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อเป็นประเด็นขึ้นมาได้คุยกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทย และได้เรียนกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ซึ่งนายกฯบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีประเด็นอะไร รวมทั้งได้หารือกับนายภูมิธรรมก็ไม่มีอะไร เป็นเพียงฤดูกาลปรับย้ายข้าราชการระดับต้นและระดับสูง คงมีข้าราชการไปพูดคุยกับนายไชยา เมื่อสื่อมวลชนถามนายไชยา ก็เลยตอบ เมื่อเกิดประเด็นนายไชยาได้โทรศัพท์มาขอโทษที่ทำให้เป็นประเด็น ทั้งนี้เรื่องการมอบงานดูแลงบประมาณและบุคคล ไม่มีกระทรวงไหนเขาทำกัน เพราะเวลาเกิดประเด็นปัญหาคนที่รับผิดชอบคือรัฐมนตรีว่าการเป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ สมัยเป็น รมช.เกษตรฯมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็ทำงานได้ภายใต้กรอบงานที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้นปัญหาที่รัฐมนตรีใหม่หลายคนยังไม่เข้าใจ คือความรับผิดชอบภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามว่าหากนายไชยาออกมาพูดอีกจะทำอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “ผมได้คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค คุยกับนายกฯแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงต้องมีมาตรการอื่นในการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลกรมต่างๆ โดยผมอาจดูว่ากรมไหนที่ใหญ่ๆ ผมอาจเอามาดูแลเอง”

“ผู้พันปุ่น” ไขก๊อกทิ้ง ทสท.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้ยื่นหนังสือแจ้งกับ กกต.ว่าลาออกจากการเป็นสมาชิกทสท.เป็นที่เรียบร้อยกับทางพรรค ทสท.ไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค.แล้ว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 27 วรรคสอง กำหนดให้การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมีผลสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง หรือนายทะเบียนพรรคการเมือง และระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2565

“วรงค์” โวย กกต.ตั้งข้อหาล้มล้าง

อีกเรื่อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาพรรคไทยภักดีว่าล้มล้างการปกครอง และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมืองมาตรา 92 ให้ไปชี้แจงวันที่ 8 พ.ย. หรือทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อเท็จจริงได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคไทยภักดีตั้งแต่หลังการเลือกตั้งแล้ว สิ่งที่พูดในการประชุมใหญ่พรรคเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2566 เป็นการพูดในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ที่เสนอว่าเราควรใช้คำว่าระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ มากกว่าที่ใช้คำว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สิ่งที่ผมพูดเป็นการเสนอข้อมูลในเชิงวิชาการ ประเทศอื่นก็ใช้คำในทำนองนี้ แปลกใจว่า กกต.จะเอาผิดอะไร เป็นการพูดในเชิงวิชาการ และพร้อมชี้แจง เรื่องร้องเรียนทุจริตไม่คืบหน้า แต่กลับมารับลูกในเรื่องแบบนี้

จับตาเปิดกรุสมบัติ 90 สส.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในวันที่ 3 พ.ย.สำนักงาน ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส.กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2566 อีก 90 ราย มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายรังสิมันต์ โรม นายชัยธวัช ตุลาธน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม นายจาตุรนต์ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์

“สมศักดิ์”เร่งสางปม รพ.สต.

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สมาชิกชมรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งประเทศ ไทย (รพ.สต.) กว่า 100 คน นำโดยนายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรม รพ.สต.แห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลสนับสนุนการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี รับหนังสือ โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขอยืนยันว่าจะช่วยให้ปัญหาโอน รพ.สต.ไป อบจ.เดินหน้าได้ต่อ แต่อะไรที่ผิดต้องหยุดก่อนแล้วหาวิธีการถ่ายโอนที่ถูกกฎหมาย และได้รับสิทธิเทียบเท่ากัน ต้องฟังเสียงของประชาชนและข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนใดที่เดินหน้าได้ให้ดำเนินการต่อแต่ที่ยังติดปัญหาจะรับเรื่องหาทางออกให้ ยอมรับว่าไม่สามารถไปบังคับกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่จะพูดคุยให้อย่างต่อเนื่อง และจะนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น