ด้วยสิ่งแวดล้อมโลกเกิดภาวะที่ทำให้เป็นอุปสรรคจนไม่สามารถขับเคลื่อนไปตามปกติได้อย่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่นับวันจะก่อความรุนแรงและบานปลายยากจะประมาณได้
คือไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร-เมื่อใด
ผลที่ตามมาทำให้โลกวุ่นวายไปตามสภาพการ น้ำมัน-ทอง-ค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
การส่งออก-ท่องเที่ยวเป็นผลลัพธ์โดยตรง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องพึ่งพา 2 ปัจจัยหลักนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เติบโต
“ส่งออก” ที่เคยติดลบมายาวนานพอตั้งลำได้ขยับมาเป็นบวกต้นๆ ก็ต้องมาเจอเรื่องนี้เข้าไปอีกจนไปแทบไม่เป็น
“ท่องเที่ยว” เครื่องจักรตัวหลักที่ฟุบไปพักหนึ่งพอจะดีขึ้นโดยเฉพาะนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ที่หวังจะได้นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นกอบเป็นกำด้วยบรรยากาศอย่างนี้ย่อมไม่เอื้อเท่าใด
เชียงใหม่ขยับเปิดสนามบิน 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนต้องเปิดฟรีวีซ่าเพิ่มอีก 2 ประเทศ คืออินเดียและไต้หวัน ที่ปกติเป็นนักท่องเที่ยวเดิมอยู่แต่เพิ่มความสะดวกเพื่อสร้างแรงจูงใจ
ก็ต้องดูกันต่อไป!
นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” นั้นทำงานเร็วฉับไวแต่ดูเหมือนพวกที่ตกฐานะ “บุญมีแต่กรรมบัง” เพราะเดี๋ยวเกิดโน่นเหตุนี่ทับซ้อนกันตลอด
อีกมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการตามคำเรียกร้องของบรรดาเจ้าของสถานบันเทิงต่างๆ ที่ต้องการให้ขยายเวลาปิดไปถึงตี 4 เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะท่องราตรียามดึก
เนื่องจากหัวค่ำต้องไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เริ่มกิจกรรมบันเทิงก็เที่ยงคืนไปแล้ว ดังนั้นถ้าปิดเร็วแค่ตี 2 ตลาดก็วายแล้ว
เจ้าของธุรกิจให้คำตอบตรงไปตรงมาและชัดเจนสามารถพิสูจน์ได้ด้วย ระบุตัวเลขด้วยว่าหากปิดตี 4 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
...
เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นการเที่ยวราตรีในประเทศไทยคือแรงจูงใจอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเลือกมาเที่ยวเมืองไทย
กระทรวงมหาดไทยขานรับแนวทางนี้กำหนดการจะเริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.66 ทั้งนี้ได้มีการกำหนดโซนเอาไว้แล้ว
อย่างเช่น กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พัทยา เป็นหลัก ซึ่งจะมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นก่อนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
ประเด็นนี้มีความเห็นที่ต่างกันอยู่ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่เห็นด้วยก็มีคำตอบอยู่แล้ว แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าแค่ตี 2 ก็พอแล้วเพราะเกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ถ้าเอาสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเวลาตี 2-ตี 4 ก็ห่างกันแค่ 2 ชั่วโมง หากทำให้ธุรกิจดีขึ้นและนักท่องเที่ยวพอใจก็น่าจะมีคำตอบได้
ประเด็นมันอยู่ที่ว่ารัฐจะต้องมีมาตรการควบคุมให้เข้มงวดรัดกุม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายเพราะตรงนี้คือหัวใจสำคัญ
ว่าไปแล้วปกติทุกวันนี้สถานบันเทิงส่วนใหญ่ก็ปิดไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่หากิน ดังนั้นไหนๆจะเปิดเสรีกันแล้วก็เอาให้ถึงที่สุดไปเลย
เจ้าของธุรกิจก็ไม่ต้องไปกังวล
แต่ต้องมีความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม