ศึกในปะทุ เกิดรอยปริร้าวในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีปัญหาขัดแย้งตามคาด กระทรวงที่มี 3 รมต. จาก 3 พรรคการเมือง
“ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการ นายไชยา พรหมา จากเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วย “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย จากรวมไทยสร้างชาติ เป็นรัฐมนตรีช่วยอีกคน
ช่วงนี้ “ไชยา” ในฐานะกำกับดูแลกรมปศุสัตว์งานชุก ต้องตะลุยปราบเนื้อเถื่อน หลังพบขบวนการลักลอบนำเข้ามาตามแนวชายแดน ทั้งโคและสุกร
แต่ติดขัดขั้นตอนสั่งการข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เพราะได้แค่กำกับดูแล แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย จัดสรรงบประมาณ แถมตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูโยกย้ายพอดี ข้าราชการจึงเกิดอาการหูตึง “แข็งเมือง”
ทำเอา “ไชยา” ควันออกหู ออกมาแฉอำนาจซ้อน มีคนแอบสั่งการ จนข้าราชการสับสนต้องฟังใครกันแน่
ชัดเจนไม่ต้องเดาพุ่งเป้าไปที่ใคร “ผู้กองนัส” ไม่ประนีประนอมให้เสียเวลา ออกมาตอกกลับไม่ไว้หน้าทันที
ไม่มีกระทรวงไหนมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยดูแลงบประมาณและบุคคล เพราะเวลาเกิดปัญหาขึ้นมา คนที่รับผิดชอบคือรัฐมนตรีว่าการ
...
เป็นปัญหาที่รัฐมนตรีใหม่หลายคนยังไม่เข้าใจ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงจะต้องมีมาตรการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลกรมต่างๆ กรมไหนที่ใหญ่ๆ อาจจะเอามาดูแลเอง
เรื่องนี้คาราคาซังมา 2 เดือน ยังไม่จบ เพราะมือเคลียร์อย่าง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย พรรคเดียวกับ “รมต.ไชยา” ดันออกตัวถือหาง “ผู้กองนัส”
ศึกนี้ “รมต.ไชยา” เลยเสียเปรียบชัดเจน เป็นรองทุกประตู ชนตอแถมไร้ตัวช่วย
เดาไม่ยากใครจะเพลี่ยงพล้ำแพ้พ่าย เสียวแทน “รมต.ไชยา” ถ้าแข็งขืนอาจถึงขั้นเก้าอี้กระเด็น
อาการหลังพิงฝาหาที่พึ่งสุดท้าย นั่นก็คือ “นายกฯนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ตอนนี้ทำอะไรเอ่ยอ้างแนวนโยบายนายกฯตลอด
แต่ถ้าปราบปรามเนื้อเถื่อน ช่วยเหลือเกษตรกรได้ก็ถือเป็นผลงานรัฐบาล ทำแต้มให้ “นายกฯนิด” ได้เหมือนกัน ดูอาการนายกฯแล้วก็ยังยืนอยู่ข้าง รมช.เกษตรฯ
แต่ศึกนี้ต้องรู้ดำรู้แดง ไม่จบง่ายๆ
ว่ากันตามหลักแม้พรรคพลังประชารัฐ ที่ ร.อ.ธรรมนัสสังกัดอยู่จะไม่ได้เป็นตัวแปรสำคัญในรัฐบาลเท่าไหร่แล้ว แต่ที่มีบารมีมากขึ้นในรัฐบาล เพราะมีข่าวลือหนาหู “ผู้กองนัส” ย้ายกลับเข้าพรรคเพื่อไทยแล้วโดยพฤตินัย
และอย่างที่รู้กันคอนเนกชันแน่นปึ้กขนาดไหนกับระดับบิ๊กเพื่อไทย ต่อสายหาได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาคนกลาง เส้นเลยแข็งขึ้นไปอีก
หลายคนยังเชื่อไปแล้วว่าทุกวันนี้ ร.อ.ธรรมนัสทำงานให้พรรคเพื่อไทย
ดังนั้น บอกคำเดียวเหนื่อยแทน “รมต.ไชยา” ที่ต้องเร่งสร้างผลงานเป็นเกราะคุ้มภัย ประกันเก้าอี้ รมต. เช่นเดียวกับ “นายกฯนิด” ที่คู่เทียบอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ กำลังเปล่งประกายเจิดจ้า
ฉะนั้นผลงานแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่พอแน่ สำหรับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ที่กำลังหิวกระหายกระแสความนิยม
รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งปล่อยนโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม ออกมากู้กระแส และจะต้องมีนโยบายทีเด็ดทีขาด ที่กลายเป็นผลงานให้ประชาชนจดจำ ต่อยอดไปจนถึงเลือกตั้ง
ล่าสุด ครม.ลดราคาน้ำมันเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ลิตรละ 1 บาท
ไม่ได้หวือหวา แค่ประคองกระแส แจกไปเรื่อย ลดค่าโน่นนี่นั่นเป็นระยะ
แต่นโยบายเรือธงที่เห็นกันจะจะอย่าง “ดิจิทัล วอลเล็ต” ยังคงเป็นเป้าหมายของรัฐบาล และ “นายกฯนิด”
แม้จะมีข้อเสนอแนะ แก้ไข ปรับปรุง และทางเลือกมากมาย เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยง จากหลายหน่วยงาน หรือแม้แต่คณะอนุฯ ที่มี “เสี่ยหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน
แต่ก็ยังไม่ปรากฏความชัดเจน หรือตัดสินใจฟันธงใดๆ จากนายกฯเศรษฐา
เพราะการยกเลิก “ดิจิทัล วอลเล็ต” หรือแม้แต่ตัดทอน จำกัดสิทธิคนรวย หรือคนบางกลุ่ม ลดปริมาณการแจก ลดขนาดโครงการ ล้วนไม่เป็นผลดีต่อนายเศรษฐาในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ แถมยังผิดคำพูด
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่เกิดการกระตุ้นศรัทธาในตัว “นายกฯนิด” หนำซ้ำยังทำร้าย
“ดิจิทัล วอลเล็ต” อาจจะเป็นเดิมพันสุดท้ายของนายกฯเศรษฐา
ที่ต้องเสี่ยงเกหมดหน้าตัก เพื่อรักษาเครดิต.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม