มหาดไทย ขับเคลื่อนโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก เตรียมรื้อถอนศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าให้เสร็จใน 4 เดือน ตั้งเป้าเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่สำคัญของประเทศ

วันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย จัดแถลงข่าวโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เห็นชอบประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน และเห็นชอบแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน ส่วนหนึ่งของแผนแม่บทกำหนดให้ย้ายส่วนราชการออกจากพื้นที่ใจกลางเมือง และปรับปรุงการใช้พื้นที่อาคารส่วนราชการเพื่ออนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีภูมิทัศน์ที่เป็นระเบียบสวยงามต่อมาในปี 2558 จังหวัดน่านย้ายศาลากลางจังหวัดไปยังศูนย์ราชการจังหวัดแห่งใหม่ ทำให้ศาลากลางจังหวัดหลังเก่าไม่ได้ใช้ประโยชน์จนทุกวันนี้ 

สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

...

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย มองเห็นศักยภาพและความพร้อมของมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเชื้อเชิญให้มาร่วมบริหารจัดการโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดรับฟังความคิดเห็นของชาวน่าน โดยมีประชาชนที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น “เห็นด้วย” ถึงร้อยละ 92

ต่อมาวันที่ 14 มีนาคม 2565 ครม. มีมติรับทราบและเห็นชอบ จากนั้นวันที่ 14 กันยายน 2566 กระทรวงมหาดไทย ลงนามสัญญาอนุญาตให้มูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ นำโดย นายบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ เป็นประธานร่วมและลงนามในสัญญาอนุญาต โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย, นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน

สำหรับพื้นที่โครงการฯ ภายหลังจากการปรับปรุงพื้นที่และก่อสร้างแล้วเสร็จ จะมีอาคารและลานเรียนรู้ต่างๆ ได้แก่ หอศิลปวัฒนธรรม อาคารหอประชุมอเนกประสงค์ อาคารบริการ สวนพฤกษศาสตร์และลานกิจกรรม โดยจะไม่มีการเก็บค่าใช้บริการใดๆ ทั้งสิ้น และไม่มีการนำพื้นที่ทั้งหมด หรือบางส่วนให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ส่วนตน ไม่ปล่อยเช่าพื้นที่ว่างเปล่า เพื่อให้เป็นสถานที่ที่จะช่วยยกระดับองค์ความรู้ของพี่น้องประชาชนจังหวัดน่านอย่างแท้จริง และจะเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่สำคัญของประเทศไทย

ทางด้าน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเสริมถึงขั้นตอนการรื้อถอน และมาตรการการดูแลผลกระทบจากการรื้อถอน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้สำนักงานจังหวัดน่าน และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน ประสานงานและดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ กฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 

สำหรับพื้นที่โครงการฯ อยู่ในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ นน 405 (บางส่วน) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน เนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา โดยมีวัสดุที่เกิดจากการรื้อถอนแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

1) ทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อาทิ องค์พญาครุฑ ป้ายศาลากลางจังหวัดน่าน แผ่นจารึก ป้ายทำเนียบรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน จะทำบัญชีและมีคณะกรรมการร่วมตรวจสอบ เพื่อนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่อไป 

2) ทรัพย์สิน/วัสดุ ที่ยังนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้

3) ทรัพย์สิน/วัสดุ ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ 

ทั้งนี้ จะรื้อถอนอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน (หลังเก่า) และสิ่งปลูกสร้างเดิมออกทั้งหมด ทั้งที่อยู่เหนือพื้นดินและอยู่ใต้ดิน สอดคล้องกับรายงานโครงการรับฟังความคิดเห็นประชาชนฯ เมื่อเดือนกันยายน 2565 ฉบับสมบูรณ์ โดยจะรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน นับจากวันที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่โครงการ

ขณะที่ พระชยานันทมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง ได้เจริญพรถึงข้อมูล ความคิดเห็นของภาคประชาชนที่มีต่อโครงการฯ ว่า มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างถูกต้อง เป็นความร่วมมือร่วมใจระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อร่วมกันทำให้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน จึงขออนุโมทนาในความตั้งใจดำเนินการของภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคเอกชน อันจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อจังหวัดน่านสืบไป.