เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เบี้ยวซะละมั้ง

อาการพ่อค้า แม่ขาย อารมณ์ชาวบ้านร้านตลาดเห็นพาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเช้าวันที่ 31 ตุลาคม 2566

“พิชัย” กุนซือนายกฯฟันธง แจก “1 หมื่น” ให้รอ ก.ย.67

เล่นเอา “เซ็งเป็ด” ไปตามๆกัน กับฝันจับเงินหมื่นที่ค่อยๆอันตรธานเลือนราง โครงการเทกระจาด “ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท” ที่ลอยเคว้งคว้าง

จากเริ่มต้นด้วยลีลาขึงขังแบบที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ประกาศจะแจกกันในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีหน้า

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ต่อมา “เสี่ยหนิม” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อ้อมๆแอ้มๆออกตัวว่า ไม่ทัน เพราะสารพัดปมปัญหา หาเงินไม่ทัน ขอลากไปเดือนเมษายนหรือช่วงกลางปี

ล่าสุดก็เป็นนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ ยอมสารภาพกลางวงเสวนาของวุฒิสภา โครงการ “เรือธง” ของรัฐบาลเพื่อไทย กว่าจะกดปุ่มโอนกันได้ก็คงรอถึงเดือนกันยายน ปลายปีหน้า 2567

...

ผัดผ่อนกันยิ่งกว่าลูกหนี้ “เงินกู้นอกระบบ”

ที่แน่ๆคือ “ไม่ตรงปก” ตามที่ประกาศบนเวทีหาเสียง

ผิดฟอร์มของเจ้าตำรับ “โคตรประชานิยม” ที่ชาวบ้านติดอกติดใจ จากที่หวังจะใช้รายการเทกระจาดเงินหมื่น ดิจิทัล วอลเล็ต ดึงคะแนนต้นทุนหน้าตักของยี่ห้อเพื่อไทย ที่เสียหายไปจากการจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว

กลายเป็นโดนด่าเบี้ยวซ้ำ “เข้าเนื้อ” หนักกว่าเดิม

ผลจากการคิดอย่างไม่เป็นระบบ รีบปล่อยโครงการที่ “ไม่สำเร็จรูป” หาเสียง มัดคอ แค่หวังกวาดแต้มเลือกตั้ง ไม่ได้เผื่อรองรับเงื่อนไขสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

นั่นไม่เท่ากับ “ปมด้อย” ตราประทับโครงการทุจริตจำนำข้าวที่ยังเป็นแผลสด

เสียงทัก เสียงขู่เขย่าขวัญ อาถรรพณ์ความผิดซ้ำต่องบประมาณแผ่นดิน ทำให้ “มืองาน” ที่วางตัวไว้ ไม่กล้าเสี่ยงกับการหนี “ช่องทางธรรมชาติ”

สถานการณ์ยิ่งกดดันนายเศรษฐาและทีมงาน “ผิดแผน” ไปหมด

ไม่ใช่แค่เหลี่ยมทางการเมืองเท่านั้น แต่สำคัญกว่าก็คือการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ตามข้อมูลแบบที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินการคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567

จีดีพีจะขยายตัว 4.4 เปอร์เซ็นต์

โดยเป็นผลรวมมาจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ที่ใช้วงเงินไม่น้อยกว่า 5.6 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันเป้าหมายเศรษฐกิจไทยให้เติบโตระดับที่ตั้งไว้

แต่หากการดำเนินนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตไม่ได้ใช้วงเงินระดับ 5.6 แสนล้านบาท ก็ต้องยอมรับว่าจีดีพีของไทยในปี 67 จะต้องปรับลดต่ำกว่าร้อยละ 4.4 แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า ลดลงเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพราะนโยบายแจกเงินดิจิทัลยังขาดความชัดเจน

“เรือธง” ติดภูเขาน้ำแข็ง แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการอัดฉีดน้ำหล่อเลี้ยงภายในด้วย “อัฐยายซื้อขนมยาย” ส่อแป้ก

และนั่นก็จำเป็นต้องเบนหางเสือใหม่ในการโชว์เชิงบริหาร เร่งเนื้องานในการดึงเม็ดเงินลงทุน หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ติดๆดับๆ

แบบที่นายเศรษฐาเดินสายเยือน สปป.ลาว ชวนรัฐบาลเวียงจันทน์ร่วมหุ้น “Growth Area” เดินโครงการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

แต่นั่นก็น่าจะช้าไป เพราะต้องใช้รำสาละวันกันอีกนาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ตามความจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินเฉพาะหน้า จับทางนายเศรษฐา น่าจะหันไป “รีโนเวท” เมกะโปรเจกต์ “แลนด์บริดจ์” ภาคใต้เชื่อมอ่าวไทย–อันดามัน ที่อดีตรัฐบาล คสช.ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ โดยแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และทีมเทคโนแครตได้เขียนพิมพ์เขียว ปักหมุด วางเสาเข็มไว้อย่างแน่นหนา

ในยุคที่ไม่มีนักเลือกตั้งอาชีพแย่งชามน้ำข้าววุ่นวาย

เป็นโครงการที่นักลงทุนต่างชาติ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ยุโรป ติดตามมาตั้งแต่ต้น สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาโปรโมตโรดโชว์กันใหม่

โอกาสทองใกล้มือสุด ที่นายเศรษฐาจะหยิบฉวยมาดึงเม็ดเงินลงทุนได้

ไม่ต้องเขิน ไม่มีเวลามาแบ่งแยกของเขา ของเรา.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม